น้ำตาอาบหน้า "อรอนงค์" เปิดใจแยกทางกับสามี หวานอมขมกลืนมาตลอด 2 ปี

นางสาวไทยปี 2535 “อรอนงค์” เปิดใจน้ำตาอาบหน้า หลังแยกทางกับสามี เผยหวานอมขมกลืนมาตลอด 2 ปี เคยโทษตัวเองบกพร่อง ก่อนรู้ความจริง

ถือเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮามาก เมื่อสาวอ่อนหวานอย่าง “อรอนงค์ ปัญญาวงศ์” นางสาวไทยปี 2535 ประกาศหย่าฟ้าแลบด้วยการโพสต์ภาพใบหย่าลงในไอจีส่วนตัวของเธอ โดยเธอได้ให้ข้อมูลเพียงสั้นๆ ว่าสาเหตุมาจากมือที่ 3 ซึ่งทำให้มีกระแสข่าวลือออกมามากมาย ล่าสุดในงาน เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ Soft opening ผลิตภัณฑ์นมผึ้ง W.H.Royal Jelly เธอได้ถือโอกาสเปิดใจอย่างหมดเปลือกกับถึงข่าวที่เกิดขึ้น

โดยอดีตสาวงามเผยว่าเธอเริ่มรับรู้ว่าสามีเปลี่ยนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากโทรศัพท์แปลกและเริ่มกลับบ้านดึก จากที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันเขากลับอ้างเรื่องกินเลี้ยง ซึ่งเธอยอมรับว่าตอนแรกเธอโทษตัวเองและพยายามปรับจูนกันให้เหมือนเดิมแต่ก็ไม่สำเร็จ ยังมีปัญหาเหมือนเดิม เธอยังบอกอีกว่าเธอรับรู้ว่ามีคนใหม่เข้ามา แต่คุยกันไปก็เหมือนคนไม่มีใจ เมื่อไม่สามารถปรับจูนกันได้เธอก็คิดว่าน่าจะแยกทางกันดีกว่า พร้อมทั้งบอกอีกว่าเธอไม่อยากยื้ออีกต่อไป จบแบบนี้น่าจะดีที่สุด

เมื่อถามถึงกระแสข่าวเป็นสาวในออฟฟิศสามีใช่หรือไม่ อดีตนางสาวไทยกล่าวว่า “ไม่ขอพาดพิงดีกว่านะ ก็อาจจะตามนั้น พอรู้คืออาจจะเคยเห็นหน้าเขา แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดตามอะไร ไม่รับรู้เลยว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหนอย่างไร แต่ก็เป็นคนในออฟฟิศเดียวกัน อดีตสามีเขาก็มีขอโทษ มันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น”

โดย“อรอนงค์ ปัญญาวงศ์”ยังกล่าวว่า “เธอเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในฐานะแม่ก็ไม่อยากให้ลูกต้องเห็นน้ำตา พูดมาถึงตรงนี้เธอร้องไห้ออกมาก่อนกล่าวต่อว่า “อรก็จะพยายามทำดีที่สุดเท่าที่ตัวเองสามารถทำได้ และก็คิดว่ากว่ามันจะมาถึงตรงนี้ได้เราก็อดทนมาถึงที่สุดแล้ว จริงๆ อรไม่อยากร้องไห้เลย เพราะไม่อยากให้ลูกเห็น เราก็คิดว่ามันมาสุดทางจริงๆ”

สาวงามร่ำไห้ออกมาอีกครั้งเมื่อกล่าวถึงลูกๆ ที่คอยให้กำลังใจเธอ “ลูกก็บอกไม่เป็นไรคุณแม่ ลูกก็รักแม่ ตอนนี้คือแยกบ้านกับสามีโดยสิ้นเชิงค่ะ เรายังอยู่บ้านเดิม แต่สามีย้ายไปค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็ดูแลลูกให้มีความสุข และเราก็เข้มแข็ง ก้าวไปยังอนาคตข้างหน้าต่อไป ขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนที่ให้กำลังใจ เพราะวันที่โพสต์ไปก็คิดว่าเราชัดเจนแล้วว่าที่เราหย่าเพราะอะไร ไม่คิดว่าจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ ก็คิดว่าเหตุผลชัดเจนแล้ว เราเลยอยากให้มันหยุดแค่นี้ก็พอ”