AIA Heroes ฮีโร่ในชีวิตจริง…ดูแลคุณทุกช่วงชีวิต

เพราะความมุ่งมั่นที่ต้องการให้ลูกค้ามีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น จึงเกิดเป็นเรื่องราวประทับใจมากมายจากตัวแทน โดยโครงการ AIA Hero Awards 2018 ที่จัดโดยกลุ่มบริษัทเอไอเอครอบคลุมบริษัทในเครือทั้ง 18 ประเทศ ตั้งแต่ปี 2558 – 2561 ได้คัดเลือกเรื่องราวประทับใจจาก 3 หัวข้อที่สะท้อนถึงคำมั่นสัญญาของบริษัท คือ ฮีโร่ผู้ส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้น (Healthier Life) ฮีโร่ผู้ส่งเสริมให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น (Longer Life) และฮีโร่ผู้ส่งเสริมให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น (Better Life) เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวแทน และส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนอื่น รวมถึงช่วยสนับสนุนให้ลูกค้ามีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น (Healthier, Longer, Better Lives)  ซึ่งตัวแทนจากเอไอเอ ประเทศไทย ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาคจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ ในหัวข้อ ฮีโร่ผู้ส่งเสริมให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น (Longer Life) และฮีโร่ผู้ส่งเสริมให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น (Better Life)

แพรว จึงขอพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับ 2 ฮีโร่ในชีวิตจริง ตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอ พร้อมสัมผัสเรื่องราวของเขาที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากโครงการนี้ 

เพราะเราเชื่อว่าเรื่องราวดี ๆ เหล่านี้จะเป็นกำลังใจให้ทุกคน

จากปีแรกที่เริ่มทำงานเป็นตัวแทนประกันชีวิต กระทั่งสะสมประสบการณ์มากว่า 10 ปี ทำให้ คุณภาวิต ตันเองชวน จากหน่วยเพชรเหรียญทอง 440 มองเห็นเรื่องราว มุมมอง และแง่คิดดี ๆ มากมายที่ซ่อนอยู่ในอาชีพตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอ 

รวมถึงเรื่องราวในครั้งนี้ที่สร้างแรงบันดาลใจและได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาคจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ และเอไอเอ ประเทศไทย จากโครงการ AIA Hero Awards 2018 ในหัวข้อ “ฮีโร่ผู้ส่งเสริมให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น” (Longer Life)

“ผมมองว่าอาชีพตัวแทนประกันชีวิตไม่ใช่แค่การขายประกันอย่างเดียว แต่เป็นเสมือนที่ปรึกษาทางการเงินที่ช่วยลูกค้าวางแผนทางการเงิน และทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น เพื่อให้ทุกอย่างในชีวิตของลูกค้ามีความสมดุล เป็นไปตามแผนที่เขาต้องการ ซึ่งผมทำงานนี้ด้วยความคิดที่อยากเห็นลูกค้ามีความสุข เติบโตไปพร้อมกับเขา และหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ผมต้องกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า ไม่ต้องกังวลครับ

“และนอกจากลูกค้าที่ดูแลอยู่ ผมมักจะซื้อขนมหรือของฝากไปให้คนรอบข้างอยู่เสมอ และนี่แหละคือส่วนหนึ่งของความสุข จึงทำให้ผมได้รู้จักกับน้องปลากริม พนักงานบริษัท อายุ 25 ปี ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเห็นผมไปที่บริษัทหลายครั้งจึงสนใจอยากทำประกันชีวิตกับผม จากนั้นผ่านไปประมาณ 4 – 5 เดือนมีโทรศัพท์จากคนที่ผมไม่รู้จักโทร.เข้ามา เป็นเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้ ถามผมว่าชื่อภาวิตใช่ไหม ผมบอกใช่ครับและถามกลับว่านี่ใครครับ เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่าเป็นแม่ของน้องปลากริม เห็นเบอร์ของผมจากนามบัตรที่น้องให้ไว้

“ผมตกใจมาก ถามว่าเกิดอะไรขึ้นครับ คุณแม่ของน้องบอกว่าเมื่อเช้าตอนน้องขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปทำงาน ประสบอุบัติเหตุประสานงากับรถปิ๊กอัพ ตอนนี้น้องอาการโคม่า ไม่ได้สติ สมองบวมมีเลือดออก กระดูกแขนและขาแตก ต่อมาทราบว่ามีอาการตับบวมขั้นที่ 2 ซึ่งโอกาสรอดน้อยมากเพียง 20% ผมจึงบอกคุณแม่ว่าใจเย็น ๆ นะครับ จากนั้นรีบโทรศัพท์ประสานกับทางโรงพยาบาลในจังหวัดที่น้องรักษาอยู่ ซึ่งโรงพยาบาลแรกได้ปฏิเสธการรับตัวน้อง เนื่องจากอาการหนักมาก จึงรีบประสานกับทางโรงพยาบาลประจำจังหวัดต่อ เพราะตอนนั้นช้าไม่ได้…ทุกวินาทีมีค่ามากครับ

“จากนั้นผมรีบขับรถจากกรุงเทพไปสุราษฎร์ธานีทันที ระหว่างทางก็ประสานงานกับทางโรงพยาบาลอยู่ตลอด เมื่อไปถึง ภาพแรกที่ผมเห็นคือ คุณแม่ร้องไห้ คุณพ่อนั่งเงียบ ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวทั้งคู่ ผมรู้แล้วว่าตอนนี้ผมคือความหวังของครอบครัวนี้ ฉะนั้นต้องทำให้ดีที่สุด 

“ผมแนะนำตัวกับคุณหมอที่ดูแลว่าผมเป็นตัวแทนประกันชีวิตของน้องปลากริม ผมพอจะช่วยอะไรน้องได้บ้าง คุณหมอบอกว่าตอนนี้น้องอาการหนักมาก ต้องวัดกันนาทีต่อนาที และการผ่าตัดต้องใช้เลือดจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้ทางโรงพยาบาลมีเลือดไม่เพียงพอ ผมได้ยินแบบนั้นก็คิดว่าเรายังมีหวัง จึงส่งข้อความหาเพื่อน ๆ ที่เอไอเอ และโพสต์ข้อความประกาศในเฟซบุ๊กให้ช่วยกันบริจาคเลือดให้น้อง ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นมีคนมาบริจาคเลือดเยอะเป็นประวัติการณ์

“จากนั้นผมขอพยาบาลเข้าไปเยี่ยมน้องพร้อมคุณแม่และบอกว่า น้องได้ยินสิ่งที่พี่พูดไหม พี่มาเยี่ยมน้องตามสัญญาแล้วนะ ทุกคนรู้ว่าน้องเหนื่อย น้องได้ทำหน้าที่ของลูกดีที่สุดแล้ว และวันนี้พี่ก็จะทำหน้าที่ตัวแทนให้ดีที่สุด ให้สมกับที่น้องไว้ใจเช่นกัน น้องไม่ต้องกังวลนะ แต่ถ้าวันนี้น้องได้ยินสิ่งที่พี่พูด พี่ขอแค่อย่างเดียว…ขอให้น้องสู้อีกสักครั้ง เพราะทุกคนรอคอยการกลับมาของน้องอยู่ และเชื่อไหมครับว่าปาฏิหาริย์มีจริง น้องเริ่มขยับนิ้ว เส้นชีพจรเต้นขึ้นมา และหลังจากผ่านการผ่าตัดใหญ่ 3 ครั้ง อยู่ในห้องไอซียู 16 วัน น้องก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง (ยิ้ม)

“แม้ว่าช่วงแรกจะมีอาการความทรงจำบางช่วงขาดหาย เนื่องจากมีเลือดคลั่งในสมอง แต่หลังจากกินยาอย่างสม่ำเสมอ ผ่านไป 3 เดือนความจำทั้งหมดกลับมา ซึ่งน้องได้เฟซไทม์มาหาผมแล้วบอกว่ายังคุยโทรศัพท์ไม่ไหว แต่อยากเห็นหน้าและขอบคุณผม วันนั้นที่พี่ชายมาพูดข้างเตียงน้องได้ยินทุกอย่างนะ แต่น้องโต้ตอบไม่ได้ ขอบคุณและดีใจมากที่มีพี่ชายเป็นตัวแทนประกันชีวิตของน้อง

“ความรู้สึกตอนนั้นเกินบรรยายมากครับ ผมรู้สึกว่าได้ทำหน้าที่ตัวแทนอย่างสมบูรณ์ สิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าจะวัดเป็นตัวเงินหรือความสำเร็จคงคำนวณเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่ถ้าเราเอาหัวใจคำนวณ ไม่ว่าอย่างไรเราก็ไม่ขาดทุนครับ เพราะการที่ได้เห็นน้องหายดี สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ สามารถดูแลครอบครัวได้เหมือนเดิม ผมทั้งมีความสุขและมีพลังในการทำงานเพิ่มขึ้น

“ซึ่งรางวัลที่ได้รับครั้งนี้ไม่ใช่รางวัลของผมคนเดียว แต่เป็นของตัวแทนประกันชีวิตมืออาชีพทุกคน การเป็นฮีโร่หรือการดูแลลูกค้าเป็นสิ่งที่ตัวแทนประกันชีวิตมืออาชีพทุกคนต้องทำ ผมให้คำสัญญากับลูกค้าทุกคนว่า จะดูแลคุณให้ดีที่สุด…แม้ในวันที่ชีวิตของคุณมีปัญหา และไม่ว่าผมจะอยู่ส่วนไหนของประเทศ ถ้าคุณมีปัญหา…ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ผมจะไปอยู่ข้าง ๆ คุณอย่างแน่นอน ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้ทำตามสัญญา

“ขอเพียงตัวแทนทุกคนรักษาสัญญาที่ให้ไว้ คุณก็คือ…ฮีโร่ในชีวิตจริงครับ”

27 ปี คือตัวเลขประสบการณ์และความรักในอาชีพตัวแทนประกันชีวิตของ คุณสมมาตร ไพรหิรัญจากหน่วยยังบลัด 19 ที่ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นดูแลลูกค้าให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดี แต่ยังส่งต่อโอกาส ความสุข และรอยยิ้มให้กับเด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลด้วย 

ซึ่งเรื่องราวประทับใจนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาคจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ และเอไอเอ ประเทศไทย จากโครงการ AIA Hero Awards 2018 ในหัวข้อ “ฮีโร่ผู้ส่งเสริมให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น” (Better Life) บอกเล่าเรื่องราวของตัวแทนที่มุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง เพื่อช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้าให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

“การเป็นตัวแทนประกันชีวิตทำให้ผมได้เจอผู้คนมากมาย ได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย รวมถึงความต้องการของผู้คนที่แตกต่างกัน และการที่ได้ช่วยเหลือลูกค้า สะท้อนให้เห็นว่าบางครั้งพลังเล็ก ๆ สามารถกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ ทำให้ผมมีความคิดที่อยากช่วยเหลือผู้คนในด้านต่าง ๆ บวกกับส่วนตัวผมค่อนข้างเซ้นสิทีฟเวลาที่เห็นคนด้อยโอกาส ผมจะคิดเสมอว่าเราสามารถช่วยอะไรเขาได้บ้าง ทำอย่างไรให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น ช่วงแรกที่เป็นนักแสดงจึงรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ในวงการแบ่งเงินที่ได้จากการทำงานไปทำบุญกัน ทั้งสร้างห้องน้ำ สร้างโบสถ์ สร้างเมรุ แล้วแต่ความต้องการของชุมชนที่เราไปเจอ 

“กระทั่งวันหนึ่งผมขับรถอยู่แล้วเห็นเด็กนักเรียนเดินเท้าเปล่าไปโรงเรียน จึงจุดประกายว่าเราน่าจะดูแลช่วยเหลือเรื่องการศึกษา จึงเริ่มจากไปดูโรงเรียนตามจังหวัด และพบว่าโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน หรือ ตชด. ที่อยู่บริเวณชายแดนประเทศไทยยังต้องการความช่วยเหลืออีกมาก ทั้งเรื่องสถานที่ การเรียนการสอน และการเดินทาง ผมในฐานะตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอจึงได้ร่วมกับมูลนิธิธารใจไลก้า เริ่มโครงการแรกด้วยการสร้างอาคารอเนกประสงค์ที่โรงเรียน ตชด.บ้านคีรีล้อม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นตามด้วยโรงเรียน ตชด.ทุติยะโพธิอนุสรณ์ แม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และในปีที่ครบรอบ 80 ปีของเอไอเอ ประเทศไทย เราได้สร้างโรงเรียนเอไอเอแห่งแรกขึ้น ชื่อว่าศูนย์การเรียนรู้ตำรวจตระเวนชายแดน เอไอเอ ประเทศไทย (บ้านบ๋าฮี) จังหวัดอุบลราชธานี 

“งานตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาชีพตัวแทนประกันชีวิตที่ทำอยู่ เป็นสิ่งที่ผมมีความสุข เพราะการสร้างโรงเรียน ให้โอกาสทางการศึกษา เป็นการให้ที่ไม่สิ้นสุด เมื่อเด็กรุ่นนี้จบไป เด็กรุ่นใหม่ก็ได้ใช้ประโยชน์ต่อเนื่องกันไป ยิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มของเด็ก ๆ ตอนที่เขาเห็นโรงเรียนวันแรก เด็ก ๆ ทุกคนยิ้มด้วยความดีใจ ทำให้เขาอยากไปโรงเรียนและตั้งใจเรียน ซึ่งนี่แหละคือความสุขของผม โดยผมจะประสานกับทาง ตชด.อยู่ตลอดว่าขาดเหลือในส่วนใดบ้าง อย่างเครื่องดนตรี อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา

“ทุกวันนี้…ผมมีความสุขกับงานที่ทำมากครับ ยิ่งเมื่อทราบว่าเรื่องราวนี้ได้รับรางวัลจากโครงการ AIA Hero Awards 2018  ดีใจมาก ๆ เพราะเป็นเหมือนกำลังใจสำคัญในการทำงานที่ทำให้เห็นว่า อย่างน้อยก็มีคนรับรู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมีประโยชน์ ผมอยากให้มีคนต่อยอดและทำสิ่งนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งในฐานะตัวแทนประกันชีวิต ผมมองว่าตัวแทน คล้ายกับ ตชด.นะ คือทำทุกอย่างเพื่อให้คนรอบข้างมีความสุขและมีชีวิตที่ดีขึ้น (ยิ้ม) ซึ่งไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าได้เริ่มทำอะไรสักอย่างโดยไม่ต้องมองผลลัพธ์ที่จะกลับคืนมา แต่มองแค่ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกดี และสร้างความสุข ทุกคนทำได้หมดครับ และผมดีใจที่ทุกวันนี้มีหลายคนลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อสังคมมากขึ้น ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม

“อย่างผมเลือกที่จะให้การศึกษา เพราะเป็นการให้โอกาส ให้ความรู้ ที่จะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต ทั้งหมดนี้คือความสุขที่ไม่สิ้นสุดครับ”

Praew Recommend

keyboard_arrow_up