account_circleประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศในฝันของใครหลายๆ คน และแน่นอนว่าเป็นประเทศที่ติดอันดับคนไทยนิยมไปเที่ยวมากที่สุดประเทศหนึ่งเลยก็ว่า แต่เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เราก็จะนึกถึงแต่โตเกียว โอซาก้าใช่ไหมคะ วันนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่สำหรับคนต้องการความสงบ ต้องการชาร์จพลังบวกล่ะก็ที่นี่เหมาะมากเลยทีเดียว
จังหวัดอาคิตะ (Akita) ตั้งอยู่ในภาคโทโฮคุ (Tohoku Region) หรือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะฮอนชู (เกาะที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น) จังหวัดอาคิตะ เป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าสน และแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติบนที่ราบสูง เพราะมีเทือกเขาล้อมรอบถึง 3 ทิศ มีความยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ 181 กิโลเมตร และตะวันออกจรดตะวันตก 111 กิโลเมตร ทั้งจังหวัดมีพื้นที่ 67 ตร.กม.โดยมีประชากรอาศัยอยู่ทั้งหมด 318,926 คน คิดเป็นความหนาแน่นของประชากร 350 คน/ตร.กม.
เศรษฐกิจหลักของคนในจังหวัด ยังคงประกอบอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น การเกษตร การประมง และป่าไม้ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นสภาพภูมิอากาศ มีอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี เพราะเป็นจังหวัดที่มีหิมะตกเยอะมาก
ประเพณี – วัฒนธรรม – เทศกาล
จังหวัดอาคิตะ เป็นดินแดนแห่งตำนานเรื่องเล่าขาน และเป็นแห่งสุดท้ายที่ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตขนบประเพณีโบราณอยู่ รวมถึงหัตถกรรมพื้นเมืองที่ยังคงไว้ ภายใต้ความเจริญและอารยธรรมสมัยใหม่ที่หลั่งไหลเข้ามาอยู่ตลอดเวลา
เทศกาลนามาฮาเงะ เซะโดะ (NamahageSedo Festival) เป็นงานเทศกาลที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่าง “เทศกาลโคมเพลิง” ซึ่งเป็นกิจกรรมท้องถิ่น และการเต้นระบำชองนามาฮาเงะ หรือ เทพแห่งภูเขาของอาคิตะ เชื่อกันว่าเทพเจ้าจะช่วย ขับไล่ และปัดเป่าภัยต่างๆ ให้ออกไป เทศกาลนามาฮาเงะ เซะโดะ จัดขึ้นทุกวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี
เทศกาลคันโต (Kanto Festival) หรือ เทศกาลโคมไฟจัดขึ้นในวันที่ 3 – 6 เดือนสิงหาคมเป็นงานเทศกาลแข่งขันทักษะการบังคับเสาไม้ไผ่ที่ประดับประดาด้วยพวงโคมไฟ จะใช้โคมไฟที่ทำจากโครงกระดาษนำมาประกอบต่อกันโดยมีท่อนไม้ไผ่สูงลิบลิ่วกว่า 10 เมตรเป็นโครงแขวนโคม และผู้ถือจะใช้ศีรษะและมือทำให้พวงโคมไฟแต่ละอันทรงตัวอยู่ได้ โดยที่ใช้วิธีคล้ายกับการเล่นกายกรรมและขณะเดินก็จะต้องมีการโชว์ลีลาหวาดเสียวด้วยการใช้ส่วนต่างๆ ประคองโครงและพวงโคมไฟให้สมดุลทั้งวางไว้บนศีรษะ หัวไหล่ หน้าผาก แขน และส่วนอื่นๆ แล้วแต่ตามความสามารถของผู้ถือเพื่อเรียกเสียงปรบมือและเสียงฮือฮาจากผู้ชม โดยในงานมีการใช้คันโตรวมทั้งสิ้นกว่าหนึ่งหมื่นโคม
งานเทศกาลดอกไม้ไฟโอมาการิ (Omagari Fireworks Festival) ได้ชื่อว่าเป็น “งานเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น” เพราะนักประดิษฐ์ดอกไม้ไฟจากทั่วประเทศจะมารวมตัวเพื่อประชันฝีมือ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของดอกไม้ไฟนับหมื่นนัดที่กระจายอยู่บนท้องฟ้า งานเทศกาลนี้จัดให้มีขึ้นในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมของทุกปี
สถานที่ท่องเที่ยว
ทะเลสาบทาซะวะ (TazawaLake) เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่เปี่ยมไปด้วยน้ำสีฟ้าครามสดใส ลึกถึง4 เมตร เป็นทะเลสาบที่มีความลึกมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาอันสวยงามที่รายล้อม หนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญของทะเลสาบทาซะวะโกะ คือรูปปั้นสีทองอร่าม ของสาวงามในตำนานที่ชื่อว่า “ทาทสึโกะ ฮีเมะ”
ภูเขาโจไค (Chokai Mountain) ได้ขนานนามว่าเป็นภูเขาไฟฟูจิแห่งจังหวัดอาคิตะ สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,236 เมตร
จังหวัดอาคิตะ มีแหล่งน้ำพุร้อนที่มีความหลากหลายกระจายอยู่ทั่วจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมน้ำพุร้อนที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม หรือบ่อน้ำแร่สำหรับอาบน้ำที่เปิดโล่งอยู่กลางแจ้งซึ่งมีความเรียบง่ายแบบชนบท น้ำพุร้อนแต่ละแห่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป อาทิเช่น น้ำพุร้อนเพื่อความงาม น้ำพุร้อนเพื่อสุขภาพ ฯลฯ
หนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนขึ้นชื่อของจังหวัด คือบ่อน้ำพุร้อนนิวโตะออนเซน (NyutoOnsen) รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่บนเชิงเขานิวโต เป็นแหล่งน้ำพุร้อนชั้นดีริมเทือกเขาฮาชิมันไต เป็นที่รู้จักดีในนาม “ออนเซนสีน้ำนม” ตามลักษณะของน้ำพุร้อนที่ออกสีขาวนวลคล้ายน้ำนม ซึ่งเป็นที่ตั้งของแหล่งน้ำพุร้อน 7 แห่ง และเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไปกว่า 10 ชนิด นิวโตะออนเซนถูกค้นพบมาแล้วกว่า 300 ปี ในอดีตเป็นสถานที่แช่น้ำแร่ของเหล่าซามูไร
นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลิน กับออนเซ็นที่มีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น บ่อน้ำพุร้อนโดโรยุออนเซ็น –บ่อน้ำพุร้อนเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,200 ปี ตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพอันสวยงามและเป็นธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติ คูริโคม่า (Kurikoma-Quasi National Park) หรือบ่อน้ำพุร้อนโคะวะคุบิออนเซ็นเคียว – มีชื่อเสียงเรื่องน้ำพุร้อนที่มีสีแดง มีประสิทธิภาพในการสมานบาดแผลผุพอง และโรคผิวหนังเรื้อรังได้
ซามูไรสตรีท (Kakunodate Samurai House Street) ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ตั้งอาคารบ้านเรือนของเหล่าซามูไรสมัยเอโดะ ปัจจุบันอาคารบ้านเรือนได้ถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี บางบ้านได้ปรับเปลี่ยนให้พิพิธภัณฑ์เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม โดยบ้านแต่ละหลังจะตั้งตามชื่อสกุลของเจ้าของบ้านเดิม
หุบเขาโอยาสุ (Oyasu Valley) เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำกลายเป็นหุบเขาลึก ระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวต้องเดินลงไปยังหุบเขาลึกเบื้องล่าง ซึ่งเป็นจุดที่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติพุ่งแทรกตัวออกมาจากโขดหิน เกิดเป็นกลุ่มควันคละคลุ้ง
สิ่งห้ามพลาดเมื่อไปเยือนอาคิตะ
หม้อไฟคิริทัมโปะ หรือ คิริทัมโปะนาเบะ เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดอาคิตะ คิริทัมโปะ (Kiritampo) คือ ข้าวสุกบดแล้วมาพันกับไม้สน จากนั้นจึงนำมาย่างไฟ ก่อนตัดพอดีคำ ใส่ลงในหม้อไฟ ถือเป็นอาหารขึ้นชื่อเลิศรสของจังหวัดอาคิตะข้าวพันธุ์
เหล้าสาเก เนื่องจากจังหวัดอาคิตะ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งน้ำ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น จึงผลิตสาเกรสชาติดี ไม่เหมือนที่ใดในประเทศญี่ปุ่น
คามาคูระ (Kamakura) คือกระท่อมที่ทำจากหิมะ สำหรับใช้นมัสการเจ้าแม่แห่งน้ำ ด้วยการห้อมล้อมรอบเตาถ่านภายในคามาคูระ และปิ้งโมจิ หรือดื่มเหล้าหวาน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีพื้นบ้าน
ชมทัศนียภาพอันงดงามของจังหวัดอาคิตะ บนรถไฟสายอาคิตะไนริกุ (Akita Nairiku Line) เป็นรถไฟสายท้องถิ่นที่มีความยาว 2 กิโลเมตร ที่วิ่งเลาะไปตามแนวภูเขา และวิ่งผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ ของจังหวัดอาคิตะ อาทิ สถานียาทซึ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของดอกคาทาคุริ ที่ขึ้นปกคลุมพื้นที่กว้างกว่า 20 เฮกเตอร์ในฤดูใบไม้ผลิ หรือ สถานีอะนิไอ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาโมริโยชิที่มีชื่อเสียงด้านทิวทัศน์ที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นวิวที่เห็นจากกระเช้าสกีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และต้นไม้หิมะในฤดูหนาว
พักฟาร์มสเตย์ (Farm Stay) สัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวญี่ปุ่นจริงๆ ในฟาร์มท้องถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรม และลิ้มรสอาหารแบบต้นตำรับพื้นเมืองแท้ๆ จากรสมือชาวญี่ปุ่น ที่บรรจงปรุงอาหารจากวัตถุดิบสด ใหม่ จากธรรมชาติล้วนๆ
สุนัขพันธุ์อาคิตะ (Akita Inu) เป็นสุนัขพันธ์พื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันเป็นสัตว์พันธุ์สงวนของประเทศ สุนัขพันธุ์อาคิตะเป็นสุนัขต่อสู้ มีความจงรักภักดีต่อเจ้าของ อย่างที่ทั่วโลกได้ยินถึงเรื่องราวของ “ฮาจิโกะ” ที่เฝ้ารอคอยการกลับมาของเจ้านายที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว จนมีการสร้างเป็นภาพยนตร์ทั้งในระดับประเทศ และฮอลลีวูด
การเดินทางจากโตเกียว
–โดยรถไฟสถานีเซ็นได → สถานีอาคิตะ (ใช้เวลา 3 ชั่วโมงโดยประมาณ) สายอาคิตะชินกังเซ็น “โคมาจิ” มุ่งสู่เซ็นได – โมริโอกะ โดยเครื่องบิน
-จากสนามบินฮาเนดะ → สนามบินอาคิตะ (ใช้เวลา 1ชั่วโมง 5 นาที โดยประมาณ)
โดยสายการบิน ANA และ JAL
-จากสนามบินฮาเนดะ→ สนามบินโอกะเตะโนชิโร (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที โดยประมาณ)
โดยสายการบิน ANA
การเดินทางจากโอซากา
-โดยรถไฟสถานีชินโอซากา → สถานีอาคิตะ (ใช้เวลา 5 ชั่วโมง 59 นาที โดยประมาณ)
สายฮอกไกโดชินคังเซ็น – อาคิตะชินคังเซ็น “โคมาจิ”
-จากสนามบินอิตามิ → สนามบินอาคิตะ (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที โดยประมาณ)
โดยสายการบิน JAL
เรียบเรียงโดย : saipiroon_แพรวดอทคอม
ภาพ : การท่องเที่ยวจังหวัดอาคิตะ