เปิดตัว แฟล็กชิพสโตร์ Onitsuka Tiger สาขาที่ใหญ่ที่สุด เพื่อตอบรับความต้องการของสาวก Onitsuka Tiger ให้ได้มาช้อปกันอย่างจุใจที่สยามสแควร์วัน
ซึ่งแฟล็กชิพสโตร์สาขาใหม่นี้ตั้งอยู่บนชั้น 1 และชั้น 2 ของสยามสแควร์วัน ห้างสรรพสินค้ายอดนิยมและทันสมัย บนพื้นที่กว่า 509 ตารางเมตร แฟล็กชิพสโตร์แห่งนี้โดดเด่นด้วยองค์ประกอบที่เป็นสัญลักษณ์ อย่างแผ่นโลหะสีดำที่ผสมผสานไอเดียของงานฝีมือและสไตล์ญี่ปุ่นแบบโมเดิร์น แผ่นโลหะแต่ละแผ่นที่ใช้สำหรับด้านหน้าของอาคารนั้น มีโทนสีและพื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์
ซึ่งทั้งหมดได้ตกแต่งอย่างพิถีพิถันและเชื่อมต่อกันบนพื้นผิว ราวกับว่าพวกมันเป็นตาข่ายหรือเชือกผูกรองเท้าที่ถูกร้อยเรียงเป็นงานสามมิติ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นดูสวยงามและละเอียดอ่อน และจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดูแตกต่างกันออกไป โดยขึ้นอยู่กับแสงแดดในแต่ละช่วงเวลาของวัน และจากมุมมองในแต่ละทิศทาง
การตกแต่งภายในบนชั้นแรกนั้น ประกอบไปด้วยโซฟาสีแดงที่ถือเป็นสัญลักษณ์ พื้นหินอ่อนสีเทา sumi mortar ซึ่งเป็นวัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและโดดเด่นด้วยพื้นผิวของไม้ ทำให้ได้บรรยากาศที่ดูน่าสนใจและทันสมัย นอกจากนี้ยังมีภาพถ่ายของช่างภาพชื่อดังชาวญี่ปุ่น อย่าง Nobuyuki Kobayashi (โนบุยูกิ โคบายาชิ) ตกแต่งอยู่บริเวณบันไดทางขึ้นชั้นสองของร้านอีกด้วย ในขณะที่สีดำ ที่เรียกได้ว่าเป็นสีของแบรนด์ Onitsuka Tiger นั้น ถูกนำเสนออย่างสวยงามบนชั้นสอง ทำให้เกิดเป็นบรรยากาศที่แตกต่างกันระหว่างสองชั้น
นอกจากนี้ บริเวณชั้นสองของแฟล็กชิพสโตร์ยังประกอบไปด้วยห้องวีไอพี โดยพื้นที่ที่น่าดึงดูดใจนี้ ถูกตกแต่งด้วยโซฟาอิตาลีและองค์ประกอบอื่นๆ ที่ดูหรูหรา ที่นำเสนอประสบการณ์เหนือระดับให้กับเหล่านักช้อปยามเลือกซื้อสินค้าภายในคอลเล็คชั่น
ภายในแฟล็กชิพสโตร์นั้นประกอบไปด้วยสินค้าที่หลากหลายและครบครัน ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า เครื่องแต่งกาย และแอคเซสซอรี่สำหรับสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี และเด็ก รวมทั้งสินค้าที่เป็นไฮไลต์ของคอลเล็คชั่น Spring Summer 2020 อย่างรุ่น MEXICO 66 , DELEGATION EX , KAMO TRAINER , P-TRAINER KNIT , FABRE CLASSIC และ DELEGATION CHUNK
นอกจากนี้เหล่านักช้อป แฟนตัวยง และนักสะสมจะต้องตื่นเต้นที่ได้พบกับคอลเล็คชั่นพิเศษที่เป็นการร่วมงานกับศิลปินและแบรนด์แฟชั่นชื่อดังต่างๆ ที่มีขายในจำนวนจำกัด และคอลเล็คชั่นพิเศษของแบรนด์ อย่าง NIPPON MADE ที่ถูกผลิตด้วยสุดยอดงานฝีมือของญี่ปุ่น ที่ชิ้นส่วนพื้นฐานของรองเท้าจะถูกผลิตขึ้นก่อน หลังจากนั้นส่วนหนังของรองเท้าด้านบนจะถูกล้างและผ่านกระบวนการด้วยน้ำร้อน หลังจากนั้นรองเท้าจะถูกบีบเพื่อให้น้ำออกจากตัวรองเท้าและปล่อยไว้ให้แห้ง หลังจากนั้นรองเท้าจะเกิดริ้วรอยที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์วินเทจ ทุกขั้นตอนนั้นถูกทำด้วยมืออย่างชำนาญ จนเกิดเป็นรองเท้าที่มีเอกลักษณ์และไม่ซ้ำกันแม้แต่คู่เดียว
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ไม่ใช่แค่แฟชั่น! เหตุใด ‘เมลาเนีย ทรัมป์’ ชอบใส่แว่นกันแดดขนาดใหญ่
สวยโหดทุกใบ! กระเป๋าแบรนด์เนม ‘ฮันโซฮี’ ในซีรีส์เรื่องดัง ราคาเท่าไหร่ มาเช็คกัน