ปวดหัวไมเกรน คู่ปรับของคนวัยทำงาน เป็นอาการที่เกิดจากระบบประสาทส่วนกลางทำงานผิดปกติ สามารถเกิดได้หลายรูปแบบ ผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดอาการปวด
โรคไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้ในเด็กวัยเรียน วัยหนุ่มสาว แต่ผู้สูงอายุมักไม่เป็นโรคนี้ และเป็นมากโดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันและความกดดันอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ต้องเผชิญกับความเครียดสะสม ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงานลดลง จะพบผู้ป่วยอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 25-30 ปี มากที่สุด มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
โดยลักษณะของไมเกรนแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
- ไมเกรนชนิดไม่มีอาการนำ จะปวดศีรษะครึ่งซีกเป็นพักๆ เวลาหายปวดจะหายสนิท ซึ่งการปวดแต่ละครั้งจะนาน 4 ชั่วโมงหรือนานเป็นวันๆ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการ เช่น คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อแตก
- ส่วนไมเกรนชนิดมีอาการนำ จะพบได้น้อยกว่า มักมีอาการนำมาก่อนแล้วจึงมีอาการปวดศีรษะตามมา อาการนำที่พบได้บ่อย เช่น ตาฝ้า เห็นแสงระยิบระยับ บางคนอาจเห็นเป็นภาพมืดตรงกลางทำให้มองไม่เห็นชั่วครู่ อาจมีอาการแขนขาชาอ่อนแรงหรือพูดไม่ได้ชั่วครู่ ไมเกรนเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของใครหลายคน และเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน การมีความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้องจะช่วยให้ห่างไกลจากโรคไมเกรนได้
สาเหตุของโรคปวดศีรษะไมเกรน มีสาเหตุที่เกิดจากภายในร่างกายและจากพันธุกรรม ซึ่งไม่สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ ส่วนสาเหตุที่มาจากภายนอกร่างกายเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดอาการ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ อากาศเปลี่ยนแปลง ทำงานหนักหรือมีความเครียดมากเกินไป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารบางชนิด ได้แก่ กล้วยหอม ช็อคโกแลต เนยแข็ง
สำหรับการรักษา แพทย์จะให้ยาแก้ปวดเวลามีอาการปวดและการใช้ยาป้องกันไมเกรนในรายที่เป็นบ่อย ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยามากินเองควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาเมื่อมีอาการปวดศีรษะแบบรุนแรง ผู้ป่วยจำเป็นต้องกินยาป้องกันไมเกรนสม่ำเสมอทุกวันอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้ได้ผลในการป้องกัน
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทรมานจากอาการปวดน้อยลง และดำเนินชีวิตประจำวันต่างๆ ทำงานได้ตามปกติ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การปวดเรื้อรัง ควรฝึกการคลายเครียดจากการทำงานหรือเรียน นอนพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง กินอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ข้อมูล : กรมการแพทย์ โดยสถาบันประสาทวิทยา
ภาพ : Pexels
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ