คุยเรื่องการเมืองในครอบครัว

12 วิธีคุย ‘เรื่องการเมืองในครอบครัว’ อย่างไรไม่ให้เกิดความขุ่นมัวหรือทะเลาะกัน

Alternative Textaccount_circle
คุยเรื่องการเมืองในครอบครัว
คุยเรื่องการเมืองในครอบครัว

บางครั้งเรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับบางบ้านที่มีทัศนคติทางการเมืองไม่ตรงกัน แต่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและจะคุย เรื่องการเมืองในครอบครัว อย่างไรให้ไม่บาดหมางใจกัน ลองอ่าน #คุยกันได้โดยไม่ต้องทะเลาะกันเพราะการเมือง จาก หมอมิน-พญ.เบญจพร ตันตสูติ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เจ้าของเพจ เข็นเด็กขึ้นภูเขา 

โดยคุณหมอเล่าว่ามีคุณแม่ของลูกวัยรุ่นท่านหนึ่งส่งข้อความมาหา ช่วงนี้หมอพบว่ามีหลายๆ ครอบครัวที่มีความเห็นต่างเรื่องการเมือง เพื่อนจิตแพทย์ของหมอก็เล่าว่า มีเคสที่ลูกเป็นคนมาปรึกษาเพราะว่าทะเลาะกับแม่เช่นกัน

ความขัดแย้งที่พบเห็นนี้ จึงอยากเขียนบทความที่ทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีขึ้นในการอยู่ร่วมกันสักหน่อย หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายบ้าน ในยุคการเมืองร้อนแรง จริงๆ ไม่ใช่แค่ในบ้าน อาจจะในโรงเรียน ที่ทำงาน กลุ่มเพื่อน ในสังคมย่อยๆ ที่เราอยู่

หมอขอตอบในกรณีของคุณแม่ท่านนี้ เผื่อหลายคนจะได้นำไปใช้ในกรณีอื่นๆ ได้ด้วย

  • 1. ตั้งสติ ไม่โกรธตอบลูก เมื่อเขาแสดงอารมณ์แรงๆ เช่นนั้นกับคุณแม่ ยิ่งโกรธและตอบโต้กันจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
  • 2. พึงเข้าใจว่า คุณแม่และเขาต่างได้รับข้อมูลหลากหลาย มีประสบการณ์แตกต่างกัน โดยเฉพาะยุคนี้ที่มีโซเชียลมีเดีย การเข้าถึงข้อมูลทำให้ลูกได้รับข้อมูลมากมาย ลองฟังเขาดูสักหน่อย
  • 3. เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ฟังเขาก่อน อย่าเพิ่งรีบไปอธิบาย การที่เรายอมรับฟังเขาก่อน เขาจะรู้สึกว่าเราก็ดูใส่ใจสิ่งที่เขาคิดและรู้สึก ช่วยให้อารมณ์แรงของเขาบรรเทาเบาบางลง
  • 4. ถ้าฟังที่เขาพูดแล้วเกิดอารมณ์ทางลบ เช่น โกรธ กังวล เครียด ตั้งสติอย่าเพิ่งพูดโต้ตอบตอนมีอารมณ์ หายใจเข้าออกลึกๆ ก่อน เพราะเวลามีอารมณ์ทางลบบางทีจะตอบโต้ในลักษณะเชิงลบเช่น พูดบ่น ประชดประชัน เปรียบเทียบ บางทีมีคำพูดรุนแรง ยิ่งทำให้คุยไม่เข้าใจ
  • 5. แลกเปลี่ยนความคิดกันด้วยเหตุผล ในเวลาที่แม่และลูกใจเย็นพอและมีความพร้อมทางอารมณ์ ถ้าลูกมีอารมณ์โกรธ สิ่งสำคัญคือ แม่ก็ควรทำตัวเป็นแบบอย่าง เดี๋ยวอารมณ์เขาก็เย็นลง คุยกันใหม่
  • 6. แน่นอนคุณแม่ย่อมมีความคิดที่เป็นธงในใจ สิ่งที่เชื่อและคิดว่าเป็นเช่นนั้น ลูกก็เหมือนกัน ตระหนักในธงของแต่ละฝ่าย ลองทำความเข้าใจดู บางทีอาจจะมีบางอย่างที่เราเห็นตรงกันบ้าง เริ่มจากตรงนั้น จะทำให้คุยกันในประเด็นอื่นๆ ง่ายขึ้น
  • 7. แต่อย่าคุยในลักษณะบังคับให้เขาเปลี่ยนมาคิดตามคุณแม่ เขาอาจจะคุยในเชิงบังคับให้คุณแม่เปลี่ยนไปคิดเหมือนเขา ตรงนี้เราบอกเขาได้ว่า ความคิดต่างเป็นเรื่องธรรมดา เราจะไม่บังคับกันแต่จะฟังกันและกัน และนำไปพิจารณา หาข้อมูลที่เชื่อถือได้เพิ่มเติม เมื่อความคิดและข้อมูลต่างๆ ตกผลึก เดี๋ยวมาคุยกันอีกที
  • 8. จริงๆ คุณแม่กับลูกคิดไม่เหมือนกันไม่เป็นเรื่องผิด แต่ขอให้ความคิดและการแสดงออกความคิดไม่เป็นการทำให้ตัวเองหรือคนอื่นๆ มีผลกระทบ มีความเห็นอกเห็นใจกันและกัน ถ้าลูกยังทำไม่ได้ คุณแม่ทำให้เขาเห็นก่อน
  • 9. คุยเรื่องอื่นนอกจากการเมืองบ้างก็ได้ อาจจะทำอะไรที่ลูกชอบ เช่น ชวนทานอาหารที่เขาชอบ ชวนดูซีรีส์ดีๆ ก็ได้
  • 10. ใช้หลักพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ถ้าเขามีความคิดที่แตกต่างมาก รู้สึกไม่เข้าใจ สุดท้ายก็ต้องวางอุเบกขา ไม่ต้องถึงกับเอาชนะคะคานกัน ถ้าลูกพยายามจะมาเปลี่ยนความคิดแม่ให้ได้ ก็ใช้ความสงบ ไม่ต้องโต้ตอบ บอกเขาว่าแม่เข้าใจหนู แต่แม่ก็มีความคิดของแม่ ไม่ต้องทะเลาะหรือเป็นอารมณ์รุนแรง
  • 11. ถ้าเครียดมาก คุณแม่ควรไปทำอะไรที่สบายใจ สร้างกำลังใจให้ตัวเอง นวดผ่อนคลาย เข้าสปา โยคะ สมาธิ สวดมนต์ ไปโบสถ์ ชอปปิ้ง คุยกับเพื่อนสนิท ปีนเขา ฯลฯ อะไรก็ได้ที่ชอบและไม่มีโทษแก่ตัวเองและคนอื่นๆ เหมือนชาร์ตแบตให้ตัวเอง
  • 12. การเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่อย่างไรครอบครัวก็ยังเป็นครอบครัว ถึงการเมืองจะเป็นแบบไหน ไม่มีอะไรจีรัง แต่ความเป็นแม่ลูกจะยังคงอยู่เสมอไป อย่าถึงกับทะเลาะกันเอาเป็นเอาตายเลย

ภาพ : Pexels

Praew Recommend

keyboard_arrow_up