“ตกขาว” ปัญหาระบบภายในที่กวนใจผู้หญิง ส่งผลต่อสุขภาพน้องสาวและความมั่นใจของผู้หญิงหลายคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาตกขาวมีสี มีกลิ่น แสบคัน อายไม่กล้าพบแพทย์ นอกจากนี้อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตคู่ บางคู่หากไม่คุยกันตรงๆ ก็ยิ่งทำให้ปัญหาบานปลายไปกันใหญ่ ซึ่งตกขาวเกิดจากหลายสาเหตุ อาจเป็นการติดเชื้อราหรือแบคทีเรีย หรือเกิดจากฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล ฮอร์โมนเพศหญิงผิดปกติที่มีผลมาจากโภชนาการที่ไม่ถูกต้อง ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ และภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง หรือเป็นสัญญาณเตือนมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นต้น
ตกขาวเป็นสารคัดหลั่งอย่างหนึ่ง (Vagina discharge) ที่ถูกขับออกมาจากช่องคลอดตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นปกติ สามารถเกิดขึ้นได้ มีหน้าที่ช่วยในการหล่อลื่น ป้องกันการติดเชื้อ และระคายเคือง ซึ่งลักษณะ สี และปริมาณของตกขาวจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และแต่ละช่วงของรอบเดือน ซึ่งจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับรอบเดือนในแต่ละรอบว่ามีฮอร์โมนแปรปรวนมากน้อยเพียงใด หากฮอร์โมนแปรปรวนมาก อาจมีตกขาวออกมามาก แต่หากรอบเดือนไหนที่พักผ่อนเพียงพอ ไม่เครียด ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะ ตกขาวอาจไม่มาก แต่ในกรณีที่มีตกขาวผิดปกติ มีอาการคัน มีกลิ่นเหม็น และอาจมีการติดเชื้อร่วมด้วย แบบนี้ถือว่าไม่ปกติ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือ เพศสัมพันธ์ รวมถึงปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุล หรือ จากมลภาวะภายนอกเกิดจากการสวมใส่กางเกงในที่อับชื้น ตากในสภาวะแวดล้อมมีฝุ่นละออง หรือตากในร่มจนเกิดเชื้อราและอับชื้น หรือใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีเคมีรุนแรงหรือซักล้างไม่สะอาด
โดย “ครูก้อย นัชชา” ได้แนะนำ วิธีสังเกตสีของ ตกขาว ที่บ่งบอกความผิดปกติของระบบภายในสตรี ดังนี้

- ตกขาวสีใสหรือสีขาว ตกขาวปกติส่วนใหญ่จะมีลักษณะเช่นนี้ คือ ใสหรือค่อนข้างขาว ลื่น ลักษณะคล้ายไข่ขาว
ตั้งแต่สีขาวจนถึงสีเหลืองอ่อน ลักษณะเช่นนี้จะถือเป็นตกขาวปกติที่พบได้ทั่วไป แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีกลิ่น คัน หรือตกขาวมีลักษณะขาวเหนียวๆร่วมกับมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการคันที่บริเวณอวัยวะเพศ และเกิดปัสวะติดขัดได้ ลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อราได้
- ตกขาวสีเทา ตกขาวสีเทาเป็นลักษณะเด่นของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ซึ่งอาจเกิดจากการเพศสัมพันธ์
หรือการสวนล้างช่องคลอด โดยอาจมีอาการแสดงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีกลิ่น คัน ระคายเคือง หรือมีอาการแดงบริเวณรอบๆ ช่องคลอด หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- ตกขาวสีเหลืองหรือสีเขียว ลักษณะสีเหลืองเข้ม เหลืองเขียวจนถึงเขียว เป็นเฉดสีที่แสดงให้เห็นถึงความ
ผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองใน เชื้อรา เชื้อไวรัส ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีตกขาวเหนียวเป็นก้อนหรือมีกลิ่นร่วมด้วย
- ตกขาวสีชมพูหรือ สีแดง พบได้จากการที่เพิ่งคลอดลูก หรือ เกิดจากการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกมักพบใน
ผู้หญิงหลังคลอด หรือ การตกไข่หรือเกิดจากที่ตัวอ่อนมีการฝังตัวแต่หากเกิดในผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์มักเกิดจากการมีเลือดปนมากับตกขาว สาเหตุอาจเกิดมาจากโรคร้าย เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก จึงควรไปพบแพทย์ทันที
- ตกขาวสีน้ำตาล มักเกิดจากการลอกตัวของมดลูกหรือประจำเดือนเก่าที่คั่งค้าง มักพบก่อนหรือหลังจากมี
ประจำเดือน ไม่มีอันตรายอะไร แต่หากมีอาการคัน มีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น และปัสสาวะแสบขัด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ตกขาวผิดปกติกับการติดเชื้อในช่องคลอด?
ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีการติดเชื้อในช่องคลอด มักแสดงอาการผ่านทางลักษณะของตกขาว อาการคัน และกลิ่น โดย 3 โรคหลักที่เกี่ยวข้องกับตกขาวผิดปกติ ได้แก่

(1) การติดเชื้อราในช่องคลอด (VULVOVAGINAL CANDIDIASIS)
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ CANDIDA ALBICANS แต่บางรายอาจเกิดจากเชื้อราชนิดอื่นได้ ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอด ได้แก่ โรคเบาหวาน การใช้ยาปฎิชีวนะเป็นเวลานาน การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้นหรือได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากภายนอก (เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด ภาวะตั้งครรภ์) ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น การติดเชื้อเอชไอวี การได้รับยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน)
อาการ : ตกขาวมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก มักมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอด หรือมีอาการแสบร้อนในช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อตรวจภายในอาจพบการบวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด
(2) การติดเชื้อแบคทีเรีย (BACTERIAL VAGINOSIS)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีมีการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนจนมากกว่าเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่น ทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น ซึ่งมักสัมพันธ์กับการมีคู่นอนหลายคน การสวนล้างช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการขาดแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด
อาการ: ส่วนมากจะไม่แสดงอาการผิดปกติ บางรายอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวมีสีเทา มีกลิ่นเหม็นเหมือนคาวปลา มีอาการคัน อาจมีปัสสาวะแสบขัดหรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย ส่วนอาการอักเสบในช่องคลอดหรือแสบร้อนบริเวณปากช่องคลอดพบได้น้อย
(3) การติดเชื้อทริโคโมแนส (TRICHOMONIASIS) เกิดจากเชื้อโปรโตซัว TRICHOMONAS VAGINALIS (TV) ที่มักติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์
อาการ: ตกขาวมีสีเขียวเป็นฟองและมีกลิ่นเหม็น ร่วมกับมีอาการแสบร้อนและคันบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีการอับเสบ บวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด มีจุดเลือดออกบริเวณช่องคลอดและปากมดลูกที่มีลักษณะจำเพาะเรียกว่า Strawberry cervix
การตกขาวที่เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล มีภาวะเอสโตรเจนต่ำ
หากร่างกายปกติ ฮอร์โมนสมดุลร่างกายก็จะขับตกขาวออกมาแต่ละช่วงของรอบเดือนตามธรรมชาติ ยิ่งช่วงก่อนไข่ตกเรียกว่าว่า “มูกตกไข่” จะมีผลดีต่อการท้องได้ง่ายขึ้นเพราะมูกลื่นๆจะช่วยให้อสุจิว่ายผ่านเข้าไปง่ายขึ้น แต่หากฮอร์โมนไม่สมดุล และเกิดการติดเชื้อตกขาวก็จะมีลักษณะต่างออกไป โดยส่วนใหญ่สตรีวัยเจริญพันธุ์ที่มีตกขาวเกิดจากฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล มักมีภาวะ PCOS หรือภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง
นอกจากนี้ยังพบปัญหาตกขาวที่เกิดจากภายในเกิดจากภาวะเอสโตรเจนต่ำ มักพบในสตรีภาวะวัยทองช่วงอายุ 48 ปีขึ้นไป แต่หากมีอายุต่ำกว่า 40 ปี และมีปัญหาเอสโตรเจนต่ำแสดงว่าเข้าสู่วัยทองก่อนกำหนด หรือมีภาวะเอสโตรเจนต่ำเกินไปในอายุยังไม่มาก หรือหากรังไข่เสื่อมเข้าสู่วัยทองก่อนวัย ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลง ส่งผลให้ช่องคลอดแห้ง ลอกเป็นสะเก็ด ลอกออกมาซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรีย พอแบคทีเรียมากินก่อให้เกิดการสะสมและหมักหมม ก่อให้เกิดอาการคันและเกิดเชื้อราต่างๆ กลายเป็นตกขาว สีเขียว หรือ เหลือง ส่งผลให้ช่องคลอดมีกลิ่น

การดูแลป้องกันไม่ให้เกิดการตกขาว
- สังเกตของตกขาว สีเหลือง เขียว เทา มีเลือดออกกะปริดกะปรอย ควรไปพบแพทย์
ผู้หญิงควรหมั่นสังเกตสีของตกขาว เมื่อตกขาวมีลักษณะ สี หรือกลิ่น ผิดไปจากปกติ หรือมีอาการทางช่องคลอด เช่น มีลักษณะแดง คัน เจ็บ แสบร้อน หรือระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศหรือช่องคลอด ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง หรือมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก ตกขาวมีสีเหลือง เขียว หรือเทามีเลือดหรือเลือดออกกะปริดกะปรอยในช่วงที่ไม่มีประจำเดือนมีกลิ่นรุนแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกวิธี อย่าปล่อยให้เป็นปัญหาเรื้อรังเพราะอาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ และภาวะมีบุตรยากได้
- ปรับสมดุลฮอร์โมน ด้วยการเสริมฮอร์โมนเอสโตรเจนจากธรรมชาติ
การป้องกันตกขาวสำหรับผู้ที่มีปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุล มีภาวะเอสโตรเจนต่ำที่ดีที่สุด คือการปรับสมดุลฮอร์โมน ช่วยลดปัญหาเอสโตรเจนต่ำ ช่องคลอดไม่แห้ง โดยการปรับสมดุลฮอร์โมน การทานอาหารต่างๆ ที่ช่วยปรับฮอร์โมนเอสโตรเจน ไม่ว่าจะเป็น “ไอโซฟลาโวน” ที่พบในโปรตีนที่สกัดจากถั่วเหลือง ที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถเพิ่มปริมาณเอสโตรเจนตามธรรมชาติได้โดยไม่ส่งผลต่อมะเร็งเต้านม รวมถึงสารสกัดจากตังกุย โสม ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด สารสกัดจากทับทิม หรือว่าสารสกัดจากลูกยอ ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนของเพศหญิงและช่วยลดภาวะตกขาวได้ดี
เมื่อดูแลและรักษาระบบภายในของน้องสาวอย่างถูกต้อง และมีฮอร์โมนเพศหญิงที่สมดุล นอกจากจะช่วยรักษาอาการตกขาวแล้ว ผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สมดุลจะช่วยชะลอปัญหาวัยทองก่อนกำหนด และช่วยให้รังไข่มีประสิทธิภาพในการผลิตไข่ ช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่อยากมีบุตร อีกทั้งยังช่วยคืนความสาวทั้งระบบ ทั้งระบบภายในสตรี ฮอร์โมน และผิวพรรณอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ เพิ่มน้ำล่อลื่นในช่องคลอด ลดปัญหาช่องคลอดแห้ง และช่วยให้ชีวิตคู่กลับมาหอมหวานอีกครั้ง“
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ