‘หายใจเข้าลึกๆ’ ควบคู่กับทริค 2 ข้อ อีกหนึ่งวิธีลดน้ำหนักยอดนิยมในญี่ปุ่น

การหายใจทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดน้ำหนักได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะทำอย่างไร? จริงๆ แล้วการหายใจก็เป็นวิธีลดน้ำหนักได้เช่นกัน ริเริ่มโดย Miki Ryousuke ราชาแห่งการลดน้ำหนักของญี่ปุ่น หลังการผ่าตัด เขาลดน้ำหนักได้ประมาณ 13 กก. ใน 2 เดือน และรอบเอวลดลง 10 ซม. ซึ่งฟังดูเหมือนง่าย แต่การหายใจเข้าลึกๆ ให้ถูกวิธี หลักการคืออะไร และทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

วิธีลดน้ำหนักด้วยการหายใจเข้าลึกๆ คืออะไร?
การหายใจลึกๆ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนลึกหดตัวโดยอาศัยกระบวนการบังคับหายใจ ซึ่งจะช่วยลดไขมันในร่างกาย ส่งผลต่อการปรับรูปร่าง นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงการระบบเผาผลาญและการไหลเวียนโลหิตอีกด้วย วิธีลดน้ำหนักด้วยการหายใจยังทำให้เอวเพรียวบาง ยกบั้นท้าย บรรเทาอาการตึงไหล่ บรรเทาอาการท้องผูก ฯลฯ

วิธีหายใจเพื่อลดน้ำหนักจริงๆ แล้วไม่ใช่วิธีหายใจแบบปกติ แต่เป็น “การหายใจทางช่องท้อง” แทน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ไม่เพียงเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องและฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้องเท่านั้น แต่ยังทำให้เอวเพรียวบาง และปรับปรุงอาการท้องผูก ซึ่งวิธีนี้เหมาะที่สุดสำหรับคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายแบบหนักๆ หรือมือใหม่ แต่ในทางกลับกัน ในคนที่มีพฤติกรรมการออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วอาจไม่รู้สึกถึงผลลัพธ์สักเท่าไร

ทริคที่ 1: ในความเป็นจริงไม่ว่าจะลดน้ำหนักด้วยวิธีใดก็ตาม หลักการก็คือ “กินเจ็ดเปอร์เซ็นต์ ออกกำลังกายสามเปอร์เซ็นต์” วิธีการลดน้ำหนักด้วยการหายใจเข้าลึกๆ จะต้องควบคู่ไปกับการกินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำหรือไม่กินหวานเลยยิ่งดี

ทริคที่ 2: หลังจากฝึกลดน้ำหนักด้วยการหายใจเข้าลึกๆ และพัฒนาให้เป็นนิสัยแล้ว แนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกควบคู่เป็นเวลา 30 นาที สัปดาห์ละสองครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การลดน้ำหนักที่ดียิ่งขึ้น

• ขั้นแรกให้หาขั้นบันไดหรือที่วางเท้าไว้ข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และทิ้งน้ำหนักไว้ที่เท้าหลัง
• โน้มตัวไปข้างหลังเล็กน้อย
• ต้องกระชับบั้นท้ายและหน้าท้องเพื่อให้ได้ผล
• ยกมือขึ้นเหนือศีรษะแล้วหายใจเข้าลึกๆ เป็นเวลา 3 วินาที
• เกร็งกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย กางมือไปทางซ้ายและขวา และหายใจออกแรงๆ ด้วยแรงหน้าท้องเป็นเวลา 7 วินาที
• ทำซ้ำขั้นตอนข้างต้นไปเรืื่อยๆ เป็นเวลาประมาณสองนาที

Photo : Pexels

---