การมีผิวสวยสุขภาพดี ช่วยเสริมความมั่นใจได้เป็นอย่างดี แต่บ่อยครั้งที่เราต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มลภาวะ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ รวมถึงการปรนนิบัติดูแลผิวแบบไม่ถูกวิธี ทำให้ประสบกับปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ ผิวขาดความเรียบเนียน ลอกเป็นขุย รวมถึงปัญหาการเกิดริ้วรอย ซึ่ง ‘ธัญ’ (THANN) ได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง มาแนะ “วิธีสังเกต อาการผิวแห้งขาดน้ำ ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาริ้วรอย พร้อมเทคนิคดูแลผิวให้กลับมาชุ่มชื้นมีสุขภาพดี”
วิธีสังเกต “อาการผิวแห้งขาดน้ำ” พร้อมทริคดูแลผิวให้กลับมาอิ่มฟู
แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง แนะนำวิธีสังเกตุอาการผิวแห้งขาดน้ำที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอยพร้อมเทคนิคดูแลผิวให้กลับมาชุ่มชื้นสุขภาพดีว่า “ผิวแห้ง (Dry skin) และผิวแห้งขาดน้ำ (Dehydrated skin) อาจทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่าทั้งสองอย่างคือสิ่งเดียวกัน เพราะมีลักษณะอาการที่เหมือนกัน แต่หากหมั่นสังเกตอาการจะทราบถึงความต่างกัน ผิวแห้งขาดน้ำจะเป็นแค่อาการที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้เป็นลักษณะผิวที่เป็นมาแต่กำเนิด
ผิวแห้งขาดน้ำ (Dehydrated skin) เป็นภาวะปัญหาที่ผิวขาดความชุ่มชื้น หรือขาดน้ำไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวใต้ชั้นผิวหนังทำให้ผิวเกิดการแห้งกร้าน สามารถเกิดได้กับทุกสภาพผิว โดยผิวแห้งขาดน้ำมักจะมีผิวที่ทั้งแห้งและมันในเวลาเดียวกัน สามารถสังเกตลักษณะอาการได้ เช่น หลังล้างหน้าจะรู้สึกว่าผิวหน้าแห้งตึง หยาบกร้าน และแตกลอก แต่ในขณะเดียวกันระหว่างวันผิวจะมัน เป็นสิวง่าย แต่งหน้าไม่ติด ซึ่งเกิดจากการผลิตน้ำมันบนผิวมากเกินไปเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป ทำให้ดูผิวมัน รูขุมขนกว้าง หากปล่อยไว้นานอาจทำให้ผิวสูญเสียการทำงาน เกิดการแพ้ระคายเคือง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า
สาเหตุของการเกิดผิวแห้งขาดน้ำนั้นเกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยปัจจัยภายใน ได้แก่ โรคทางพันธุกรรม เช่น โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ ที่ทำให้รักษาน้ำไว้ที่ผิวหนังไม่ได้ และอายุของเรา โดยอายุที่มากขึ้นนั้นจะส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันน้อยลง ไขมันระหว่างเซลล์ก็ลดลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำได้ง่าย
ปัจจัยภายนอก ได้แก่ สารเคมีหรือสารทำความสะอาดชนิดรุนแรงที่ไปชะล้างน้ำมันเคลือบผิวมากเกินไป ทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำง่ายขึ้น การลอกผิวหรือผลัดเปลี่ยนผิวชั้นหนังกำพร้าเร็วกว่าปกติ จนไม่สามารถสร้างชั้นไขมันได้ทัน ส่วนใหญ่จะพบในผู้ที่มีประวัติการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดผิวที่มีความเข้มข้นสูง และใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศร้อนและเย็น ทำให้ผิวสูญเสียน้ำง่ายและมากขึ้น ผิวก็จะแห้งและเกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่เคยชินแบบผิดๆ เช่น การดื่มน้ำสะอาดน้อย การตากแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
ส่วนวิธีการดูแลผิวแห้งขาดน้ำให้กลับมาชุ่มชื้นอย่างสุขภาพดี จำเป็นต้องเร่งฟื้นฟูบำรุงและเติมน้ำให้แก่ผิวอยู่เสมอด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มอบความชุ่มชื้นกับผิวได้อย่างยาวนาน โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือรบกวนชั้นผิวที่บอบบาง อย่างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบชิโซะ (Shiso) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันโจโจ้บา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส และงดกิจกรรมที่ส่งผลรบกวนผิวอย่างเช่น การสครับหน้า การลอกหน้า การใช้แปรงนวดหน้าที่มีขนหยาบเกินไป ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกรดสูง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นล้างหน้า ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป สามารถคำนวณได้จากน้ำหนักตัว (ก.ก.) x 33 =… ซีซี (1,000 ซีซี = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 4 แก้ว) รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3, วิตามิน เอ ซี อี เพื่อลดการอักเสบของผิวหนัง และอีกสิ่งที่สำคัญ คือ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ”
ด้าน 3 สาวเซเลบริตี้ยังได้เผยวิธีการดูแลสุขภาพผิวหน้าให้ชุ่มชื้นไร้ริ้วรอยตามแบบฉบับตนเอง เริ่มที่สาวสังคม ธัญวรรณ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เผยว่า “โดยส่วนตัวแล้วเอยจะเป็นคนที่มีสภาพผิวแห้งอยู่แล้ว เมื่ออายุมากขึ้นก็จะเกิดริ้วรอยได้ง่าย ยิ่งเวลายิ้มก็จะเกิดร่องแก้ม และเห็นริ้วรอยรอบดวงตาได้อย่างชัดเจน ดังนั้นผิวแห้งแบบเราจึงไม่สามารถละเลยการดูแลผิวได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลใส่ใจเรื่องอาหารการกิน การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการเติมเต็มความชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอยอย่าง เอจ อินเวอร์ชั่น เฟซ ครีม และ ไรซ์ เอ็กซ์แทร็ก มอยซ์เจอร์ไรซิ่ง ครีม เนื้อครีมไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึบซาบได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่อุดตันรูขุมขน เพียงเท่านี้ผิวก็จะชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ปราศจากริ้วรอยและมีสุขภาพดีในทุกๆ วัน”
ถัดมาที่สาวหวาน รินทร์รตา อินทามระ เล่าว่า “เบลเป็นคนที่ผิวค่อนข้างบอบบางและแพ้ง่าย ถึงกับเคยไปพบแพทย์ทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังเพื่อให้ทราบว่าผิวของเราแพ้อะไรบ้าง เพื่อจะได้เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้อย่างถูกวิธีและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ผิวที่บอบบ้างแพ้ง่ายก็ย่อมเจอกับปัญหาระคายเคือง ลอก เป็นขุย ยิ่งเวลาที่ต้องเจอแสงแดดแรงๆ ผิวก็จะแห้งกร้านเกิดริ้วรอยได้ง่าย เวลาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก็จะพิจารณาจากส่วนผสมที่เป็นสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการมอบความชุ่มชื้นสู่ผิวโดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง อย่าง เอจ อินเวอร์ชั่น เฟซ ครีม นอกจากจะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวแล้ว ยังสามารถช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอยได้อีกด้วย นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแล้ว เบลก็ยังต้องดูแลตัวเองด้วยการดื่มน้ำสะอาดวันละ 2 – 3 ลิตร เพื่อชดเชยเหงื่อที่เสียไป และไม่ทำให้ร่างกายขาดน้ำ รวมถึงนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย หากเราเครียดผิวก็จะเครียดตามและทำให้เกิดอาการผิวแห้งขาดน้ำด้วย”
ปิดท้ายที่เวิร์กกิ้งวูแมน โศภิดา จิระไตรธาร กล่าวว่า “นิ้งเป็นคนผิวแห้งขาดน้ำเป็นประจำ สังเกตุได้เลยว่าถ้าวันไหนดื่มน้ำน้อย ผิวหน้าก็จะแห้งอย่างเห็นได้ชัดและเกิดริ้วรอยได้ง่าย ยิ่งตอนนี้มีลูกแล้วยิ่งรู้สึกว่าคอลลาเจนในผิวลดลง หากวันไหนพักผ่อนน้อย ผิวก็จะขาดความเปล่งปลั่งดูไม่สดใส วิธีการแก้ปัญหาของเรา คือ การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อป้องกันปัญหาผิวขาดน้ำ รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่คุณสมบัติในการมอบความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนานอย่าง ไฮเดรติ้ง อิมัลชั่น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวขาดน้ำโดยเฉพาะ เนื้อครีมบางเบา ดูดซึมง่าย ช่วยฟื้นฟู และปกป้องผิวจากความแห้งกร้าน พยายามแบ่งเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์กับผิว อย่าง ปลาแซลมอน อะโวคาโด มะเขือเทศ รวมถึงธัญพืชต่างๆ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เพื่อชะลอการสูญเสียน้ำของร่างกาย”
ภาพ Cover : Pexels
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ผื่นดำที่หน้า เป็นฝ้าทุกกรณีหรือไม่? และ “ฝ้า” มีวิธีรักษาหายขาดหรือเปล่า?
สายขี้แพ้เชิญทางนี้! แนะทริคเลือก ครีมกันแดด สำหรับผิวเซนซิทีฟง่าย
6 เทคนิคดูแล “ผมทำสี” ให้สวยสุขภาพดี สีติดทน ไม่หลุดไวและแห้งเสีย