อย่างที่เรารู้กันว่า อาหารและไลฟ์สไตล์ ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและการเกิดโรคภัย ใครที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อย เพลียง่าย ป่วยบ่อย หลิงมีวิธีแก้ไขง่ายๆ มาแนะนำค่ะ
สุขภาพดีไม่ใช่เรื่องไกลตัว หลิง-จันทิมา เผยทริคสุดง่าย เริ่มจากเปลี่ยนอาหารและไลฟ์สไตล์
1.ทำไมเซลล์–ลำไส้ จึงสำคัญ
“ร่างกายคนเราประกอบไปด้วย 60 ล้านล้านเซลล์ หลิงเคยอ่านเจอว่า เซลล์แต่ละตัวเกิด–ตาย วนเวียนตลอดเวลา คนเราจะสุขภาพแข็งแรงได้ ขึ้นกับว่าสุขภาพของเซลล์เป็นอย่างไร ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพอาหารที่กิน เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของลำไส้ค่ะ
“ลำไส้เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกายเพื่อไปบำรุงและซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ จะทำหน้าที่ได้ดีก็ต่อเมื่อ มีจุลินทรีย์ที่ดีมาช่วยทำงาน ต้องเล่าก่อนว่า ในลำไส้ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ทั้งดีและไม่ดีจำนวนมากถึง 300 ชนิดกว่าร้อยล้านล้านเซลล์ซึ่งการที่จุลินทรีย์ชนิดดีจะเติบโตได้ต้องได้รับสารอาหารจากพืชผักผลไม้
“เพราะฉะนั้น ถ้าอยากแข็งแรง ให้เริ่มต้นจากการเปลี่ยนอาหารและไลฟ์สไตล์ ภายใน 6 เดือน เพราะจุลินทรีย์ในลำไส้จะเข้าไปช่วยเปลี่ยนให้เซลล์แข็งแรงยิ่งขึ้น”
2.ผัก–ผลไม้ พระเอกแห่งยุค
“ในยุคโควิด หลายคนหันมากินผักผลไม้มากขึ้น เพราะผักเป็นอาหารของจุลินทรีย์ชนิดดี ซึ่งต้องอาศัยไฟเบอร์เป็นสารอาหารให้มันเจริญเติบโต และไปสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย
“นอกจากนี้ที่คนเราต้องกินผัก ผลไม้ ก็เพราะมีวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยต้านทานโรค แถมยังมีฤทธิ์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย หลิงแนะนำให้กินวิตามินจากอาหารโดยตรง เพราะหนึ่ง วิตามินเม็ดไม่มีเอนไซม์ สองคือ เวลาสกัดวิตามินอาจต้องใช้กระบวนการทางเคมีร่วมด้วย
“ส่วนคนที่ไม่เน้นผักผลไม้แต่ไปโหมกระหน่ำกินเนื้อสัตว์เพื่อให้ได้โปรตีนปัญหาคือ เนื้อสัตว์ไม่มีไฟเบอร์เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่กินผักจุลินทรีย์ฝั่งร้ายก็พร้อมจะเติบโตส่งผลให้ลำไส้ดูดซึมอาหารไม่ดีต่อให้คุณกินของดีแค่ไหนถ้าร่างกายมีจุลินทรีย์ฝั่งร้ายเยอะสารอาหารก็จะไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย”
3. สดใหม่ยิ่งดี
“อีกข้อที่จะช่วยให้ร่างกายเราแข็งแรงก็คือ การกินของสดใหม่ เพราะจะมีเอนไซม์ที่ช่วยให้เซลล์เราแข็งแรง ต้องเล่าก่อนว่า เอนไซม์ทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น สร้างเซลล์ใหม่ การกำจัดสารพิษและอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย ช่วยย่อย ดูดซึมสารอาหาร ซ่อมแซมให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง แต่รู้อะไรมั้ยคะ เอนไซม์มีจำนวนจำกัด เราจะได้รับเพิ่มก็ต่อเมื่อกินอาหารสด และจากจุลินทรีย์ในลำไส้ ถ้าเรามีเอนไซม์เยอะร่างกายก็จะมีภูมิต้านทานในการต่อต้านเชื้อไวรัสและโรคภัยต่างๆ
“เพราะฉะนั้นยิ่งเก็บผักไว้นาน เอนไซม์ยิ่งน้อยลง สมมุติ ซื้อส้มมาจากตลาด ที่อาจจะเก็บจากต้นเมื่อวาน วันนี้เราก็ยังได้รับวิตามินซีเยอะอยู่ แต่ถ้าเก็บไว้นานๆ วิตามินก็อาจจะลดลง ถามว่าได้ไฟเบอร์มั้ย ยังได้ค่ะ ดีกว่าไม่กินเลย แค่เอนไซม์ของสดจะน้อยลง คนสมัยก่อนจึงแข็งแรงกว่ายุคเรา เพราะเขาปลูกกินเอง หลิงจึงอยากให้คุณปลูกผักง่ายๆ ไว้กินเองบ้าง เช่น สะระแหน่ กะเพรา โหระพา และที่ควรปลูกอย่างยิ่งคือพวกต้นอ่อนเป็นสุดยอดเอนไซม์ที่ดีต่อลำไส้เลยค่ะ
“อีกวิธีที่ช่วยเติมเอนไซม์ให้ร่างกายได้ง่ายๆ คือ ดื่มน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ค่ะ แนะนำให้เลือกซื้อชนิดที่ไม่ผ่านความร้อน และไม่ผ่านการกรอง โดยจะเขียนว่า Raw-Unfiltered และถ้าเป็นออแกนิคด้วยก็จะดีค่ะ เพราะมีเอนไซม์ช่วยซ่อมแซมร่างกาย”
4. พีนัทบัตเตอร์ โปรตีนทางเลือกของชาววีแกน
“ถ้าคุณเป็นสายวีแกน ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่อยากได้โปรตีนครบ แนะนำให้กินพีนัทบัตเตอร์ซึ่งทำจากเมล็ดถั่วลิสงที่มีโปรตีนสูงมาก ถ้าคุณตักพีนัทบัตเตอร์ของ HappyMate 2 ช้อน จะได้โปรตีนแล้ว 10 กรัมที่สำคัญคือเรามาพร้อมไฟเบอร์แคลเซียมฟอสฟอรัสวิตามินบีแมกนีเซียมและยังได้ไขมันชนิดดีอีกด้วยที่สำคัญคือเราไม่ใส่ไขมันใดๆ ไปช่วยให้เนื้อและไขมันเป็นเนื้อเดียวกัน น้ำมันที่ลอยมาจากถั่วทั้งสิ้น มีโปรตีนสูง ไม่มีคอเลสเตอรอลแน่นอนค่ะ”
5. เคี้ยวให้ละเอียด กินพออิ่ม ชีวิตห่างโรค
“อีกอย่างที่จะช่วยเพิ่มเอนไซม์ให้กับร่างกาย คือ การเคี้ยวอาหารให้ละเอียด ประมาณ 30-50 ครั้งต่อคำแล้วค่อยกลืนและกินให้พอดี ไม่อิ่มเกินไป ร่างกายจะไม่ต้องรับภาระหนักในการย่อยอาหาร ชาวโอกินาว่า จะกินให้อิ่มประมาณ 80% เท่านั้น อย่างตอนเย็น เมื่อรู้ตัวว่าจะอิ่มแล้ว ตัดสินใจออกไปเดินเลยค่ะ หรือไม่ก็นั่งสมาธิ ที่สำคัญ กินเสร็จอย่านอนทันที ควรทิ้งเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงค่ะ”
ลองนำไปใช้ดูนะคะ
ติดตามบทความเต็มๆ ได้ในคอลัมน์ Be happy, Be healty นิตยสารแพรว ตุลาคม 2564
เรื่อง จันทิมา ติยะวัชรพงศ์
ภาพ อิทธิศักดิ์
ผู้ช่วยช่างภาพ ภาดร ขจรฤทธิ์
สไตลิสต์ Up_khampoo
แต่งหน้า เนตรระตรี สัมพันธวงศ์
ทำผม ตริน ดิน