account_circleไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้หญิงสวยและเก่ง แถมยังดูเป๊ะปังมากๆ ทั้งผิวพรรณและรูปร่างในวัย 43 ปีอย่าง “เจี๊ยบ-โสภิตนภา ชุ่มภาณี” จะเคยเจอกับปัญหาสุขภาพอย่างหนักหน่วง เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤติเลยก็ว่าได้ ซึ่งเธอป่วยเป็นอะไร และเอาชนะความป่วยนั้นมาได้อย่างไร แพรวดอทคอม เชื่อว่าเรื่องราวของเธอต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับทุกคน
“ความป่วยของเจี๊ยบเกิดขึ้นตอนที่อายุประมาณ 38 ปี เจี๊ยบมีปัญหาด้านสุขภาพหลายอย่างมาก เป็นทั้งภูมิแพ้ กรดไหลย้อน แถมยังมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ ซึ่งเป็นผลมาจากตัวเองที่ทำงานค่อนข้างหนัก ทั้งงานในวงการบันเทิงและธุรกิจส่วนตัวที่ทำควบคู่กันไป ทำให้เกิดความผิดปกติ จากเมื่อก่อนเจี๊ยบจะเป็นคนที่มีผิวสวยใส และเป็นคนที่แอ็คทีฟมากๆ ทำอะไรหลายอย่างได้แบบต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่พอเข้าสู่ช่วงอายุ 30 กว่าๆ เริ่มรู้สึกได้ว่าร่างกายไม่เหมือนเดิม รู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น นอนไม่หลับ ระบบขับถ่ายไม่ปกติ ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่ง โดยเฉพาะผิวกายที่เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
“เจี๊ยบจำได้ว่าตอนนั้นต้องเล่นละครเรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องแสดงเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ด้วยความที่เราเป็นนักแสดงก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้เล่นออกมาแล้วดูสวยสมจริง แต่ตอนนั้นเจี๊ยบรู้ตัวเลยว่าภายในร่างกายมันตรงข้ามกันเลย สุขภาพของเจี๊ยบแย่มากๆ รู้สึกหมดแรง อยากร้องไห้ เพราะโรคต่างๆ รุมเร้าหนักมาก บวกกับอายุที่เยอะขึ้น แถมช่วงนั้นยังกินอาหารไม่ค่อยได้ด้วย จนมาถึงจุดวิกฤติที่เจี๊ยบเป็นโรคเส้นประสาท เครียดมาก นอนไม่ได้เลยอยู่ 3 ปี ต้องกินยานอนหลับเยอะมาก และอยู่ดีๆ ก็พูดไม่ชัด เหมือนลิ้นคับปาก จึงไปหาหมอ ซึ่งหมอบอกว่าลิ้นแข็งไปซีกหนึ่งแล้ว ตอนนั้นหมอสั่งให้เจี๊ยบหยุดทำงานทุกอย่าง ต้องพักผ่อน ต้องนอน ความพีคคือช่วงที่นอนพักผ่อนอยู่ 1-2 สัปดาห์นั้น โรคต่างๆ รุมเร้าเต็มไปหมด ซึ่งนั่นทำให้เจี๊ยบคิดได้ว่าควรพอได้แล้ว เพราะต่อให้เราทำงานหนัก ได้เงินมามากมายเท่าไหร่ก็คงไม่มีประโยชน์ ถ้าสุขภาพร่างกายของเราพัง จึงตัดสินใจหันกลับมาดูแลตัวเองอย่างจริงจัง
“ช่วงแรกเจี๊ยบกินอาหารเสริมต่างๆ อัดเข้าไปหลายตัว จนกลายเป็นว่าเกินความจำเป็นของร่างกาย ส่งผลต่อการทำงานของตับ ทำให้ร่างกายเริ่มไม่รับและขับออกมา มีอาการท้องเสียบ้างอะไรบ้าง จนรู้สึกว่าไม่โอเคแล้ว ต้องพักก่อน กระทั่งมาเจอ ‘ถั่งเช่า’ สมุนไพรจีนที่คุณพ่อของเพื่อนแนะนำให้กิน พอลองกินดูก็พบว่า ช่วยให้มีกำลังวังชามากขึ้น นอนหลับง่ายขึ้นและตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส ระบบขับถ่ายดีขึ้น ประจำเดือนมาเป็นปกติ ผิวพรรณสวยขึ้น
“จากความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของร่างกาย เจี๊ยบจึงหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับถั่งเช่า บวกกับความโชคดีมากๆ ที่ได้รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง ซึ่งทำวิจัยเรื่องสารสกัดจากถั่งเช่าอย่างจริงจัง ทำให้รู้ถึงข้อดีของสมุนไพรตัวนี้อย่างลึกซึ้ง อีกทั้งเจี๊ยบยังมองว่าผู้หญิงในวัยใกล้เคียงกันก็คงเจอปัญหาเดียวกันนี้แหละ จึงตัดสินใจผลิตอาหารเสริม Lavish Beauty Drink ขึ้นมา”
เรื่องราวการเอาชนะความป่วยขั้นวิกฤติของคุณเจี๊ยบ-โสภิตนภา นับเป็นจุดเริ่มต้นของ Lavish Beauty Drink ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับผู้หญิงวัย 30 อัพ ซึ่งโดดเด่นด้วย 6 สารสกัดจากธรรมชาติที่มากด้วยคุณประโยชน์ โดยเฉพาะถั่งเช่าสีทองที่มีสารอะดีโนซีนมากเป็นพิเศษ จึงช่วยบำรุงผิวพรรณได้ดี และถั่งเช่าหิมะที่ช่วยเสริมคอลลาเจนที่ปลายผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และเรียบเนียน นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆ อีก ได้แก่ เห็ดหัวลิง ช่วยสร้างความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เบต้ากลูแคน ช่วยผลิตสารสำคัญต่อผิวอย่างคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนิค ตะบองเพชรชอนยอนโช ซึ่งเป็นพืชที่มีวิตามินซีมากกว่ากลุ่มเบอร์รี่ถึง 250 เท่า ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และ Purified + ion balance water น้ำที่ผ่านกระบวนการสกัดจากเพชรและพลอย ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ให้ตื่นตัว
นอกจากความสำเร็จของ Lavish Beauty Drink ที่ได้รับการยอมรับและบอกต่อกันจนเป็นที่นิยมแล้ว ล่าสุดยังมีการต่อยอดความสำเร็จไปอีกขั้น โดยมีที่มาจากปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับเรื่องกระดูก จึงเกิดเป็น Lavish Cal gel ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยบำรุงและซ่อมแซมกระดูกไขข้อโดยเฉพาะ อีกทั้งยังช่วยบำรุงสมองด้วย
ซึ่งประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ได้แก่ ถั่งเช่าสีทอง ตะบองเพชรชอนยอนโช ชอนยอนโชไซเดอร์ เลซิติน และว่านหางจระเข้ โดยสารสกัดจากธรรมชาติทั้งหมดจะเข้าไปช่วยรักษากระดูก ข้อต่อ และฟันให้แข็งแรง รวมถึงช่วยลดการอักเสบของผิวได้ดีอีกด้วย
ทั้งนี้สำหรับใครที่กังวลว่าผลิตภัณฑ์ที่มาจากสมุนไพรหรือสารสกัดจากธรรมชาติจะรสชาติไม่ดีจนกินยากหรือเปล่า ก็ขอบอกเลยว่าหายห่วงได้ เพราะอย่าง Lavish Beauty Drink จะมีรสสตรอว์เบอร์รี่ ซึ่งตัวนี้ควรทานวันละ 1-2 ซอง ตอนเช้าหรือขณะท้องว่าง ส่วน Lavish Cal gel จะมีรสส้ม สามารถทานได้วันละ 1-2 ซอง ก่อนนอนหรือหลังอาหารประมาณ 20-30 นาที ซึ่งหากนำไปแช่เย็น ก็จะทำให้ Lavish มีรสชาติดีขึ้นอีกด้วย แถมยังทานง่ายและสะดวกมาก โดยแค่ฉีกซองปุ๊บก็กินได้ปั๊บ และที่เริ่ดมากคือมีขนาดซองที่กะทัดรัด สามารถพกพาไปทานที่ไหนๆ ก็สะดวก
ไม่ต้องรอให้สุขภาพพังเสียก่อน แล้วจึงค่อยหันกลับมาดูแลตัวเอง ถ้าอยากมีสุขภาพดีตั้งแต่วันนี้ และมีสุขภาพดีไปนานๆ รับรองว่า Lavish ช่วยทุกคนได้แน่นอน ทั้งนี้สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://lavishthailand.com/ หรือ https://www.facebook.com/lavishthailand/