50+ ใครว่ากระฉับกระเฉงไม่ได้!

“อะไรเอ่ย เพิ่มขึ้นทุกปีไม่มีลด??” คำตอบที่ถูกต้องที่สุดนั่นก็คือ “อายุ”  สิ่งที่ผู้หญิงอย่างเราๆ ไม่ค่อยจะอยากนึกถึงกันสักเท่าไรนัก เพราะตัวเลขที่มันเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี แต่ความจริงก็คือความจริง ต้องทำใจยอมรับว่า “แก่” ก็คือ “แก่” ซึ่งพออายุมากขึ้น ยิ่งวัยเข้าสู่ 50+ ขึ้นไปแล้ว อาการความเสื่อมของร่างกายก็จะเริ่มปรากฏให้เห็น โดยเฉพาะผู้หญิงที่ว่ากันว่าตามสถิติจะแก่ง่ายกว่าผู้ชาย แต่ปัจจุบันสิ่งหนึ่งที่สังเกตได้กลับพบว่าวัยรุ่นวัยทำงานจำนวนมากที่ยังไม่ถึงวัยชรา แต่อาการเสื่อมของอวัยวะหรือความชรากลับถามหาเสียแล้ว ในทางกลับกันคนสูงอายุบางคนที่ดูแลตัวเองดีๆ กลับยังดูหนุ่มสาวจนบางทีพอรู้อายุแล้วถึงขั้นอุทานออกมาว่า คุณพระ!!       

พูดง่ายๆ ก็คือยุคนี้เป็นยุคที่เราไม่อาจจะคาดเดาอายุได้จากหน้าตาหรือรูปร่างภายนอกได้เลยจริงๆ เพราะคนสมัยนี้ถึงจะอายุมากแต่ก็ไม่ได้ดูแก่ชรา สุขภาพย่ำแย่ ปล่อยให้ตัวเลขแห่งวัยมาทำร้ายได้อีกต่อไป เพราะยุคนี้เป็นยุคแห่งการดูแลตัวเอง  เพราะใครๆ ก็ต้องการดูอ่อนกว่าวัย แก่ช้า ร่างกายกระฉับกระเฉงสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชื่นชอบไปได้อีกนานๆ จะเห็นว่าผู้ใหญ่บางคนถึงแม้วัยจะเข้าสู่ 50+ แล้ว แต่ยังคงดูดี หล่อ สวย แข็งแรง ทำอะไรๆ ได้ไม่ต่างจากคนวัยหนุ่มสาว จนอดสงสัยไม่ได้ว่าแต่คนเหล่านั้นเค้ามีเคล็ดลับหรือวิธีดูแลตัวเองกันยังไงน๊า     

จะว่าไปแล้วเรื่องการดูแลสุขภาพร่างกายที่จริงแล้วมันไม่มีเคล็ดลับหรือกฏระเบียบอะไรที่ตายตัว เพียงแค่เราต้องหมั่นดูและและตรวจเช็คร่างกายของเราบ่อยๆ คอยสังเกตว่าร่างกายเราพออายุมากขึ้นมีควาเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง ไม่ต้องรอให้ร่างกายเป็นฝ่ายเริ่มส่งสัญญาณบอกเราก่อน ดังคำกล่าวที่ว่าสุขภาพดี ชีวิตดี อันนี้คือเรื่องจริง

แต่คนส่วนใหญ่มักยอมแพ้ให้กับสัญญาณของความแก่ชราที่คืบคลานเข้ามา โดยปล่อยให้ร่างกายถูกความแก่ชราพัดพาไปตามยถากรรม ดังนั้น เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เราต้องมีการวางแผน และทุ่มเทแรงกาย แรงใจดูแลรักษาร่างกายให้สมดุลอยู่เสมอ เพราะการวางแผนเรื่องสุขภาพเพื่อเตรียมรับเมื่อยามแก่ ก็เหมือนกับการวางแผนการเงินยามปลดเกษียณเช่นกัน ซึ่งต้องวางกันในลักษณะ Long Term จึงจะเห็นผล

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าการทำให้ตัวเองดูอ่อนกว่าวัยนั้น เป็นคนละเรื่องกับการมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามดูดีแบบที่ดารา นักร้อง ที่เค้าเป็นกัน แต่หมายถึงการพยายามทำให้ดูอ่อนเยาว์ด้วยการทำยังไงก็ได้เพื่อให้คงความยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแล “จุดพีค” ที่สำคัญของร่างกายอย่างกระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อ ให้ยังคงทำงานอย่างแข็งขันไม่แพ้คนหนุ่มสาว อ่อ! รวมถึงต้องควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ และต้องมีรอยยิ้มที่สดใสอยู่เสมอด้วย เพราะนี่แหละเป็นสิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวกระตุ้นอันทรงพลังให้กายและใจอ่อนวัยลง    

การที่คนเราจะแสดงออกได้ถึงความพร้อมของร่างกาย หรือที่เรียกว่ามีสมรรถภาพทางร่างกายที่สมบูรณ์ในการจะประกอบกิจกรรมทางกายภาพต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีพลังงานเหลือไว้ใช้ในสภาวะที่จำเป็น ซึ่งความสามารถของระบบต่างๆ ในร่างกายจะต้องประกอบด้วยความสามารถทางสรีระที่จะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของการมีสุขภาพดี ซึ่งสิ่งนี้สามารถปรับปรุงพัฒนาและคงสภาพได้ โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้องค์ประกอบสำคัญของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในวัยที่เพิ่มมากขึ้น และสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องแคล่ว แค่ดูแลตัวเองให้ถูกจุด และควรเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ เท่านั้นเอง

โดยปกติคนเราเมื่ออายุ 50 ขึ้นไป อาการความเสื่อมของร่างกายจะเริ่มปรากฏให้เห็นเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งการจะเช็คความเสื่อมที่เตือนว่าร่างกายของเรากำลังก้าวเข้าสู่ความชรา อาจดูได้จากอาการเหล่านี้ เช่น ปวดหัว ปวดหลัง ปวดตามข้อบ่อยขึ้น, หรือเป็นโรคข้อเสื่อม โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน, อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น แม้จะนอนเต็มอิ่ม, ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม แต่กลับรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น, นอนหลับยาก กระสับกระส่าย ตื่นกลางดึกบ่อยๆ, น้ำหนักขึ้นง่ายแม้จะกินเท่าเดิม ต้องออกกำลังกายเท่านั้น หากตรวจพบว่าร่างกายมีสัญญาณบ่งบอกความชรามากกว่า 3 ข้อ นั่นแสดงว่าร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะเสื่อมถอย

และก่อนที่ความหนุ่มความสาวจะหายไปแบบกู่ไม่กลับ เราควรต้องทำความรู้จักและเข้าใจจุดพีคที่เป็นองค์ประกอบในการเคลื่อนไหวของร่างกายทั้ง 3 ส่วน เพื่อให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานเป็นปกติ เพราะเมื่อระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานเป็นปกติ ก็ย่อมทำให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงอยู่กับตัวเราไปอีกนาน ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม  ดังนั้น ควรปรับทัศนคติเสียให้หยุดคิดว่าเมื่ออายุมากขึ้นแล้วร่างกายจะต้องอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง อย่าลืมว่า ร่างกายจะเป็นไปตามที่จิตใจสั่ง หากเราคิดว่าแก่ เราก็จะแก่ ตรงกันข้ามหากเราเชื่อว่าเรายังไม่แก่ เรายังกระฉับกระเฉง ทำอะไรได้เหมือนคนหนุ่มสาว ความเชื่อที่ว่านั้นจะเป็นตัวกระตุ้นอันทรงพลังให้ร่างกายอ่อนวัยลง

แต่คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการเคลื่อนไหวของร่างกายนั้นขึ้นอยู่กับกระดูกเพียงอย่างเดียว จึงโฟกัสไปที่กระดูกและให้ความใส่ใจดูแลมากเป็นพิเศษ เพราะกลัวความเสี่ยงเรื่องกระดูกพรุนที่สุด ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกายจะอาศัยกระดูกอย่างเดียวย่อมไม่เพียงพอ ต้องอาศัย 3 ส่วนสำคัญของร่างกาย คือ กระดูก ข้อต่อ และ กล้ามเนื้อ ที่ต้องดูแลให้ดีและทำงานสัมพันธ์กันให้ครบทุกส่วน

อย่างการออกกำลงกาย เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของร่างกายสำหรับคนวัย 50+ ควรออกกำลังกายตามกำลังที่มี การออกกำลังกายไม่ว่าจะหนักหรือเบา คือยาอายุวัฒนะที่สำคัญที่สุดในการย้อนวัย ไม่ว่าจะเป็นการแอโรบิกเอกเซอร์ไซส์ วิ่งจ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือทำกิจกรรมอะไรก็ตาม ที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น เพื่อช่วยให้หลอดเลือดและหัวใจแข็งแรง ทั้งยังเสริมสร้างความกระปรี้กระเปร่าอีกด้วย

หรือจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ และกระดูก ก็สามารถทำได้ เช่น ยกน้ำหนัก ยกดัมบ์เบล เพื่อช่วยเสริมสร้างจุดพีคของร่างกายให้แข็งแรงและลดอาการปวดหลัง นอกจากนี้การฝึกความยืดหยุ่นของร่างกายอย่าง การออกกำลังกายประเภทโยคะ ไทชิ และชี่กง ก็ช่วยให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นข้อต่อต่างๆ ทำงานดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเรื่องการทรงตัวอีกด้วย

นอกจากการออกกำลังกายแล้วหาผลิตภัณฑ์ที่ดี และมีประโยชน์ต่อร่างกายมารับประทานก็มีส่วนสำคัญ ยิ่งสมัยนี้วิทยาการสมัยใหม่มีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนที่อยากกระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว แม้วัยเลย 50 ปีไปแล้ว แต่ยังอยากทำกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่น่าจับตามองอย่าง แอนลีนมอฟแม็กซ์ (Anlene MovMax) ที่พัฒนาสูตรใหม่ เพิ่มสารอาหารหลักที่จำเป็นให้มากขึ้นและเพียงพอ ได้แก่ แคลเซียม โปรตีน คอลลาเจน ซึ่งจะ ช่วยบำรุงทั้ง 3 ส่วนสำคัญในการเคลื่อนไหว คือ กระดูก ข้อต่อ และ กล้ามเนื้อ รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องไขมันเพราะมีคอลเรสเตอรอลต่ำ ยิ่งถ้าได้ดื่มวันละ 2 แก้ว จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของอวัยวะต่างๆ ให้คล่องแคล่วกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น     

จงท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าการสร้างความหนุ่มสาวจากภายใน คือยาขนานเอกที่จะช่วยให้เกิดความอ่อนวัย ร่างกายกระฉับกระเฉงได้ แม้อายุจะเข้าสู่วัยครึ่งร้อยแล้วก็ตาม การทำจิตใจและอารมณ์ให้ดีจะช่วยสร้างความสุขให้เกิดภายในจิตใจได้ เมื่อจิตใจดีร่างกายจะดีตาม มีกำลังใจในการออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อแขนและขาให้แข็งแรง เดินเหินคล่องแคล่วว่องไว สามารถใช้ชีวิตปกติได้โดยไม่พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขกับคนในครอบครัวฉะนั้น การดูแลด้วยการออกกำลังกาย กินผลิตภัณฑ์ที่ดี และกินอาหารให้ถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างมวลกระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อทดแทนที่เสื่อมสลายไปในทุกวัน ได้อย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up