มาริโอ้ เมาเร่อ

“มาริโอ้ เมาเร่อ” เผยมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไป ผันตามประสบการณ์และอายุที่เพิ่มขึ้น

Alternative Textaccount_circle
มาริโอ้ เมาเร่อ
มาริโอ้ เมาเร่อ

กว่า 15 ปีในวงการบันเทิง ชื่อของ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ไม่เคยจางหายไปไหน ผ่านงานบันเทิงมาหลากหลายรูปแบบและหลายบทบาท ปีที่ผ่านมาเขากลับมาเรียกเสียงกรี๊ดของแฟนๆ อีกครั้งในบทบาท “ก้าวกล้า” จากละครเรื่อง คือเธอ ที่ผู้ชมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าแสดงดีและหล่อมาก แพรว มีโอกาสคุยกับมาริโอ้อีกครั้ง ซึ่งทำให้เห็นถึงมุมมองชีวิตที่ต่างออกไปกว่าที่เคย

“มาริโอ้ เมาเร่อ” เผยมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไป ผันตามประสบการณ์และอายุที่เพิ่มขึ้น

ปีที่ผ่านมาได้เห็นผลงานละครของมาริโอ้หลังจากหายไปนาน กระแสตอบรับจากทุกคนบอกว่าหล่อมาก รู้สึกอย่างไรคะ

“ท้าทายมาก ยากด้วยครับ ไม่เคยเล่นแนวดราม่าโรแมนติกแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเล่นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ โชคดีที่มีทีมงานคอยเคี่ยวเข็ญ แล้วผู้กำกับ พี่แอ้ว (อำไพพร จิตต์ไม่งง) ทำงานละเอียด พี่แอน (แอน ทองประสม) ก็ละเอียดมาก

“โอ้ซ้อมนานมาก เรียกว่าซ้อมเกือบปีก็ว่าได้ แต่ตอนทำงานค่อนข้างเร็ว พอละครออนแอร์ก็ทำให้ได้เห็นโอ้ในมุมมองอีกแบบหนึ่งครับ”

จะมีผลงานให้ได้ชมเร็วๆ นี้อีกไหม

“มีละครเรื่อง หมอหลวง ปีนี้ครับ ต้องเล่าก่อนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ภาคต่อของเรื่อง ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง แค่อาจจะลิงก์กันนิดหน่อย เพราะเรื่อง ทองเอกฯ เป็นยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนเรื่อง หมอหลวง อยู่ในยุคสมัยของรัชกาลที่ 3 นางเอกจะหลุดมาจากยุคปัจจุบัน เรื่องนี้สนุกเฮฮา แต่จริงจังกว่าเดิมในเรื่องของการรักษา

“ส่วนที่ลิงก์กันคือ หมอหลวง เป็นหมอที่รักษาอยู่ในวัง มีโรงเรียนสอน โอ้เป็นนักเรียนอยู่ในนั้น ส่วนเรื่อง ทองเอกฯ เป็นหมอบ้าน ปู่เป็นหมอไทยที่อยู่หลังวัด เรื่อง หมอหลวง โอ้เป็นนักเรียน มีครอบครัว มีพ่อ มีแม่ใหญ่ แม่เล็ก มีพี่ชาย แล้วก็มีหลาน หลานชื่อเหมือนปู่เรื่อง ทองเอกฯ คือทองอิน ตรงนี้จะลิงก์กัน ก็คือตอนนั้นปู่ยังเป็นหลานอยู่ พอชาติใหม่หลานมาเป็นปู่ ชื่อก็เหมือนเดิม แต่โอ้จะมีอีกชื่อหนึ่ง ชื่อทองอ้น ส่วนเรื่องเก่า ชื่อทองเอก”

มาริโอ้ เมาเร่อ

ล่าสุดเพิ่งได้รับรางวัลจากประเทศเกาหลีใต้ ในมุมของมาริโอ้คิดว่ารางวัลเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จไหม

“ใช่ครับ โอ้ได้รางวัล Face of Asia จากงาน BIFF With Marie Claire Asia Star Awards 2022 ที่ร่วมกับ Busan International Film Festival

“สำหรับโอ้ เรื่องรางวัลอาจจะได้มาหลายแบบ เวลาได้รางวัลโอ้คิดว่าสิ่งนี้ไม่ได้มอบให้แค่เราคนเดียว เพราะกว่าโอ้จะมาถึงตรงนี้ มีหลายคนที่อยู่เบื้องหลัง ก็ดีใจแทนคนที่ทำให้เรามาอยู่ตรงนี้ด้วยครับ จริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะได้ครับ ไม่เคยหวังถึงรางวัลเลย คิดแค่ว่าขอแค่คนดูชอบแล้วบอกต่อกันก็พอ

“เรื่องการแสดงหรือรางวัล อย่างหนังที่โอ้เล่นมีทั้งหนังที่อาจจะเข้าตาคนหมู่มากและไม่เข้าตา แต่บางทีเรื่องที่ไม่เข้าตาไม่ได้หมายความว่าไม่ดี แล้วแต่ความนิยม ส่วนเรื่องรางวัลก็เป็นจุดสูงสุดของการที่เราเป็นนักแสดง หรือการที่เราทำอาชีพอะไรก็ตามแล้วได้รางวัล มาจากคณะกรรมการหรือผลโหวตอะไรก็ตาม สำหรับโอ้คือกำลังใจในการทำงานมากกว่า เพราะนั่นหมายถึงเราทำแล้วมีคนเห็น เราเหนื่อยแล้วมีคนชื่นชม คอยติดตามผลงาน รู้สึกว่าเป็นกำลังใจให้กลับไปทำงานต่อครับ”

ทุกวันนี้คิดว่าอะไรคือความท้าทายของการทำงาน เพราะน่าจะผ่านมาแทบทุกรูปแบบแล้ว

“หลายอย่างยังท้าทายอยู่ครับ อย่างโอ้อายุ 34 ปี เพิ่งได้เล่นแนวดราม่าโรแมนติก ก็ได้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าท้าทายอยู่ตลอด ได้ทำอะไรใหม่ๆ บทบาทไม่ค่อยซ้ำ เหมือนเราได้ลองอะไรที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในบทบาทที่โตขึ้นด้วย”

โอ้มีเกณฑ์ในการรับงานไหมคะ

“โอ้จะดูบทกับผู้จัดการครับ บางอย่างที่รู้สึกว่าถ้าเราถ่ายทอดออกมา เรากลัวว่าจะถ่ายทอดได้ไม่ดีหรือรู้สึกไม่มั่นใจ หรืออะไรที่ห่างตัวเราเกินไปก็อาจจะไม่รับ เช่น ต้องเล่นกับ CG ที่มองไม่เห็นก็จะค่อนข้างกังวลครับ”

มาริโอ้ เมาเร่อ

บทแบบไหนที่แสดงแล้วมั่นใจที่สุด

“สำหรับโอ้ไม่มีคำว่ามั่นใจที่สุดครับ แต่จะเป็นลักษณะที่ทำการบ้านน้อย สามารถเป็นตัวเองได้เวลาเข้าฉาก เช่น ถ้าแนวคอมเมดี้จะไม่ค่อยเครียด จริง ๆ แล้วคอมเมดี้ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นตัวเองขนาดนั้น แค่อาจจะเล่นได้ธรรมชาติมากกว่า เพราะเราเป็นคนชอบดูรายการหรือหนังตลก ก็รู้สึกว่าอะไรที่เตรียมไว้จะไม่ค่อยฮา แต่ถ้าหลุดออกมา พูดผิดบ้างก็ฮาได้”

นอกจากงานแสดง อีกหนึ่งงานที่จะเห็นมาริโอ้คืองานแฟชั่น คิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มสายแฟชั่นไหม

“โอ้คิดว่ามีเลือดแฟชั่นอยู่ครับ โอ้ชอบแฟชั่นมาตั้งแต่เด็ก แล้วผู้จัดการก็แต่งตัวไม่ธรรมดา เรียกว่าสายแฟชั่นเหมือนกัน คนรอบตัวโอ้แฟชั่นหมดเลยครับ”

จากเมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ สไตล์การแต่งตัวเปลี่ยนไปตามวัยหรือเปล่า

“พอโตขึ้น สไตล์การแต่งตัวก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนโอ้ชอบแบบหนักๆ ชอบใส่บู๊ต ช่วงหลังสังขารไม่ค่อยได้ รู้สึกเจ็บแล้วก็หนัก เดินไกลแล้วปวดเท้า เริ่มมาเปลี่ยนเป็นสนีกเกอร์ แต่ก็ยังใส่ยีนอยู่ ยังชอบการแต่งตัว อาจจะมีปรับให้คล่องตัวขึ้น หาออปชั่นที่ใส่แล้วสบายมากขึ้น กางเกงก็จะใหญ่ขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ใช่เพราะไซส์เปลี่ยน แค่เราอยากใส่ให้สบาย ส่วนเรื่องการช็อปปิ้งก็ยังชอบซื้อเสื้อ ซื้อกางเกง ทั้งที่มีเยอะเหลือเกิน”

มาริโอ้ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาบ้างคะ

“พออายุมากขึ้น ร่างกายถดถอยลงทุกวัน ต้องดูแลดีๆ เพราะเราใช้งานหนัก โอ้จะพยายามดูเรื่องอาหาร กินอะไรที่ไม่อ้วนมาก ลดไขมัน แล้วจากที่เคยนอนดึกก็พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ

“สิ่งที่ทำให้ได้เรียนรู้เป็นช่วงโควิด ความคิดโอ้เปลี่ยนไปเยอะ ทำให้เรารู้ว่าบางวันชีวิตก็ไม่แน่นอน บางทีมีงาน มีอีเว้นต์ จู่ๆ หายไป 2 ปี โอ้ไม่เคยเจออะไรอย่างนี้ แล้วก็ทำให้เราเจอการทำงานรูปแบบใหม่ ซ้อมถ่ายละครผ่าน Zoom ซ้อมหนังผ่าน Zoom แปลกดีครับ อะไรที่เราไม่เคยเจอก็ได้เจอ ที่ไม่คิดว่าจะมีก็มี สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่าไม่มีอะไรแน่นอน ชีวิตเราด้วย งานด้วย โลกด้วย ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ทุกคนทั่วโลกก็ต้องเปลี่ยนไป มีช่วงที่งานน้อยลง ต้องทำงานจากที่บ้าน ทำงานอยู่ดีๆ ก็หยุด บางทีมีอะไรที่ไม่ได้คิด มีโรคอะไรที่เราควบคุมไม่ได้”

ถ้าสามารถย้อนเวลาไปบอกมาริโอ้ในวัยเด็กได้ อยากบอกอะไร

“ข้อหนึ่งคือ เรื่องความไม่แน่นอน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอด ข้อสอง เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ เราจะได้ยินกันบ่อยๆ ว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง แต่อย่าลืมว่าเงินซื้อสุขภาพไม่ได้ เราต้องดูแลตัวเองให้ดี

“และข้อที่สาม เวลาผ่านไปเร็ว เราต้องใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะใช้ไปกับคนรอบข้าง เราต้องดูแลทุกคนให้ดีในเวลาที่มีอยู่”

มาริโอ้ เมาเร่อ

ตอนนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเวลามากขึ้น

“ใช่ครับ สมัยเด็กรู้สึกว่ามีเวลาเยอะ พอโตมารู้สึกว่า 1 ปีผ่านไปเร็วมาก ถ้าเราอยากจะทำอะไร หรือคิดจะทำอะไรดีๆ ให้รีบทำ ไม่ว่าจะทำให้คนรอบข้าง อยากตอบแทนใครก็ให้รีบทำทันที เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ อาจจะยังไม่ทันแก่แล้วต้องไปก็ได้ สมัยนี้ไม่แน่นอน ไม่ใช่แค่คนโตๆ ที่จากไป มีดาราเด็กๆ ที่เขาเสียเร็วหรือไปไว แล้วโรคภัยก็ใกล้ตัวเราขึ้นทุกที วัย 30 กว่ามีโรคให้เผชิญเต็มไปหมด คนเราบอบบางมาก ก็ต้องให้เวลากับการดูแลตัวเองรวมถึงคนรอบข้างให้ดีที่สุด”

มาริโอ้แบ่งเวลาให้ตัวเองยังไงบ้าง

“โอ้มีเวลาให้ตัวเองเยอะครับ แต่รู้สึกว่าบางทีมีอะไรทำเยอะมาก กิจกรรมเยอะ ขับรถ ดูแลรถ ซ่อมรถ ซื้ออะไหล่ ก็หมดเวลาไปเยอะ บางทีก็คิดว่าทำอย่างไรจะใช้เวลาน้อยที่สุดกับสิ่งเหล่านี้ ใช้เวลาในที่นี้คือมีความสุขนะครับ แต่ใช้ให้พอประมาณ ไม่ให้เยอะเกินไป

“จริงๆ นี่ก็คือสิ่งที่เพิ่งได้เรียนรู้ เพราะเมื่อก่อนอาจจะใช้เวลาทำรถทั้งคืนไปถึงเช้า พอมาคิดแล้วก็ไม่ดีครับ สุขภาพเราก็ถดถอย ถึงรถเราจะเงาขึ้นหน่อย แต่ก็ไม่ได้เงาตลอดไป รถไม่พัง แต่เราพัง ก็ต้องแบ่งว่าแค่นี้พอแล้ว วันอื่นมาทำต่อ โอ้คิดว่าพออายุมากขึ้นก็จะเห็นค่าของเวลาและจัดการชีวิตได้ดีขึ้นครับ”

ทุกวันนี้ความสุขในวัย 34 ปีของมาริโอ้คืออะไร

“โอ้อยากให้แม่ได้ไปเที่ยวครับ อยากให้แม่และครอบครัวมีความสุข ช่วงชีวิตที่ผ่านมาโอ้ทำงานตลอด แต่มาถึงจุดหนึ่งรู้สึกว่าคนเราหาเงินไปเยอะๆ บางทีเงินก็ซื้อความสุขไม่ได้ครับ โอ้จึงอยากพาแม่ไปเที่ยว ถ้าไปไหนแล้วพาแม่ไปได้ก็จะพาไป เพราะวันหนึ่งแม่อาจจะแก่จนไปไม่ไหว ผมก็หมดโอกาสแล้ว สุดท้ายก็กลับมาที่เรื่องของเวลา ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดครับ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 989

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up