ณิชา ณัฏฐณิชา

ช่วงชีวิตที่ลงตัว “ณิชา – ณัฏฐณิชา” เต็มที่กับการทำงาน ความรักแฮ็ปปี้ ซัพพอร์ตกันและกัน

Alternative Textaccount_circle
ณิชา ณัฏฐณิชา
ณิชา ณัฏฐณิชา

ตลอด 9 ปีบนเส้นทางบันเทิงของ “ณิชา – ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์” เธอเล่าว่าถนนเส้นนี้เปรียบเหมือนการเดินทาง และตอนนี้เป็นช่วงที่ลงตัวที่สุด แพรว จึงขอขึ้นรถคันนี้ติดตามไปสำรวจชีวิตของเธอ พร้อมทั้งพูดคุยถึงมุมมองต่างๆ ในชีวิต และเรื่องราวความรักที่เธอบอกว่า “ถ้ารักใครแล้ว…พร้อมซัพพอร์ตเต็มที่ค่ะ” 

ช่วงชีวิตที่ลงตัว “ณิชา – ณัฏฐณิชา” เต็มที่กับการทำงาน ความรักแฮ็ปปี้ ซัพพอร์ตกันและกัน

มิชชั่นปีนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ

“ยังเป็นปีที่ค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ ค่ะ ตั้งใจให้ปีนี้เป็นการลองทำสิ่งใหม่ๆ คือรับงานหลากหลายขึ้น อย่างด้านงานแสดงก็พยายามรับบทที่ทำให้เราได้ลองอะไรใหม่ๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นมาให้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาณิชารู้สึกว่าตัวเองได้รับบทที่แตกต่างมาตลอด มีทั้งย้อนยุค เรียบร้อย ซนๆ จนถึงนักธุรกิจ ทำให้สนุกที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ไปเรื่อยๆ

“อย่างงานด้านแฟชั่นที่มีโอกาสทำเต็มที่มากขึ้น แต่ก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่อยู่นะคะ เพราะแฟชั่นต้องคิดไอเดียใหม่ ลองอะไรใหม่ๆ ตลอด

“ซึ่งเราก็มีสไตล์ของตัวเองชัดเจน แต่สุดท้ายเวลาที่ได้เจองานใหม่ รูปแบบใหม่ มันเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ปีนี้จึงเป็นปีที่ได้ทดลองเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ตัวเองเยอะเลย ลงตัวทั้งด้วยจังหวะและเวลา เมื่อก่อนอาจมีกรอบว่าเราอาจจะยังเด็ก ดูมีลิมิตทางด้านนี้ พอโตขึ้นเราได้แสดงความเป็นตัวเองออกมาให้ทุกคนเห็นชัดขึ้น จึงมีโอกาสหลายอย่างเข้ามาหาเรามากขึ้นด้วย” (ยิ้ม)

ณิชา ณัฏฐณิชา

เวลาเห็นคำว่าณิชาสายแฟฯ รู้สึกอย่างไรคะ

“ดีใจนะคะ เพราะแฟชั่นเป็นสิ่งที่ณิชาชอบอยู่แล้ว ไม่ว่าคนจะนิยามว่าอะไร ก็รู้สึกสนุกไปกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรียกอินฟลูเอนเซอร์ นักแสดง แฟชั่นไอคอน หรือเป็นอะไร ณิชารู้สึกว่าทุกอย่างคือตัวเรา ดีใจที่หลายคนให้ความสนใจ แต่งตัวตามเราบ้าง หรือทักมาถามว่าไอเท็มนี้ดีไหม เสื้อตัวนี้ซื้อจากไหน รู้สึกสนุกมากเลยค่ะ”

ณิชาเคยเล่าว่ามีช่วงหนึ่งที่แสดงจบแล้ว แต่ยังติดอยู่กับตัวละครนั้น ตอนนี้จัดการเรื่องนี้ได้ดีขึ้นหรือยัง

“ตอนนั้นไม่ใช่ว่าเราออกจากบทไม่ได้นะคะ ใจเราออกมาแล้ว แต่ร่างกายของเราไม่ยอมออกมาด้วย แยกเป็นสองส่วนค่ะ จิตใจกับร่างกาย คือจิตใจเราไม่ได้คิดหรือติด แต่ความที่เราอยู่กับตัวละครนั้นนาน ต้องเจอเรื่องหนักๆ มีซีนดราม่า ร้องไห้ทุกวัน จึงทำให้เหมือนร่างกายจำว่าต้องหลั่งสารความเศร้านี้ออกมาทุกวัน

“ตอนแรกที่เป็นยอมรับว่าตกใจเหมือนกันค่ะ งงว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องทำยังไง แต่ตอนนี้เข้าใจสถานการณ์นี้มากขึ้นแล้ว เพราะเวลาเราเข้าซีน ต้องแสดงเป็นตัวละครนั้น ต้องร้องไห้ แต่เราลืมไปว่าจริงๆ แล้วนี่คือร่างกายณิชานะ ไม่ใช่ตัวละคร จึงค่อยๆ ปรับจูนตัวเองทีละนิด ให้สารเคมีในร่างกายกลับมาเหมือนเดิมให้ได้ อย่าไปเครียดกับมัน ตอนนี้จึงเข้าใจและเรียนรู้แล้วว่ามันเกิดขึ้นได้แหละ เราต้องค่อยๆ ปรับไป” (ยิ้ม)

แล้วในแง่การทำงานมีเรื่องอะไรที่ต้องปรับอยู่อีกไหม

“ณิชามองว่าการทำงานแบบนี้ต้องเจอคนใหม่ตลอดเวลา ทำให้ต้องปรับตัวและทำความเข้าใจเรื่องใหม่ทุกวัน อย่างเราไปร่วมงานกับคนนี้ เราก็ต้องเข้าใจว่าเขาเป็นแบบไหน ธรรมชาติเขาเป็นอย่างไร หรือการร่วมงานกับคนลักษณะนี้ต้องทำตัวอย่างไร ซึ่งตอนนี้ณิชารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจคนได้หลากหลายขึ้นแล้ว รู้วิธีการทำงานกับแต่ละคน

“เพราะเราอยากร่วมงานและทำงานกับทุกคนให้ราบรื่นที่สุด ฉะนั้นต้องใช้ความเข้าใจว่าธรรมชาติของคนนี้เป็นแบบนี้ น้องคนนั้นเป็นแบบนี้ เพื่อที่จะทำงานร่วมกันให้ทุกอย่างออกมาสมู้ทและดีที่สุดค่ะ”

กับโลกโซเชียลคิดว่าตัวเองรับมือได้ดีขึ้นไหมคะ

“เราก็คือมนุษย์คนหนึ่ง แต่ก็ขอชื่นชมในมุมของตัวเองว่ารับมือได้ค่อนข้างดีค่ะ (ยิ้ม) รู้วิธีจัดการกับตัวเองในเรื่องนี้ ซึ่งถ้าถามว่าพอเข้ามาในวงการ เจอคนเยอะขึ้น แต่ยังคงรู้สึกว่าวงการนี้ไม่ได้ทำให้ตัวตนของเราเปลี่ยนไป ยังเหมือนตอนที่เป็นเด็กอยู่ที่เชียงใหม่ ยังเป็นคนเดิมคนนั้น ยัง Introvert มากๆ เหมือนเดิม แต่ด้วยหน้าที่การงานทำให้เราต้องออกมาเจอผู้คน ซึ่งเราก็เอนจอยกับตรงนั้นได้ เพียงแค่เวลาพักเราอาจจะชอบอยู่บ้านมากกว่า แทนที่จะออกไปข้างนอก”

ถ้าเปรียบการทำงานตลอด 9 ปี เป็นถนน คิดว่าตอนนี้กำลังอยู่ตรงไหนและมีจุดหมายปลายทางที่เมืองอะไรคะ

“เป้าของการเป็นนักแสดงของณิชาคือการได้รับบทที่ดี สนุก และท้าทายตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นโกลที่ไม่มีที่สิ้นสุดเลยค่ะ คงเป็นเหมือนการขับรถไปเรื่อยๆ เหมือนโร้ดทริป ณิชาออกเดินทางตั้งแต่อายุ 17 ได้แวะพักหลายเมือง ซึ่งให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันนะคะ บางเมืองมีแต่ภูเขาสูงเต็มไปหมด บางเมืองเป็นทางราบเรียบ ซึ่งตอนนี้ณิชาคิดว่ากำลังอยู่บนทางชันนิดนึง

“เพราะเป็นช่วงลองสิ่งใหม่ค่อนข้างเยอะ จึงต้องใช้พลังงานเยอะหน่อย (หัวเราะ) ยังไม่ใช่ทางเรียบที่วิ่งไปเร็ว เรากำลังค่อยๆ เรียนรู้ ซึ่งถ้าข้างหน้าเราได้เจอทางเรียบ ก็คงเข้าใจว่า อ๋อ…มันเป็นแบบนี้เอง”

ณิชา ณัฏฐณิชา

เคยขับรถหลงทางบ้างไหม

“ยังไม่เคยค่ะ แต่เคยลังเลว่าจะเลี้ยวขวาหรือเลี้ยวซ้าย เวลาเจอทางแยกจะลังเลและคิดหนักมาก แต่สุดท้ายก็เชื่อความรู้สึก เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเลือกและพุ่งไปทางนั้นแบบไม่เสียดายอะไรเลยค่ะ (ยิ้ม)

“เพราะอย่างหนึ่งที่ณิชาคิดตลอดคืออยากทำอะไร ทำไปเลย ทำให้เต็มที่แต่อย่าเสียใจทีหลัง คือถ้าวันหนึ่งเจอทางแยก ณิชาจะใช้เวลาคิดกับมันให้เต็มที่ที่สุด หรือถ้าไม่อยากคิด ก็จะใช้ใจตัดสินใจไปเลย เราต้องเคารพการตัดสินใจของตัวเอง และอย่ารู้สึกเสียดายกับสิ่งที่เลือก

“เพราะเมื่อไรที่เลือกแล้ว ณิชาจะรู้สึกว่านี่คือทางที่เราเลือก นี่คือตัวเรา เราจะเคารพการตัดสินใจของตัวเองและไม่กลับมาเสียดายกับอะไรที่อยู่อีกทางหนึ่งค่ะ”

รวมถึงทุกๆ การตัดสินใจในชีวิตด้วยไหมคะ

“ใช่ค่ะ ทุกเรื่องที่เวลาต้องตัดสินใจ ณิชาจะไม่เร่งตัวเอง แต่จะใช้เวลากับตรงนั้น คิดให้รอบด้านมากที่สุดเท่าที่ทำได้ หรือปรึกษาแม่ ปรึกษาเพื่อน พี่ๆ คนข้างๆ เพื่อที่เราจะได้เห็นหลายๆ มุมให้เยอะที่สุด แทบจะ 360 องศาเลย แล้วจึงตัดสินใจ

“ฉะนั้นเมื่อไรที่ตัดสินใจ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ อย่างเรื่องไปเที่ยวแล้วต้องทิ้งงาน ถ้าเราตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่มาเสียดายทีหลัง เพราะว่าเป็นสิ่งที่เราเลือก”

ตลอดการเดินทางนี้ชอบช่วงเวลาไหนที่สุดคะ

“อืม…คงเป็นช่วง 3 – 4 ปีหลังมานี้จนถึงปัจจุบันค่ะ เพราะว่ายังอยู่ในเมืองที่ชอบ รู้สึกว่าประมาณ 4 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ตัวเองวิ่งได้สตรองมากขึ้น อธิบายไม่ถูกค่ะ (ยิ้ม) แต่รู้สึกว่าแข็งแรงมากขึ้น แล้วก็รู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย รู้ว่าชีวิตเราต้องการอะไร ซึ่งทำให้แข็งแรงและมั่นคงมากๆ 

“อาจเพราะเราผ่านการตัดสินใจบางอย่างมาแล้ว จึงมุ่งไปในทางนี้อย่างเต็มที่ รู้สึกเอนจอยกับทุกอย่างในเมืองนี้ เอนจอยกับสิ่งที่เราได้รับ เอนจอยกับสิ่งที่เราได้ให้และกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ค่ะ”

ถือว่าเป็นช่วงที่ลงตัวที่สุดในชีวิตไหม ทั้งงาน ชีวิต ความรัก

“ใช่ค่ะ ทุกด้านค่อนข้างลงตัว แม้กระทั่งกับตัวเองด้วย ที่สำคัญมากๆ คือพอลงตัวกับตัวเองได้ เราถามและตอบตัวเองได้ รู้ว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไร ก็ทำให้หลายๆ เรื่องเข้าที่ เป็นระบบมากขึ้น เป็นช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองหนักแน่นมากๆ เลย” (ยิ้ม)

เป็นณิชาเวอร์ชั่นแข็งแกร่ง

“ใช่ค่ะ (หัวเราะ) เมื่อก่อนอาจจะอย่างนั้นดีไหม หรืออย่างโน้นดี ในชีวิตมีทางแยกมากมาย แต่ตอนนี้เหมือนทางแยกลดน้อยลง เพราะเราเห็นเส้นทางเดียวของเราชัดเจนขึ้นค่ะ”

แล้วเรื่องความชอบหรือไลฟ์สไตล์ส่วนตัวเปลี่ยนไปด้วยไหม

“ไม่เลยค่ะ อย่างหนึ่งที่เหมือนเดิมมาตลอดคือตัวตนของณิชาที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เข้าวงการ ยังชอบอยู่บ้าน ชอบธรรมชาติ ชอบอยู่กับอะไรง่ายๆ สบายๆ เหมือนเดิม จนถูกเรียกว่าสลอธ ซึ่งณิชายังคงเป็นสลอธตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เพียงแต่เป็นสลอธที่หนักแน่นในความเป็นสลอธมากขึ้นค่ะ” (หัวเราะ)

ที่ว่าชอบอยู่บ้าน ทำอะไรบ้างคะ

“หลักๆ ที่ทำคือนอนกับดูหนังค่ะ (หัวเราะ) อาจจะมีวาดรูปบ้างนานๆ ที หรือไม่ก็ดูเสื้อผ้าคอลเล็คชั่นใหม่ ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ”

ณิชาเคยเล่าว่าตัวเองมีความคลั่งรัก จึงอยากลองเล่นบทแบบนี้ จริงไหม

(ยิ้ม) “จริงๆ ที่อยากเล่นคือไม่เชิงบทคลั่งรักค่ะ แต่อยากเล่นบทที่เกี่ยวกับความรักของมนุษย์หลายๆ แบบ เพราะมีมุมมองว่าความรักของคนมีหลากหลาย ไม่ว่าจะแบบผู้ชายผู้หญิง ผู้หญิงผู้หญิง หรือรักแบบชายชาย หรือรักแบบน้อง รักแบบพี่

“จึงอยากให้มีการหยิบคำว่ารักมาขยายให้เป็นบทบาทการแสดง อย่างตัวณิชาเอง เวลารักใครจะอยากให้คนนั้นได้แต่สิ่งที่ดี และพร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แต่ความรักในโลกก็มีการแสดงออกอีกหลายแบบ จึงอยากนำมุมนี้มาขยายใหญ่ เพื่อถ่ายทอดว่าเวลาเรารักใครสักคนเป็นยังไง”

ที่บอกว่าเป็นหน่วยซัพพอร์ตนี่ขนาดไหนคะ

“ณิชาเป็นแบบนี้มาตลอด เวลารู้สึกดีกับใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง หรือเป็นอะไรก็ตาม ก็พร้อมที่จะอุ้มชูค่ะ (หัวเราะ) ใช้คำนี้ได้เลยนะ สมมติเราเชียร์คนนี้มาก ซึ่งเราอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขา แต่เราก็อยากจะสรรเสริญผลงานของเขา ยิ่งเวลาเรารักใคร จะชอบซัพพอร์ต ชอบเทคแคร์มากๆ ค่ะ”

ณิชา ณัฏฐณิชา

รวมถึงพี่โน่ (โตโน่ – ภาคิน) ด้วยใช่ไหม

“ความที่พี่โน่มีโปรเจ็กต์เยอะ ก็ยิ่งทำให้ณิชาเห็นตัวเองชัดขึ้นด้วยค่ะว่า จริงๆ ฉันชอบซัพพอร์ตมากเลยนะ (หัวเราะ) เมื่อก่อนเราอาจจะพูดไม่ได้เต็มปากขนาดนี้ว่าฉันชอบซัพพอร์ตคนที่ฉันรัก แต่ช่วงที่ผ่านมาทำให้เห็นเลยว่า No Matter What ฉันพร้อมมากๆ ที่จะอยู่ตรงนั้นเพื่อคุณ” (ยิ้ม)

แล้วคนที่จะอยู่กับณิชาได้ ต้องเป็นเหมือนกันด้วยไหมคะ

“ไม่ต้องค่ะ (ตอบทันที) ให้มันพอดีดีกว่าค่ะ (หัวเราะ) คือถ้าซัพพอร์ตกันทั้งคู่อาจจะดีก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเรียกร้อง แต่พี่โน่ก็เป็นคนซัพพอร์ตเหมือนกัน คือไม่ว่าเราจะคิด จะตัดสินใจ จะทำอะไร เขาพร้อมซัพพอร์ตเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีค่ะ (ยิ้ม)

“เรื่องนี้เป็นธรรมชาติของเราทั้งคู่ที่เป็นแบบนี้ แต่ถ้าถามว่าสเป็คต้องเป็นคนที่ซัพพอร์ตแบบโอเวอร์ไหม ไม่จำเป็นเลยค่ะ เราแค่ชอบซัพพอร์ต แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องทรีตเราแบบที่เราเป็น”

ครั้งไหนที่รู้สึกว่าทุ่มสุดตัว

“ไม่รู้ว่าทุ่มสุดตัวคือแบบไหน…แต่ก็น่าจะพี่โน่นี่แหละค่ะ ที่ทำให้ได้ซัพพอร์ตเต็มที่มากๆ เพราะอย่างที่ทุกคนเห็นว่าโปรเจ็กต์เขามีทั้งว่ายน้ำ เก็บขยะ อย่างตอนที่เขาตัดสินใจว่ายน้ำข้ามทะเล ยอมรับว่าณิชากังวลมากๆ ซึ่งครั้งนั้นเป็นความรู้สึกที่มากกว่าการซัพพอร์ตเขาทุกครั้ง

“เพราะเราต้องก้าวข้ามความกังวลของตัวเองเพื่อซัพพอร์ตเขา จริงๆ ใจแรกเราไม่อยากให้เขาทำด้วยซ้ำ รู้สึกว่าทำไมต้องเอาตัวเองไปแลกขนาดนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เราก็พร้อมจะซัพพอร์ต จึงไม่ได้ห้ามให้เขาทำ เพียงแต่เราต้องก้าวข้ามใจตัวเองให้ได้ก่อน ต้องก้าวข้ามความกังวล ความเป็นห่วงใดๆ ออกไป

“เพราะณิชาไม่ชอบขวางกั้นความตั้งใจของคนที่เราซัพพอร์ตอยู่ แม้จะเป็นสิ่งที่เราอาจจะค่อนข้างหนักใจ และเรารู้ว่าเขาทำเพื่อสังคม ทำสิ่งที่ดีให้ธรรมชาติ ให้โลกใบนี้ จึงต้องข้ามความรู้สึกตัวเองไป เพื่อส่งพลังบวกและแรงซัพพอร์ตให้เขา เพราะเขากำลังเจอสิ่งที่หนักกว่า ฉะนั้นการก้าวข้ามตัวเองครั้งนั้นน่าจะถือว่ายากที่สุดค่ะ”


อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 985

ภาพเพิ่มเติม : @nychaa, @mootono29

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up