อิน สาริน

ซูมชีวิตทุกมุมของ “อิน สาริน” การเดินทาง 4 ปี บนเส้นทางสายบันเทิง

Alternative Textaccount_circle
อิน สาริน
อิน สาริน

4 ปีในวงการบันเทิงของ “อิน-สาริน รณเกียรติ” นอกจากความน่ารักสดใสที่ตกหัวใจแฟนๆ ได้ตลอด เรายังได้เห็นพัฒนาการด้านการแสดงของเขาที่ก้าวไปข้างหน้าแบบไม่หยุดยั้ง

ซูมชีวิตทุกมุมของ “อิน สาริน” การเดินทาง 4 ปี บนเส้นทางสายบันเทิง

ครั้งแรกกับละครวาย เป็นอย่างไรคะ

“กดดันนิดหน่อยครับ แต่ค่อนข้างคาดหวังมากกว่า เพราะเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่ง ทางเลือกของละครไทย และผมอยากให้ผู้ชมหลักที่เป็นเมนสตรีมลองเปิดใจดู

“สำหรับผม ทุกครั้งที่ได้รับบทบาทใหม่ๆ ก็จะฝึกทักษะด้านต่างๆ เพิ่ม เพื่อให้มีความเข้าใจและเป็นตัวละครนั้นๆ ได้ดีที่สุด ซึ่งเรื่องที่ผ่านๆ มาส่วนใหญ่ จะพาตัวเองดิ่งเข้าไปสู่ตัวละครนั้นๆ อย่างบทดราม่า ร้องไห้ บทตัวร้าย

“แต่สำหรับบท ‘เต้าหู้’ เป็นการแสดงที่กลับกันเลย คือเหมือนเริ่มต้นใหม่ ทั้งหมด เพราะว่าเต้าหู้ไม่ใช่คน และเพิ่งเกิดขึ้นมา ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เข้าใจ ชีวิตมนุษย์ไปพร้อมๆ กับคนดู ซึ่งก็ถือว่ายากเหมือนกันครับ ในการแสดงอย่างไร ให้ ‘ไม่รู้’ แบบเนียนจริงๆ ไม่ใช่แอ๊บแบ๊ว (หัวเราะ) ผมจึงต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับตัวละครให้มากที่สุด

“ปกติเวลาที่เราแสดงเป็นใคร เราจะศึกษาความเป็นมา แบ็กกราวนด์ของ เขาว่าเกิดมาแบบไหน โตมาอย่างไรจึงทำให้กลายเป็นคนแบบตัวละครนั้นๆ แต่เรื่องนี้ทุกอย่างสตาร์ตที่หนึ่ง ตัวละครมีแบ็กกราวนด์อย่างเดียวคือเกิดขึ้นจาก ปาฏิหาริย์ที่เป็นความหวังดี ความยากจึงอยู่ที่ไม่มีข้อมูลให้เราสร้างตัวละคร เรา จึงต้องสร้างจากมุมมองของเราขึ้นมาเอง หรือในเรื่องที่ต้องคุยกับเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ คุยกับโต๊ะ เก้าอี้ ก็ต้องใช้จินตนาการเยอะเหมือนกันครับ

“แม้เรื่องนี้ไม่มีคำว่าง่าย แต่ก็สนุกมากๆ การได้คุยกับเฟอร์นิเจอร์ก็สนุก การได้เรียนรู้ตัวละครอื่นๆ ไปพร้อมกับคนดูก็สนุก แล้วอีกอย่างที่ผมชอบคือ การที่ได้เป็นคนเล่าเรื่องครับ

“เรื่องนี้มีเทคนิคเหมือนการเล่านิทาน มีเสียงบรรยายเพิ่มเข้ามา ซึ่งก็ แปลกใหม่สำหรับงานละคร และที่ผ่านมาผมยังไม่เคยต้องเล่าเรื่องเยอะขนาดนี้ จำได้ว่าเฉพาะขั้นตอนการอัดเสียงก็ใช้เวลาอัดเป็นสัปดาห์เลยครับ”

อิน สาริน

ร่วมงานกับจ๊อบเป็นอย่างไรบ้างคะ

“สนุกครับ (ยิ้ม) แม้เราจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่เพราะวัยใกล้กันจึง สนิทกันเร็ว ทำงานด้วยง่าย และอินคิดว่าเรามีความประนีประนอมเหมือนกัน แม้ตัวจริงคาแร็คเตอร์เราจะแตกต่างกัน แต่ก็เข้ากันได้ดีครับ

“จ๊อบมีคาแร็คเตอร์ในตัวเองสูง เหมือนจะง่าย แต่ก็ไม่ง่าย ส่วนอินก็ ไม่ง่ายอยู่แล้ว ค่อนข้างเอาแต่ใจนะ คือมีนิสัยแบบของผม เขาก็จะมีนิสัยของเขา ซึ่งเป็นตัวตนที่ชัดเจนทั้งคู่ แต่เรารู้ว่าเรื่องไหนควรยอมกัน ทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ ซึ่งจริงๆ แค่เขารับผมได้ ผมก็แฮ็ปปี้แล้วนะ (หัวเราะ) จึงทำให้เราสนิทกัน และ รู้สึกว่ารักเพื่อนคนนี้ครับ” (ยิ้ม)

คำว่าเอาแต่ใจคือขนาดไหนคะ

“ถ้าคิดจะทำอะไร อินจะทำเดี๋ยวนั้น ตอนนั้นเลย เช่น จู่ๆ ถ้าไม่อยากกิน ก็จะเทคิวเลย ไม่กินแล้ว (หัวเราะ) หรืออยากทำต้องได้ทำ แต่ไม่เป็นกับการ ทำงานนะครับ เราแยกพาร์ตชัดเจน จะเป็นเฉพาะกับเพื่อนและคนสนิทเท่านั้น

“กับมีนิสัยอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่เอาแต่ใจ แต่ชอบจัดเต็ม อย่างเวลากินข้าว ถ้าอาหารบนโต๊ะมีน้อย อินจะเริ่มรู้สึกแล้ว อาจเพราะชินกับที่บ้านที่มีกฎว่า ห้าม ตั้งอาหารจานเดียวเด็ดขาด โดยเฉพาะมื้อเย็น ซึ่งเป็นมื้อที่ทุกคนจะได้กินข้าว ด้วยกันอย่างมีความสุข เพราะฉะนั้นอาหารต้องจัดเต็ม

“พูดง่ายๆ คือทุกคนต้องกินอิ่ม ยิ่งถ้าบางครั้งมีทั้งคนสนิทและไม่สนิท อาจมีคนที่เกรงใจ ไม่กล้าตัก อย่างอินเองไม่ชอบกินข้าวบ้านคนอื่นเลย เพราะ ขี้เกรงใจ จึงเข้าใจว่ามีคนแบบนี้เหมือนกัน ฉะนั้นถ้าอินสั่งอาหารจะขอสั่งเผื่อ ไว้ก่อน เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่ากินเท่าไรก็ไม่หมด ทุกคนก็จะแฮ็ปปี้กับมื้อนั้น”

อิน สาริน

ในการทำงานที่ผ่านมา อะไรที่ภูมิใจที่สุดคะ

“อินคิดว่าคงจะเป็นการแสดง เพราะเป็นสิ่งที่ไกลจากตัวจริงของอินมากที่สุด จึงรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่เราทำได้และพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ

“ที่บอกว่าไกลตัว เพราะอย่างเรื่องธุรกิจ อินรู้สึกว่าตัวเองถนัดอยู่แล้ว การค้าขาย การตลาดต่างๆ แต่พอเป็นเรื่องศิลปะการแสดง ซึ่งเราไม่ได้เรียน สายนักแสดงมาเลย พอได้รับโอกาส ได้ลองทำ ก็รู้สึกว่าเราทำได้นะ จึงพยายาม ฝึกฝน พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ” (ยิ้ม)

มองภาพตัวเองในเส้นทางนี้ไว้อย่างไร

“ยอมรับว่าเข้ามาทำงานตรงนี้ก็อยากดังนะ อยากไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะเราทุ่มเทมาตั้ง 4 ปีแล้ว ก็อยากจะทำให้เต็มที่ที่สุด อยากรู้ว่าตัวเอง จะไปได้ถึงจุดไหน ซึ่งในอนาคตอินก็อยากจะเป็นนักแสดงไปเรื่อยๆ ควบคู่กับ การทำธุรกิจของตัวเองไปด้วย ซึ่งเป็นสองพาร์ตหลักของชีวิต คือนักแสดงและ นักธุรกิจ”

แล้วพาร์ตของการเป็นนักธุรกิจ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

(ยิ้ม) “ตอนนี้มีร้านขนม Holiday Pastry ครับ ที่ก่อนหน้านี้เปิดขายทาง ออนไลน์ ส่งเดลิเวอรี่ และมีหน้าร้านที่ซอยเจริญนคร 10 ตอนนี้กำลังขยายเป็น ร้านใหญ่ มีที่นั่งทาน มีทั้งอาหารคาวและขนมหวาน ซึ่งน่าจะได้เห็นกันเร็วๆ นี้ครับ

“แล้วก็มีร้านเฮหมูกระทะที่ตั้งอยู่ในซอยเดียวกัน ซึ่งผมกำลังขยายเป็น โครงการ Community Mall ชื่อ Ours ที่จะมีร้านอาหารหลายๆ ร้านอยู่ในนั้น แล้วก็มีทำแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ HYE.everyday และเครื่องประดับ HYE.bkk

“อินชอบทำงาน เพราะรู้สึกดีน่ะ เวลาที่คนอื่นเห็นคุณค่าเราจากการทำงาน มากกว่าหน้าตา ซึ่งอินโชคดีที่ได้หุ้นส่วนดีด้วย (ยิ้ม) อย่างโครงการที่กำลังทำ ก็ได้คุณพ่อเป็นพาร์ตเนอร์ ช่วยริเริ่มให้ แล้วอินมาสานต่อ หรือร้านหมูกระทะ ก็ได้พี่สาวกับแฟนพี่เริ่มให้เหมือนกัน จากนั้นอินก็วางโปรเจ็กต์ บริหารต่อ ส่วน ร้านขนมที่เป็นความชอบและอินอยากทำ ก็โชคดีอีกที่หุ้นส่วน 2 คนช่วยเริ่มให้ ซึ่งการที่ได้พาร์ตเนอร์ดี ทำให้อินไปต่อเร็วครับ”

อิน สาริน

อินเป็นผู้บริหารสไตล์ไหนคะ

“ใจดีนะ…หรือเปล่า (หันไปถามผู้จัดการ) อินคิดว่าตัวเองใจดี ไม่ดุ ไม่ว่า แต่จะพยายามสอน คืออินมีคติในการคุยกับทีมงานว่าไม่รู้…ไม่ได้แปลว่าผิด ถ้าเขาไม่รู้ก็จะสอน พยายามบริหารคนด้วยความรักกับเงิน (ยิ้ม)

“เพราะก็ต้องยอมรับว่าตอนที่เราเป็นลูกจ้าง ชีวิตก็ต้องขับเคลื่อนด้วย เงินและสังคม จึงอยากให้ทุกคนทำงานด้วยความสบายใจ มีอะไรก็จะไม่ดุ ไม่ด่า แต่จะใช้ความรักในการอธิบายหรือสอนเขาครับ”

ในการทำงานเป๊ะขนาดไหนคะ

“ถ้าเรื่องคนอื่นค่อนข้างอะลุ่มอล่วยนะ ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองจะเป๊ะมาก ครับ แบบ 200 เปอร์เซ็นต์เลย (หัวเราะ) อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ค่อนข้าง เตรียมพร้อมสำหรับทุกๆ อย่าง อย่างในชีวิตประจำวันอินจะพกของเยอะมาก สามสี่กระเป๋า คือไม่ว่าจะไปไหนต้องพร้อมไว้ก่อนเสมอ

“อย่างก่อนนอนอินจะคิดไว้คร่าวๆ ว่าพรุ่งนี้จะใส่อะไร ต้องเตรียมอะไร บ้าง แล้วหยิบเสื้อผ้าเผื่อไว้ มีชุดที่ 1 ชุดที่ 2 เตรียมน้ำหอม 1 น้ำหอม 2 นาฬิกา 1 นาฬิกา 2 รองเท้า 1 รองเท้า 2 (หัวเราะ) แล้วค่อยเคาะอีกทีตอนใส่ เพราะด้วยอาชีพเราเป็นนักแสดง ต้องใช้รูปร่างหน้าตาภายนอก การแต่งตัวจึง เป็นสิ่งจำเป็นและต้องใส่ใจมากๆ”

ลุคประจำของอินเป็นแบบไหน

“ถ้าวันปกติอินค่อนข้างแต่งตัวสบายๆ นะครับ หรือถ้าเข้าออฟฟิศก็ ไม่ได้แต่งตัวทางการ เพราะเป็นออฟฟิศเล็กๆ อยู่กันเป็นทีมประมาณ 20 คน ที่เป็นซิกเนเจอร์เลยคือเสื้อยืด กางเกงวอร์ม ในตู้เสื้อผ้าจึงมีเสื้อยืดเยอะ กางเกงก็เยอะนะ (หัวเราะ) อินชอบกางเกงที่มีดีไซน์ชิคๆ มีดีเทลหน่อย (หยุดนึก) แต่จริงๆ กางเกงยีนก็เยอะมากเหมือนกันครับ”

อิน สาริน

ทำงานหลายอย่าง แบ่งเวลาทำงานกับชีวิตส่วนตัวอย่างไรคะ

“อินไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวครับ คือใช้เวลาส่วนตัวมาทำงาน ไม่รู้ว่าแบ่ง อย่างไรเหมือนกัน อย่างวันนี้มาถ่ายแฟชั่นกับ แพรว อยู่กองทั้งวัน ก็จะเคลียร์ ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตี 2 แล้วก็ส่งข้อความบรีฟงานไว้ว่าใครต้องทำ อะไรบ้าง พอช่วงขึ้นรถก็ไล่เช็ก โทร.ตามว่างานเป็นอย่างไร มีอะไรอัพเดตบ้าง แล้วเดี๋ยวพอถ่ายแฟชั่นเสร็จ ขึ้นรถปุ๊บ ก็โทร.ตามอีกทีว่าอะไรไปถึงไหน แต่ละวันจึงต้องวางแผนตารางล่วงหน้า เพราะว่าเวลาน้อย แล้วอินทำหลายอย่าง”

มีกิจกรรมช่วงเวลาว่างบ้างไหม

“ถ้ามีเวลาอินจะไปเที่ยวต่างจังหวัด ไม่ก็ต่างประเทศเลย อินชอบทะเลมาก เป็นช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนจริงๆ แต่ถ้ามีเวลาว่างนิดหน่อยในแต่ละวัน อินไม่ไป คาเฟ่ ไม่เดินเล่นในห้าง คือถ้าไปก็เพื่อไปดูงาน ไปอัพเดตขนมว่ามีอะไรใหม่ หรือตั้งใจไปซื้อของที่จำเป็น ส่วนมากอินจะอยู่บ้านกับครอบครัวและเล่นกับลูก (น้องหมา)

“ซึ่งพออินสนิทกับจ๊อบ เขาชอบเที่ยวสังสรรค์ ทำให้ผมรู้สึกว่าหรือตัวเอง น่าเบื่อหรือเปล่า…คือก่อนหน้านี้ก็พอรู้ว่าตัวเองน่าเบื่อนะ แต่คิดว่าก็คงไม่ขนาดนั้น หรอกมั้ง แต่พอเจอคนแบบจ๊อบ รู้สึกว่าเขาใช้ชีวิตคุ้มมาก กลับบ้าน 8 โมงเช้า (หัวเราะ)

“ต้องเล่าก่อนว่าตอนวัยรุ่นอินก็เคยใช้ชีวิตแบบไปเที่ยวเต็มที่ นอน บ้านเพื่อนอะไรแบบนั้น แต่อาจจะเพราะอินสนิทกับพี่สาวและพาร์ตเนอร์ที่ ทำงานด้วยกันก็โตกว่า อย่างตอนนี้เพื่อนๆ พี่ก็อายุเลข 3 กันหมดแล้ว ส่วนอิน 26 แต่ก็ใช้ชีวิตเหมือน 30 แล้ว คือเป็นวัยทำงาน 100 เปอร์เซ็นต์ พอคิดดูจึง อยากจะกลับไปเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนบ้างแล้ว จ๊อบพาไปเที่ยวหน่อย พูดจริงๆ” (หันไปบอกจ๊อบ)

ชอบเที่ยวสไตล์ไหนคะ

(ตอบทันที) “ลักชู่ (ลักชัวรี่ Luxury) บอกเลยว่าไม่ลุยครับ ขอเที่ยว แบบสบายๆ เราต้องการพักจริงๆ เพราะชีวิตจริงก็เหนื่อยมากแล้ว” (หัวเราะ)

อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยคือ อินดูแลตัวเองอย่างไร ให้หน้าใสขนาดนี้

“ที่จริงก็ดูแลทั่วไปเลยนะ กินคอลลาเจนเช้า – เย็น อาจจะโบกครีมเยอะ หน่อย เพราะเราพักผ่อนน้อย (หัวเราะ) ประมาณนี้ครับ ส่วนการเข้าคลินิก เข้าคอร์สต่างๆ ไม่ค่อยได้ทำ เพราะไม่ค่อยมีเวลา จึงเน้นทาครีมบำรุงเป็นหลัก

“ส่วนเรื่องกิน ถ้าเป็นมื้อกลางวันกินได้เต็มที่ ขนมจัดเต็มได้หมด แต่ พอมื้อเย็นจะกินค่อนข้างสะอาดหรือกินคลีน เป็นมื้อที่กินดีที่สุด กินอะไรที่ มีประโยชน์ โดยในหนึ่งสัปดาห์จะมีมื้อเย็น 3 วันที่เลือกกินแต่ผัก ดูตามความ เหมาะสม อย่างถ้าเมื่อวานกินหนักมาแล้ว วันนี้ก็ขอกินผักเบาๆ แวะซูเปอร์ มาร์เก็ต ตักสลัดบาร์ ก็จะรู้สึกดีขึ้นนะ (หัวเราะ)

“คือดูให้สมดุล บางวันกินเต็มที่ที่อยากกิน พออีกวันก็เบาหน่อย สลับๆ กันไป ร่างกายจะได้สมดุล สุขภาพดีครับ โดยเฉพาะช่วงหลังที่แทบไม่ได้ออกกำลังกายเลย”

อิน สาริน

แล้วความรักตอนนี้มีคนดูแลไหมคะ

“อืม…ก็อยากมีนะ ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ยังคิดไม่ออก ไม่รู้จะมีอย่างไร (หัวเราะ) ยิ่งถ้าถามมุมมองความรักของผมตอนนี้ คือไม่สามารถอธิบายได้เลย ส่วนสเป็ค ตอนนี้ก็ไม่มีเหมือนกัน แต่อยากมีความรักนะ ตลกไหม (หัวเราะ)

“อินไม่เหงานะ เพราะถ้าพูดถึงความรัก ณ ปัจจุบันคงเป็นครอบครัว แล้วก็คนรอบข้างที่เติมเต็มให้เราได้ค่อนข้างครบแล้วนะ อย่างบ้านอินเป็น ครอบครัวใหญ่ มีทั้งลูก ทั้งหลาน ทั้งน้องหมา หรือในวันที่เหนื่อยมากๆ แค่อินเปิดประตูเข้าบ้านไปเจอเขาวิ่งเล่นกันในบ้านก็ไม่เหงาแล้วครับ”

ถ้าอย่างนั้นวันนี้ความสุขของอินคืออะไรคะ

“เป็นคำถามที่ยากมากเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะตอบได้ทันทีเลยนะ แต่พอตอนนี้ตอบยากครับ อาจเพราะทำงานเยอะขึ้น เหนื่อยด้วย ความสุขในวันนี้ จึงอาจจะเป็นการที่ได้อยู่เฉยๆ มั้งครับ ได้พักผ่อน แล้วก็ได้ใช้เวลากับคนที่เรารัก มากขึ้น

“อินคิดว่าความสุขในวันนี้คือการที่อินได้ใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้น ไม่ใช่ แค่ครอบครัวนะ แต่หมายถึงทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พนักงานในบริษัท คนขับรถ คือพอเราได้เทคแคร์เขาแบบสุดกำลังที่เราสามารถทำได้ และยิ่ง พอได้รับสิ่งดีๆ จากเขากลับมาด้วย มันเป็นพลังดีๆ ที่ให้กันและกัน และทำให้ คนที่อยู่กับเราก็มีความสุขและไม่หายไปไหน

“จริงๆ อินรู้ตัวเองว่าเมื่อก่อนเราไม่ค่อยใส่ใจคนอื่น แล้วก็เอาแต่ใจเยอะ ด้วย จึงพยายามจะทำสิ่งนี้เพิ่มขึ้น อย่างเวลาพูดกับใครก็จะใจเย็นๆ ถ้าโมโหก็จะยังไม่คุย กลับไปพักกับตัวเองก่อน หรือถ้าโมโหก็จะพยายามเทิร์น ความโมโหเป็นความรัก อาจจะรักมาก รักน้อย ก็พยายามจะเทิร์นกลับไปครับ

“ซึ่งส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากทำงานบริหารด้วยครับ เมื่อก่อนยอมรับว่าอินจะพูดรัวๆ เลย แต่มันไม่เวิร์ค จึงปรับให้อะลุ่มอล่วยมากขึ้น เพราะอินเชื่อว่า ทุกคนเก่งในด้านของตัวเอง มีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ปีนี้จึงถือว่าอินประสบความสำเร็จในการดูแลคนรอบข้างมากขึ้น”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 982

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สตอรี่ชีวิตก่อนสวมชุดกาวน์ “ฟรัง นรีกุล” จากเด็กซนที่ตั้งใจเรียน สู่ว่าที่คุณหมอสาวสวย

ครอบครัว ความรัก แผลในใจของ เฟิร์น นพจิรา ทุกบทเรียนเวลาซื้อไม่ได้

คุยทุกมุมในชีวิตของ “เจษ – เจษฎ์พิพัฒ” ช่วงชีวิตที่กำลังจะเข้าเลข 3 (0) และชีวิตรักในปีที่ 3

Praew Recommend

keyboard_arrow_up