ณัฐณิชา ประมูลชัย

เปิดเรื่องจริง! ยิ่งกว่านิยาย “ณัฐณิชา ประมูลชัย” โดนแฟนทำร้ายจนสูญเสียดวงตา

Alternative Textaccount_circle
ณัฐณิชา ประมูลชัย
ณัฐณิชา ประมูลชัย

จุดเริ่มต้นของประสบการณ์ “ครั้งหนึ่ง” ของเธอคนนี้เกิดจาก “ความรัก” ที่เคยทำให้โลกของเธอเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่แล้ววันหนึ่ง “ความรัก” กลับกลายเป็น “อาวุธ” ที่ทำร้ายทั้งกายและจิตใจจนไม่ทันตั้งตัว ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงยิ่งกว่านิยายของ “คุณนัท – ณัฐณิชา ประมูลชัย” ผู้หญิงที่โดนแฟนทำร้ายจนถึงขั้นต้องสูญเสียดวงตา

เปิดเรื่องจริง! ยิ่งกว่านิยาย “ณัฐณิชา ประมูลชัย” โดนแฟนทำร้ายจนสูญเสียดวงตา

จาก “รัก” เป็น “ฝันร้าย”

จากที่เป็นข่าวโด่งดังในโลกโซเชียลเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เธอคือผู้หญิงที่โดนแฟนทำร้ายจนถึงขั้นต้องสูญเสียดวงตา “นัท” เล่าถึงอดีตที่ไม่อยากจดจำว่า

“นัทกับคู่กรณี (สรรพนามทางกฎหมายที่เธอเรียกเขาคนนั้น) คบกัน เป็นแฟนตั้งแต่อายุ 16 ปี นัทออกจากบ้านเพื่อมาใช้ชีวิตอยู่กับเขา ตอนนั้น ต่างคนต่างตัดสินใจหยุดเรียน แล้วออกมาทำงานเพื่อหารายได้ นัททำงาน ขายในร้านซาลาเปา ส่วนเขาทำงานที่ร้านทำกระจก คบกันได้ประมาณ 1 ปี ความรักก็ปกติดีทุกอย่าง จนเมื่อคุณแม่เขาชวนให้ไปทำงานที่ภูเก็ต จึง ตัดสินใจย้ายจากกรุงเทพฯไปอยู่ที่นั่น จากนั้นเขาเริ่มเปลี่ยนไป อารมณ์ร้อน และขี้หงุดหงิด จนถึงขั้นมีปากเสียง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เราทำอะไร ไม่ถูกใจเขา มีการทำลายข้าวของบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือ

“วันที่เกิดเหตุมีเรื่องขัดใจกัน นัทจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร แต่เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หลังจากทะเลาะกันสักพัก เพื่อตัดปัญหา นัทจึงหนีขึ้นไปที่ห้องนอน ไม่นานเขาก็เปิดประตูเข้ามา นัทนึกว่าเขาจะมาง้อเพื่อขอคืนดี แต่เขาเดินตรงเข้ามา ไม่พูดอะไร แล้วชกเข้าที่หน้า จากนั้นก็เตะต่อย ไม่หยุด เวลานั้นนัทไม่ทันตั้งตัว ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยกแขนขึ้นป้องกัน ตัวเองแล้วร้องว่าช่วยด้วยๆๆ ภาพสุดท้ายคือเขาต่อยเข้าที่เบ้าตา เห็น เลือดไหลออกมาเต็มพื้นไปหมด เวลานั้นไม่รู้ว่าเลือดไหลออกมาจาก ตรงไหน แล้วเริ่มรู้สึกมึนๆ ได้ยินเสียงแม่ของเขาเข้ามาห้าม บอกว่า ให้รีบพาไปโรงพยาบาล ไม่กี่วินาทีก่อนจะหมดสติ นัทได้ยินเสียงเขาพูดว่า ไม่ต้องไปช่วยมัน

“แม่เขาพานัทมาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ถือเป็นเคสฉุกเฉินที่สุด ในคืนนั้น เพราะนัทเสียเลือดมาก คุณหมอและพยาบาลต้องช่วยกัน ห้ามเลือดเป็นอันดับแรก มารู้ทีหลังว่าเป็นเลือดที่ออกมาจากตาข้างซ้าย”

ตื่น…รับความจริง

“นัทสลบไปสองวันเต็มๆ ก่อนจะฟื้นขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดทั้งกายและใจ เมื่อฟังข่าวร้ายจากคุณหมอว่าลูกตาข้างซ้ายแตก กระดูก เบ้าตาซ้ายร้าว ต้องผ่าตัดคว้านตาออกทันที ทำให้ไม่มีโอกาสกลับมามองเห็น อีกแล้ว เพราะไม่สามารถใช้ลูกตาของคนอื่นมาใส่ที่ตาเราได้เลย ไม่เหมือน กับคนที่ตาบอดเพราะแสงหรือเป็นต้อกระจก ที่จะสามารถเปลี่ยนกระจกตา แล้วกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง สำหรับอาการบาดเจ็บส่วนอื่นๆ มีไหปลาร้าร้าวและฟกช้ำดำเขียวตามร่างกาย

“เวลานั้นหัวตื้อ ไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง รู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิต แต่กลับไม่มีน้ำตาออกมาเลย อาจเพราะเห็นแม่ตั้งแต่มาเยี่ยมนัทก็ร้องไห้ ตลอด นัทจึงต้องทำตัวให้เข้มแข็งไว้ เวลานั้นพยายามบอกตัวเองว่าต้อง ยอมรับความจริงให้ได้ แล้วคิดทบทวนว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปดี แต่ ที่ทนแทบไม่ได้คืออาการปวดตรงตาที่ผ่าตัด เวลานั้นยาแก้ปวดธรรมดา เอาไม่อยู่ ต้องกินยาแก้ปวดประจำเดือนครั้งละ 2 เม็ด แต่หายปวดแค่ แป๊บเดียวก็กลับมาปวดอีก เรียกว่ากินทุก 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว จนคุณหมอ เตือนว่าให้กินยาเฉพาะเวลาปวดมากๆ เท่านั้น ถ้าขืนกินยามากอย่างนี้ไปนานๆ จะทำให้ตับและไตมีปัญหาในอนาคต”

ณัฐณิชา ประมูลชัย

พึ่งกระบวนการยุติธรรม

“ในเรื่องของคดีความ ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตมี ‘ศูนย์พึ่งได้’ เพื่อดูแลและช่วยเหลือเด็กและผู้หญิงที่ถูกกระทำความรุนแรงทั้งทางร่างกาย และจิตใจ มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์ชื่อพี่น้ำมาดูแลนัท ตั้งแต่ติดต่อกับแม่ของ คู่กรณีเพื่อขอภาพของเขา แล้วแจ้งทาง รปภ.กับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคน ว่าห้ามไม่ให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาในโรงพยาบาลเด็ดขาด และพี่น้ำยังช่วย ติดต่อแม่ของนัท รวมถึงช่วยทุกอย่างในเรื่องของการแจ้งความ การขึ้นศาล และยังไปขึ้นศาลเป็นเพื่อนแม่อีกด้วย

“ทางแม่ของคู่กรณีติดต่อกับแม่ของนัทเพื่อจะขอโทษ และขอร้องว่า อย่าเอาเรื่องลูกชาย เพราะถ้าถูกศาลตัดสินจำคุกภายในสถานพินิจจะทำให้ เสียประวัติ เนื่องจากเขายังอายุไม่ครบ 20 ปี ถือว่ายังไม่บรรลุนิติภาวะ ส่วน คู่กรณีมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล แต่ไม่สามารถเข้ามาได้ จึงพยายามทักเฟซบุ๊กเข้ามา ขอโทษ แม่ของนัทบอกเขาไปเพียงว่าให้แล้วแต่ศาลจะพิจารณา ซึ่งแม่กลับมา เล่าให้ฟังทีหลังว่าตอนที่ไปให้การต่อศาล คู่กรณีเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือน เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีท่าทีรู้สึกสำนึกผิดเลย

“สุดท้ายศาลตัดสินให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 270,000 บาท ไม่ทราบ ว่าคำนวณจากอะไร แม่บอกเพียงว่าศาลตัดสินให้เท่านี้ แต่คู่กรณีร้องขอต่อศาล ว่าขอผ่อนจ่ายเดือนละ 5,000 บาท โดยจะนำเงินไปฝากไว้ที่ศาล ซึ่งแม่จะต้อง เดินทางจากกรุงเทพฯเพื่อไปรับเงินด้วยตัวเองที่ศาลจังหวัดภูเก็ต ไม่สามารถโอนเงิน เข้าบัญชีให้ได้ เนื่องจากต้องเซ็นชื่อในเอกสารรับเงินเพื่อเป็นหลักฐาน ช่วงแรก ยังได้รับเงินสม่ำเสมอ ไม่นานก็เริ่มเหลือเดือนละ 1 – 2 พันบาท โดยอ้างว่าคู่กรณี ไม่มีงานทำ ไม่สบาย มีเงินไม่พอส่งเดือนละ 5,000 บาท จนสุดท้ายก็ขาดส่ง ทำให้นัทกับแม่รู้สึกท้อใจมากๆ เพราะไหนจะเสียค่าเดินทางและเสียเวลา จนทุกวันนี้ผ่านมา 4 – 5 ปีแล้ว เขายังส่งเงินขาดอีก 87,000 บาท”

พักใจ…รักษาตา

“หลังจากแผลผ่าตัดหายดีแล้ว นัทถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาล ภูมิพลฯ เพื่อเข้ารับการผ่าตัดดามกระดูกเบ้าตาที่ร้าว ซึ่งคุณหมออธิบายให้ฟังว่า การที่กระดูกเบ้าตาร้าวเท่ากับมีความเปราะมาก ถ้าเกิดกระทบกระเทือนอาจ แตกหักได้ เป็นการผ่าตัดเพื่อใส่พลาสติกเข้าไปกู้ทรงของเบ้าตา จากนั้นรอให้ กระดูกสมานกันเอง

“เมื่อคุณหมอที่รักษานัททราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็แนะนำให้เข้าร่วม โครงการทำตาปลอมฟรีที่โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) นัทจึงย้ายมา รักษาต่อที่นี่ เมื่อแผลจากการดามเบ้าตาหายสนิทแล้ว ส่งผลให้ตาข้างซ้ายของนัท ปิดจนลืมไม่ค่อยขึ้น คุณหมอจึงให้ทำกายภาพบำบัดเบ้าตาด้วยการฝึกกะพริบตา และลืมตากว้างๆ ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยไว้ ตาจะตก อาจต้องทำการรักษาเพิ่ม กว่าจะได้ใส่ตาปลอม

“จากนั้นคุณหมอที่โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ได้นัดให้มาตรวจประเมิน ระดับของเนื้อเยื่อในเบ้าตาว่ามีเพียงพอที่จะรองรับตาปลอมที่ใส่แล้วหรือยัง และ ได้ระดับเดียวกับตาอีกข้างหรือไม่ ทำให้พบว่าระดับเนื้อเยื่อเบ้าตาของนัทไม่เรียบ จะทำให้มีปัญหาเวลาใส่ตาปลอมแล้วอาจจะหลุดได้ จึงต้องทำการผ่าตัดเป็นครั้งที่ 3 โดยผ่าตัดแบบฉีดยาชา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ครั้งนี้ปวดมาก แต่ทนได้ รับประทานยาแก้ปวดไม่กี่วันก็ดีขึ้น แล้วรอให้เนื้อเยื่อในเบ้าตาสมานประมาณ 2 เดือน

“ระหว่างรอ คุณหมอนัดประเมินร่องลูกตา ดูความลึกของทั้งใต้เปลือกตา บนและล่าง เพื่อที่เวลาใส่ตาปลอมแล้วจะได้ไม่มีปัญหาตาปลอมหลุด และวัด ขนาดเบ้าตาข้างขวาของนัทอย่างละเอียด พอตัดไหมตาด้านซ้ายแล้ว จึงนัดมาทำ อีกข้าง เพื่อนำไปทำตาปลอมเฉพาะบุคคลต่อไป

“ก่อนที่จะได้รับตาปลอมเฉพาะบุคคล นัทต้องปิดตาด้วย Eye Shield ตลอด เวลาออกไปข้างนอกก็มักจะมีคนที่รู้จักและไม่รู้จักเข้ามาถามว่าเป็นอะไร แรกๆ ก็ตอบได้ปกติ ไม่รู้สึกอะไร แต่พอถามกันมากขึ้น ทำให้คิดว่าเราเป็น ตัวประหลาดหรือเปล่า จนเหมือนเป็นโรคซึมเศร้า เริ่มเก็บตัว ไม่กล้าเจอหรือ พูดคุยกับใคร ถือว่าเป็นช่วงเวลายากลำบากมากกว่านัทจะมาถึงจุดนี้ได้

“ช่วงที่ทุกข์ใจมากๆ นัทตัดสินใจไปบวชชีมา 3 เดือน เพราะยายกับแม่ รู้จักกับแม่ชีที่วัดป่าแห่งหนึ่งที่จังหวัดพิษณุโลก เขาจึงแนะนำให้นัทไปบวช เพื่อ จะได้สวดมนต์และปฏิบัติธรรม เผื่อความทุกข์จะคลายลงบ้าง ซึ่งทำให้นัทได้รู้ และเข้าใจชีวิตมากขึ้นว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีปัญหาทุกที่ ทุกข์หรือสุขอยู่ที่ใจเรา มากกว่า เพียงแค่เรายอมรับความจริงว่าโลกเป็นแบบนี้ เราก็จะมองโลกใน แง่บวกได้”

เมื่อฟ้าเริ่มสดใส

“ระหว่างรอตาปลอมเฉพาะบุคคล คุณหมอให้ตาปลอมแบบสำเร็จรูปมา ลองใส่ก่อน เพื่อให้เปลือกตาเปิดและจะได้ชิน แรกๆ ที่ใส่เจ็บมาก ตาบวม และอักเสบ คุณหมอให้หยอดตาแก้อักเสบแล้วถอดตาปลอมพักสักสองสามวัน พอตาเริ่มหายแดงค่อยใส่ใหม่ เป็นอย่างนี้กว่า 10 รอบ จนเริ่มท้อ คุณหมอ ให้กำลังใจว่าต้องอดทน เพราะเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ต้องอยู่กับเรา เราต้องทำให้ ร่างกายชิน เรียกว่าเจ็บจนชิน (หัวเราะ)

“แต่หลังจากได้ตาปลอมเฉพาะบุคคลมาแล้วก็ไม่มีปัญหาเลย อาจมี ระคายเคือง ตาแห้ง และมีขี้ตาเยอะกว่าปกติ ก็แค่หยอดน้ำตาเทียม และ ทุกวันจะต้องทำความสะอาดด้วยการถอดตาออกมาล้างสบู่ แต่ที่ต้องระวังเป็น พิเศษคือตาปลอมทำมาจากอะคริลิก ทำตกหล่นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะต้อง เสียเงินทำใหม่เอง

“สิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างที่คุณหมอเป็นห่วงคือผลกระทบต่อตาข้างขวา ในเรื่องของการรับแสง แรกๆ นัทจะมีอาการปวดตาข้างขวามาก เพราะไม่ชินกับแสง จึงพยายามไม่ใช้สายตามาก โดยเลิกเล่นโทรศัพท์มือถือหรืองด อ่านหนังสือเป็นเวลา 6 เดือน แล้วเมื่อออกไปข้างนอกจะต้องใส่แว่นกันแดด ตลอด ชีวิตช่วงนั้นทรมานมากๆ แต่ต้องอดทน เพราะไม่อย่างนั้นสายตาข้างขวาจะสั้นลง และถ้าร้ายแรงที่สุดคืออาจจะตาบอดได้”

ณัฐณิชา ประมูลชัย

แบ่งปันกำลังใจ

“นัทเห็นคลิปหนึ่งใน TikTok เป็นเรื่องราวของเยาวชนต่างชาติที่ป่วยเป็น โรคออทิสติกแล้วเผาบ้านตัวเอง ศาลตัดสินให้เด็กคนนั้นถูกจำคุกตลอดชีวิต ทำให้นัทนึกถึงเรื่องของตัวเอง จึงเข้าไปคอมเมนต์ว่าตอนนัทเป็นเยาวชนแล้ว เกิดเรื่องที่ผ่านมา นอกจากคู่กรณีไม่ต้องจำคุกที่สถานพินิจ เขายังชดใช้เงิน ไม่ครบอีกต่างหาก ทำให้มีหลายคนมาถามว่าโม้หรือเปล่า จริงหรือ นัท จึงทำคลิปขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดใน TikTok ปรากฏว่าหลังจากโพสต์ไป แค่ 6 – 7 ชั่วโมง ยอดวิวขึ้นมา 1 ล้านวิว และตอนนี้เกือบ 3 ล้านวิวแล้ว

“นอกจากมีคนเข้ามาให้กำลังใจมากมายแล้ว ยังมีคนมาแชร์ประสบการณ์ ด้วยว่าเขาก็ใส่ตาปลอมเหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากประสบอุบัติเหตุหรือ เป็นมาตั้งแต่เกิด บ้างก็เข้ามาถามว่าจะเข้าร่วมโครงการนี้ได้อย่างไร ค่าใช้จ่าย การทำตาปลอมประมาณเท่าไร จึงทำให้ทราบว่ามีหลายคนที่สูญเสียดวงตาแล้ว ไม่ได้รับโอกาสเหมือนนัท บางคนไม่มีเงินที่จะทำตาปลอม

“การโพสต์คลิปนี้ของนัทเพราะต้องการให้กำลังใจคนที่ประสบชะตาชีวิต เหมือนกัน และอยากจะบอกว่านัทเจอมาหนักอย่างนี้ แต่นัทยังสามารถใช้ชีวิต ได้อย่างคนปกติ ไม่จำเป็นต้องอายในสิ่งที่เราเป็น

“ตั้งแต่เกิดเรื่อง นัทปิดกั้นตัวเองจากความรัก มีคนคุยบ้าง แต่ไม่ยอม เปิดใจ จนวันหนึ่งได้พบกับคนที่รักเราจริงๆ เขาเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกับ เพื่อนสนิทของนัท ซึ่งตอนที่เจอกันนัทอ้วนมาก น้ำหนักกว่า 90 กิโลกรัม และ เขารู้ว่านัทใส่ตาปลอม เขาก็ยังเลือกที่จะคบ จนวันนี้กว่า 10 เดือนแล้ว เขา เป็นคนสม่ำเสมอ ใจเย็น และมีทัศนคติบวกเหมือนกัน ทำให้ตั้งแต่คบกันมา ไม่เคยทะเลาะกันเลย จึงอยากจะฝากถึงคนที่กำลังประสบปัญหาชีวิตแบบนัทว่า ยอมรับความจริง ให้ได้และสู้ต่อไป แค่ผ่านจุดนั้นไปได้ ชีวิตคุณไปได้อีกไกลแน่นอนค่ะ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 982

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ชีวิตท็อปฟอร์มของ ‘จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา’

กูรูการเงินรูปหล่อ “โอ๊ต-พิทักษ์ สภาธรรม” เผยวิธีบริหารเงินให้อยู่รอดในยุคนี้

รู้จัก “โรคหลอดเลือดผิดรูปแต่กำเนิด” ชีวิตลิขิตเองไม่ได้ของ “คุณโบว์-ขนิษฐา”

Praew Recommend

keyboard_arrow_up