โอ๊ต พิทักษ์ สภาธรรม

กูรูการเงินรูปหล่อ “โอ๊ต-พิทักษ์ สภาธรรม” เผยวิธีบริหารเงินให้อยู่รอดในยุคนี้

Alternative Textaccount_circle
โอ๊ต พิทักษ์ สภาธรรม
โอ๊ต พิทักษ์ สภาธรรม

ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนไม่แน่นอน คุณโอ๊ต – พิทักษ์ สภาธรรม ที่ปรึกษาทางการเงินและนักวางแผนการเงินอิสระ จะมาช่วยแชร์ วิธีบริหารเงินอย่างไรให้อยู่รอดในยุคนี้

กูรูการเงินรูปหล่อ “โอ๊ต-พิทักษ์ สภาธรรม” เผยวิธีบริหารเงินให้อยู่รอดในยุคนี้

เศรษฐกิจฟื้นตัวแน่นอน

“สำหรับภาพรวมในตลาดการเงินโลก ผมขอแบ่งเป็น 2 แบบคือ ภาพรวมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริงๆ กับในส่วนของผลกระทบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับบ้านเรา

“ถ้าพูดถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลกตอนนี้มีความผันผวน เพราะนักลงทุนรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประกาศลดดอกเบี้ยและลดการอัดฉีดเงิน (QE) ต้องอธิบายก่อนว่าเพื่อให้ธุรกิจเติบโตขึ้น อเมริกาใช้วิธีอัดฉีดเงินด้วย การพิมพ์ธนบัตรเข้าไปในระบบโดยไม่ต้องเอาทองคำไปค้ำ จนเกิดภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ราคาข้าวของบ้านเขาแพงขึ้นและมีหนี้สินมากขึ้น ต่างจากประเทศทางซีก โลกตะวันออกอย่างจีน รัสเซีย รวมถึงไทย เราไม่สามารถพิมพ์ธนบัตรเองได้ โดยไม่มีทองคำไปค้ำ เพราะฉะนั้นขณะนี้เราจึงไม่มีภาวะเงินเฟ้อและมีหนี้สินหนัก เท่าอเมริกา การหยุดอัดฉีดเงินของอเมริกาทำให้นักลงทุนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ต่อไป อย่างเช่นเรื่องหุ้น ช่วงที่ยังไม่ประกาศเพิ่มดอกเบี้ย นักลงทุนก็เข้าไปซื้อ แต่พอมีสัญญาณว่าอาจจะประกาศเพิ่มดอกเบี้ย เขาก็ขายหุ้นเพื่อเอาเงินเก็งกำไรใหม่ ภาพรวมของการลงทุนจึงไม่แน่นอน

“เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะตัดสินใจลงทุนหุ้น ควรจะลงทุนกับประเทศฝั่งตะวันออกหรือประเทศที่ไม่มีภาวะเงินเฟ้อมาก เช่น จีน รัสเซีย เป็นประเทศที่มีเงินสด และควรลงทุนหุ้นประเภทเสถียรภาพ ซึ่งเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานความ ต้องการของมนุษย์ เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยา ที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์ การเงิน และเทคโนโลยี

“แต่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าสิ่งที่อเมริกาโดดเด่นมากคือเทคโนโลยี ขณะที่ฝั่งตะวันออกยังตามหลังเรื่องนี้อยู่เพราะฉะนั้นอาจลงทุนหุ้นเทคโนโลยีของอเมริกา ไว้บ้าง นอกจากนี้คุณควรลงทุนกับเรื่องของพลังงานสะอาด เพราะคนยุคนี้มีความรู้สึกว่าโลกแย่ลง ต้องใช้พลังงานสะอาดเพื่อให้โลกอยู่ได้ยาวขึ้น จะสังเกตว่าที่ผ่านมา อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยให้โลกสะอาดเติบโตขึ้นมาก

“สำหรับบ้านเราข่าวดีคือเศรษฐกิจกำลังจะเริ่มฟื้นตัว เนื่องจากสถานการณ์ โควิดไม่ได้ส่งผลกระทบกับเรารุนแรงเท่ากับเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผู้คนออกมาใช้ชีวิต เหมือนเดิมมากขึ้นและเริ่มหันมาลงทุนเยอะขึ้น สถานการณ์ตลาดหุ้นเริ่มดีขึ้น อย่าง ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หุ้นในเมืองไทยขึ้นสูงกว่าก่อนที่จะเกิดโควิดด้วยซ้ำ ทิศทางฟื้นตัวถือว่าดีครับ

“เพราะฉะนั้นสำหรับคนอายุช่วง 30 ยังลงทุนที่มีความเสี่ยงได้ ควรลงทุน ไว้เลย โดยสามารถลงทุนหุ้นได้เยอะถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ ควรลงทุนตราสารหนี้ ส่วนคนอายุช่วง 60 ควรลงทุนตราสารหนี้ 70 เปอร์เซ็นต์ ถ้าอยากเล่นคริปโตเคอร์เรนซี่ ผมมองว่าคุณใช้เงินเย็นลงทุนแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ก็พอ เพราะคุณไม่สามารถรับความเสี่ยงได้มาก”

เก็บเงินอย่างไรให้อยู่รอด

“ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิดเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเจอมาก่อน อย่างวิกฤติ ต้มยำกุ้งหรือซับไพรม์ ผ่านไป 6 เดือนเศรษฐกิจฟื้นแล้ว แต่โควิดอยู่กับเรามา 2 ปี เศรษฐกิจเพิ่งเริ่มฟื้น การจะอยู่ได้ในยุคนี้ควรมีเงินสำรอง ปกติในทางทฤษฎีการเงินเขาบอกว่าควรมีเงินสำรอง 6 เดือน (รายจ่ายประจำ × 6 เดือน) นอกนั้นเอาไปลงทุนอะไรยาวๆ ตามวัตถุประสงค์ได้ เช่น หุ้น แต่พอเกิดโควิด เราควรมีเงินสำรอง 12 เดือนขึ้นไป หรือถ้าปลอดภัยไว้ก่อนคือต้องมีสำรอง 24 เดือน เพราะโควิดไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวแน่นอน ยังไงก็อาจมีสายพันธุ์ใหม่ๆ ผุดขึ้นมาอีก สำหรับผมใช้วิธีเก็บเงินตามนี้คือ ออมทรัพย์ 12 เดือน และ ลงทุนในตราสารหนี้หรือหุ้น 12 เดือน แนะนำให้ซื้อหุ้นด้านที่จำเป็นกับการใช้ชีวิต เช่น ยา อสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค แล้วถือไว้ยาวๆ 2 ปี

“ส่วนใครที่มีหนี้ส่วนบุคคล นอกจากหาอาชีพสำรองเพิ่ม แนะนำให้คุย กับแบงก์ ที่ตอนนี้เขาก็ยังทำนโยบายผ่อนปรนทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อ บ้าน ขอขยายลดวงเงินการผ่อน กับอีกอย่างคือขอพักชำระหนี้ไว้ก่อน ส่วน ภาคธุรกิจ ธนาคารมีการผ่อนปรนและลดดอกเบี้ยอยู่แล้ว และคุณสามารถ ประนอมหนี้ได้

“สิ่งสำคัญคือภาคธุรกิจก็ควรปรับตัวตามตลาดด้วย อย่างที่เราเห็น หลายคนปรับธุรกิจให้เป็นออนไลน์มากขึ้น และควรมองหาช่องทางการทำงาน ที่ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กัน เพื่อลดต้นทุนและต่อยอด อย่างตอนนี้มีหลายธุรกิจ เปลี่ยนไปทำรับแพ็คของ ส่งของ เพื่อตอบโจทย์งานออนไลน์

“ถ้าพูดถึงธุรกิจที่มาแรงคือเรื่องของสุขภาพ ปัจจุบันคนไม่ได้กลัวแค่ ไวรัส แต่มองว่าถ้าภูมิคุ้มกันต่ำก็เกิดโรคง่าย อาหารเสริมจึงมาแรง และบางตัว ก็มีสรรพคุณทดแทนยาไปแล้ว อย่างที่อเมริกาทิศทางของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นการ รักษาด้วยวิตามินและดีเอ็นเอมากกว่าการใช้ยา ในยุคที่ทุกอย่างผันผวน เราต้องปรับตัวให้ไวครับ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 980

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สมศักดิ์ศรีกูรูการเงินตัวพ่อ “ฟลุค-เกริกพล” วางแผนการเงินสุดเป๊ะให้ลูกสาวตัวน้อย

เปิดกระเป๋าสตางค์ “กึ้ง-เฉลิมชัย” ไฮโซไม่ติดแบรนด์ การเงินไม่ต้องเป๊ะ แต่หาได้และใช้เป็น

กูรูการเงิน “โค้ชหนุ่ม” แนะหนทางรอดปี 2022 ตั้งรับวิกฤติการเงินตามช่วงวัย

Praew Recommend

keyboard_arrow_up