การเลือกแต่งงานกับใครสักคนหนึ่ง เราต่างก็หวังว่าจะดูแลกันไปจนตลอดรอดฝั่ง แต่เมื่อมันไม่สามารถไปต่อได้ คู่รักจึงตัดสินใจเลือกทางออกสุดท้ายด้วยการหย่ากัน เช่นเดียวกับคู่ของ เขื่อน K-OTIC หรือ ภัทรดนัย เสตสุวรรณ กับคนรักต่างชาติ เดเมียน ที่เลือกตัดสินใจเลิกรากัน โดยเมื่อไม่นานมานี้ อดีตนักร้องหนุ่มได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาเป็นครั้งแรก ผ่านรายการ “PRAEW TALK” หลังจากที่ใช้เวลาเยียวยาหัวใจตัวเองมาพักใหญ่
เปิดใจครั้งแรก! ชีวิตหลังแต่งไม่เป็นอย่างที่คิด เขื่อน K-OTIC ยอมรับเลิก “เดเมียน”
การแต่งงาน
“เขื่อนรักคุณเดเมียนมากนะครับ ทุกวันนี้ก็ยังรักอยู่ เพราะฉะนั้น…ในวันที่ตัดสินใจคือ เขื่อนเลือกแล้วว่า อยากใช้ชีวิตกับคนๆ นี้ เพราะหลายๆ อย่างที่เราคิด หรือมุมมองในชีวิต หรือสิ่งที่เราต้องการสู้ สู้เพื่อ Community สู้เพื่อ Mental Health มันตรงกันมากเลยครับ ก็เลยตัดสินใจว่าจะเซ็น Civil Partnership กันครับ”
“รู้สึกว่าโชคดีที่ได้เจอเขาครับ แต่จะพูดว่าแต่งงานก็ไม่ใช่ คือเราจด Civil Partnership กัน เป็นการเซ็นแบบคู่ชีวิต เพราะถ้าแต่งงานเป็นสมรส เราเลือกที่จะไม่แต่งงานแบบ Marriage ที่อังกฤษ เพราะว่าเมืองไทยก็ยังไม่ถูกกฎหมายที่ไอร์แลนด์เหนือตอนนั้นก็ยังไม่ถูกกฎหมาย แต่ตอนนี้ถูกกฎหมายแล้ว เราสนับสนุนความเท่าเทียมตรงนี้มากก็เลยจดเป็นที่มีอยู่ก่อนที่ไอร์แลนด์เหนือ ก็คือ Civil Partnership ครับ”
การแยกทาง!
“เป็นคำถามที่ยากนะ ทุกวันนี้เขื่อนก็ถามตัวเองบ่อยนะครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น เขื่อนว่าพอได้มาอยู่ด้วยกันในฐานะคู่ชีวิตหลายๆ อย่างที่เป็นรายละเอียด เล็กๆ น้อยๆ คิดไม่ตรงกัน ค่อนข้างมากทำให้เกิดปัญหาหลายๆ อย่างค่อนข้างเยอะทำให้อยู่ด้วยกันแล้ว หนึ่งไม่สบายใจ สองอยู่ด้วยกันไม่ได้ ทุกวันนี้เขื่อนภูมิใจในตัวเองมากเลยนะ”
“เพื่อนเคยบอกเขื่อนนะว่าบางทีอะไรที่มันไม่ดี ที่คุณรู้สึก เขื่อนไม่ได้บอกว่าเขาไม่ดีนะ สิ่งที่ไม่ดีคือที่เขื่อนรู้สึก เขื่อนต้องยอมรับตรงนี้ก่อน คุณปล่อยมันไปบ้างก็ได้นะ เขื่อนบอก ไม่! เขื่อนไม่ทำเพราะว่าเขื่อนให้เกียรติเดเมียนมาก วันที่เลือกที่จะอยู่ด้วยกัน เราตัดสินใจกันสองคน เพราะฉะนั้นวันที่เราแยกกัน หรือตัดสินใจแยกกันก็เป็นการตัดสินใจของคนสองคนเหมือนกันครับ”
ชีวิตคู่ที่ไม่เป็นอย่างที่คิด
“ตัดสินใจยากมากครับ เหมือนเอาความฝันเขื่อนมาขยี้ๆ โยนทิ้ง แล้วก็จุดไฟเผาอย่างนี้ครับ เพราะเขื่อนเชื่อมากเลย ว่านี่คือทางชีวิตที่เขื่อนอยากไป เขื่อนอยากทำงานเรื่อง Mental Health เขื่อนอยากมีคู่ชีวิต เขื่อนอยากมีลูกนึกออกไหมครับ เพราะฉะนั้นในวันที่เขื่อนเดินออกมาเขื่อนเชื่อว่าไม่ได้ใช้อารมณ์ เขื่อนใช้เหตุผลแล้วก็กลั่นกรองทุกอย่างออกมา ดีที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้ มันยากมาก เพราะว่าเขื่อนไม่ได้อยู่เมืองไทย มันไม่ใช่ที่ของเรา แล้วก็ Mental Support ก็น้อย เหมือนเราเอาตัวเองไปอยู่ในที่ๆ หนึ่งที่แทบจะยังไม่มีเพื่อนด้วยซ้ำครับ ฉะนั้นในวันที่เดินออกมา ยากมากครับ แต่ในสิ่งหนึ่งที่คุณตา กับคุณแม่สอนเขื่อนมาตลอด คือเราต้องมีความซื่อสัตย์กับตัวเอง ให้เกียรติตัวเอง เพราะฉะนั้นวันที่เดินออกมา สำหรับเขื่อนมันก็คือมันไปต่อไม่ได้แล้วจริงๆ ”
“ซึ่งคุณแม่รับรู้ตลอดครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะคุณแม่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เขื่อนรู้สึกปลอดภัย ที่จะคุย จะแชร์เขื่อนรู้สึกอยากที่จะเป็นคนที่อ่อนแอ อยากให้คนเข้ามาช่วย อยากให้คนได้ฟังเรา เขื่อนรู้สึกว่าเขื่อนไม่ค่อยอินกับตรงนี้ของตัวเอง เพราะเขื่อนวางบทบาทของตัวเองตั้งแต่เด็กว่าเขื่อนทำอะไร ต้องทำให้คนอื่นก่อน เพราะฉะนั้นเรื่องครอบครัว เรื่องเพื่อน เรื่องเรียนแล้วก็เรื่องคู่ชีวิต เขื่อนเอาคนนั้นไปก่อน ฉะนั้นในชีวิตเขื่อน จะมีไม่กี่คนที่เขื่อนรู้สึกปลอดภัย รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ที่ทุกคนเห็นได้ ก็คือคุณแม่ในวันที่ออกมา คุณแม่น่ารักมาก เรื่องนี้จำได้เลยว่าประทับใจคุณแม่มาก โทรบอกคุณแม่ เขื่อนตัดสินใจแล้วนะครับ เขื่อนไปต่อไม่ได้แล้วแม่ เขื่อนเลือกที่จะเดินออกมา อันนี้ต้องแฟร์นะครับ เขื่อนไม่ได้เลือกที่จะออกมาคนเดียวนะครับ เราสองคน เขื่อนกับคุณเดเมียนเลือกที่ตัดสินใจร่วมกัน คุณแม่บอก “กลับไทยลูก” กลับบ้าน ประทับใจมาก เพราะว่าแม่ไม่ถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ไม่หาเหตุผล ไม่ต้องรู้ว่าเหตุผลอะไร จำได้ว่าตอนคุณแม่บอกว่า “กลับบ้าน” ตอนนั้นเขื่อนนิ่งแบบตัวชาหน้าชาเลย เพราะว่าเอาอย่างไรดี เราเพิ่งมา แล้วมีหน้าที่หลายอย่างมาก เขื่อนก็เงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็บอกคุณแม่ว่า “ไม่ได้แม่”
“เพราะเขื่อนไม่ได้มาอังกฤษเพื่อจะมาใช้ชีวิตคู่อย่างเดียวเขื่อนมาที่จะเรียนปริญญาเอกด้วย คือเลือกที่จะไปต่อ เขื่อนอยากให้แม่ไว้ใจว่า เขื่อนทำได้ เขื่อนขอเลือกที่จะอยู่ต่อ ที่จะทำตรงนี้ให้เรียบร้อยมากที่สุดก่อนที่จะก้าวต่อไปครับ”
“ตอนนั้นช็อคมากๆ เพราะว่าเขื่อนมี Vlog มีช่องทางโซเชียล โดนคนถามเยอะมาก แบบว่าเขื่อนทำอะไรผิด ทำไมไม่อยู่กับคู่ชีวิตแล้ว ซึ่งเขื่อนก็ยอมรับว่า ตอนนั้นเขื่อนก็ไม่ได้กล้าออกมาพูด คือความรู้สึกเขื่อนเองครับ เพราะว่าเขื่อนยังไม่พร้อม เขื่อนเพิ่งออกมาบอกว่าเขื่อนเป็น Queer Gender แล้วก็เพิ่งจะมีพิธีคู่ชีวิตไป แล้วตอนนี้ไม่ได้ไปต่อ เขื่อนไม่พร้อมจริงๆ มันคือความรู้สึกของเขื่อนนะ ยังไม่พร้อมจะยอมรับกับตัวเองด้วยซ้ำ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ยังงงอยู่เลยและเขื่อนไม่ได้ใช้โซเชียลมาระบาย เพราะฉะนั้นมันหลายๆ อย่างมาก หนึ่งงาน สองเรื่องเรียนปริญญาเอก สามคำถามที่มันผุดขึ้นมากมายจากหลายที่ จากคนรอบตัว จากงาน จากโซเชียลมีเดีย จากครอบครัว เยอะมาก เพราะถ้าไม่ใช่คุณแม่และครอบครัว ตอนนั้นคนอื่นยังไม่รู้นะครับ”
“ที่นี่เป็นที่แรกที่เขื่อนได้มาพูดเรื่องนี้แหละครับว่า เกิดอะไรขึ้น แล้วเขื่อนพร้อมที่จะยอมรับว่า ชีวิตคู่ที่เขื่อนเลือกที่จะไปไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แล้วก็ไม่ได้ไปต่อครับ”
ตัดสินใจกลับเมืองไทย
“เหตุผลหลักที่ตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะคุณพ่อเขื่อนเสียชีวิตช่วงโควิด คุณพ่อคือสามีใหม่ของคุณแม่นะครับ เป็นชาวอังกฤษ เสียชีวิตช่วงโควิดเป็นมะเร็ง ซึ่งยากมาก เป็นเรื่องใหญ่ที่บ้านมาก ตอนนั้นคุณแม่ล็อคดาวน์อยู่ที่หัวหิน แล้วคุณพ่อก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล คุณแม่ก็เดินทางกลับมาไม่ได้ เพราะฉะนั้น หนึ่งคุณแม่เครียดมาก สองคุณยายก็ล้ม สะโพกหักที่บ้าน คุณตาคุณยายเข้าสู่วัย 90 กันแล้วนะครับ แล้วพอมีโควิด เขื่อนสามารถทำปริญญาเอก ทุกอย่างตอนนั้น การทำงาน คุยงาน Supervisor ทำผ่านออนไลน์ได้ Clinical Practice หรือว่าองค์กรที่เขื่อนทำงานอยู่ ก็ทำผ่านออนไลน์ได้ แล้วเขื่อนก็อยากมาเก็บประสบการณ์พวกนี้ที่เมืองไทยด้วยครับ สองสิ่งที่สำคัญที่สุด ชีวิตคู่เขื่อนไม่ได้ไปต่อแล้วเขื่อนก็พร้อมที่จะยอมรับกับสิ่งที่เกิดแล้วว่ามันไม่ได้ไปต่อจริงๆ นะ แล้วเขื่อนก็อยากกลับมาอยู่กับคุณแม่กับพี่สาวด้วยครับ ทุกอย่างบวกกัน ตัดสินใจให้กลับบ้านครับ”
“ไม่มีอะไรบังคับให้เขื่อนกลับมาหรอกครับ เขื่อนเลือกที่จะกลับมา เขื่อนเลือกที่จะออกมาพูดว่า ในวันนี้เขื่อนโสด เขื่อนเลือกที่จะมาอยู่ตรงนี้แล้วให้บทสัมภาษณ์นี้ และเขื่อนเลือกจะยอมรับผลกระทบที่มันกำลังจะตามมา ที่มันกำลังจะเกิดขึ้นครับ It’s my Choice พวกเราทุกคนมีอิสระในการเลือก แต่อิสระในการเลือกก็เป็นอิสระที่ต้องยอมรับด้วยนะ กับสิ่งที่กำลังจะเกิดตามมา ”
มุมมองความรักเปลี่ยนไป
“มุมมองความรักเปลี่ยนไปมากๆ มาก แบบมากจนน่ากลัวมาก พูดยากมากเลย เพราะว่าความรักสำหรับเขื่อนตอนนี้มันไม่ใช่แค่คนสองคนที่ปิ้งกัน มีความสุขจัง Endorphin Sex Hormone พุ่ง นึกออกไหม มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้วครับ เขื่อนต้องการคนที่มีอุดมการณ์ตรงกับเขื่อน ไม่ต้องตรงมากก็ได้ แต่ตรงพอที่จะอยู่ด้วยกันได้ Fight for same Cause เพราะว่าเชื่อเรื่องที่เราเชื่อเหมือนกัน และต้องเป็นคนที่เขื่อนว่าเขื่อนจัดการกับหลายๆ อย่างในตัวเองไม่ได้เรียบร้อยนะครับ แต่เขื่อนอยู่ในขั้นตอนการจัดการ เพราะฉะนั้นคู่ชีวิตเขื่อนๆ ก็อยากเลือกคนที่ค่อนข้างพร้อมระดับหนึ่งด้วยครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขื่อนจะบอกก็คือ ถ้าเกิดมองเรื่องความรักอาจจะมีเกณฑ์ที่มากขึ้น ที่ตอนเด็กๆ ไม่ได้คิดนิดหนึ่ง เรื่องความพร้อม ความเข้าใจ ความเข้าใจตัวเองด้วย อย่างนี้ครับ เพราะถ้าเกิดต้องมาเรียนรู้กันใหม่ เขื่อนก็จะกลายเป็นลูบ ที่เขื่อนจะให้เขามาก่อนอีก ตอนนี้เขื่อนอยากเข้าสู่ช่วงชีวิต ที่เขื่อนสามารถไปกับใคร แล้วไปพร้อมกันได้ เขื่อนเลือกที่จะไปพร้อมกัน ไม่เลือกที่จะเอาเขาไปก่อน หรือเราไปก่อนเพราะฉะนั้นเขื่อนว่าโจทย์ที่เขื่อนตั้ง สำหรับการหาคู่ชีวิตคือยากนะ เขื่อนว่ายากนะสำหรับเขื่อน แต่ไม่ได้ปิดกั้นครับ เขื่อนเปิดกว้างเรื่องความรักมาก ความรักไม่จำเป็นจะต้องมาเป็นในรูปแบบที่จะต้องเป็นรัก แต่อะไรคือรักเขื่อนยังไม่รู้เลย เขื่อนว่ามันเป็นนามธรรมมาก แล้วคำว่ารักของแต่ละคนมีความหมายแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นสำหรับเขื่อนก็คือ อาจจะเป็นความรักที่ เป็นคนสองคนที่เข้าใจกัน เป็นคนสองคนที่มีมุมมองเหมือนกัน หรือว่าอยากจะสู้เพื่ออะไรบางอย่างไปด้วยกัน อย่างนี้ครับ อาจจะไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์กันเลยก็ได้ สำหรับเขื่อนคำว่ารัก มันกว้างมาก มันกลายเป็นอะไรที่เปิดกว้างมาก ตอนนี้ เขื่อนว่าตอนนี้เขื่อนอยู่ในโลกที่ทุกอย่างเปิดกว้างมาก”
ถึงแม้ความรักครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็เชื่อว่ามันได้สอนอะไรหลายอย่างให้กับ เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ อย่างแน่นอน…สามารถติดตามชมบทสัมภาษณ์ “PRAEW TALK” แบบเต็มๆ ได้ที่นี่
ภาพ : วรสันต์ ทวีวรรธนะ
สัมภาษณ์ : Minim
สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เข้าใจลูก LGBTQ+ แม่เขื่อน เค-โอติก เล่าถูกดูหมิ่น ยืนยันลูกเป็นเกย์ไม่น่าอาย!
ถอดบทเรียนเมียหลวง อร-อรอนงค์ ใช้ธรรมมะเข้าช่วย แก้ปัญหาโรคซึมเศร้า
แอน สิเรียม เชื่อแค่ลิ้นกับฟัน! นนนี่ – สามี ยังไม่เลิกแค่แยกกันอยู่คนละประเทศ