สำนักราชวังภูฏาน แพร่ภาพสุดประทับใจภาพแรก ของพระโอรสในกษัตริย์จิกมี่ หลังพระราชินีเจตซัน เพิ่งมีพระประสูติกาลเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความปีติยินดีอย่างล้นพ้นของพสกนิกรชาวภูฏาน ขณะที่สำนักราชวังเคนซิงตันแห่งอังกฤษ ส่งสารแสดงความยินดี พร้อมออกแถลงการณ์ว่า เจ้าชายวิลเลี่ยม และเจ้าหญิงแคทเธอรีน มีกำหนดเสด็จเยือนดินแดนหิมาลัย และทรงเยี่ยมเจ้าชายองค์น้อย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิในปีนี้
ราชินีเจตซัน เปมา พระชายาในกษัตริย์จิกมี เกเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ประสูติพระราชโอรส เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 ที่พระราชวังลิงกานา ในกรุงทิมพู โดยสำนักราชวังภูฏาน เลือกเผยแพร่แถลงการณ์โดยใช้โซเชี่ยลมีเดีย เป็นสื่อกลางในการแจ้งข่าวในรั้ววังให้กับพสกนิกรและชาวโลกได้รับทราบ พร้อมโพสต์พระฉายาลักษณ์ของกษัตริย์จิกมี่ ทรงยืนเคียงคู่กับราชินีเจตซัน ซึ่งทรงถ่ายไว้เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ สำนักข่าวต่าง ๆ ยังรายงานด้วยว่า ระหว่างที่ราชินีเจตซัน ทรงกำลังมีพระประสูติกาลนั้น กษัตริย์จิกมีทรงอยู่เคียงข้างพระชายาไม่ห่าง สมกับตำนานรักอันแสนหวานที่เลื่องระบือมายาวนาน จากการที่กษัตริย์จิกมี่ ทรงเคยคุกเข่าขอเจตซัน (ขณะเป็นสามัญชน) แต่งงาน ตั้งแต่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ พระชนมายุเพียง 17 พรรษา ส่วนเด็กหญิงเจตซัน ในขณะนั้นอายุเพียงแค่ 7 ขวบ โดยทรงลั่นวาจาไว้ว่า “เมื่อเธอโตขึ้น แล้วเรายังโสด ยังไม่แต่งงาน แล้วเธอก็โสด และยังไม่แต่งงานเหมือนกัน เราจะขอเธอแต่งงานนะ” และสุดท้ายกษัตริย์จิกมี่ ก็กลับมาทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ และเข้าพิธีเสกสมรสกัน เมื่อพระองค์อยู่ในวัย 31 พรรษา ส่วนเจตซันอายุ 21 ปี
ทั้งนี้ หลังจากราชินีเจตซันทรงมีพระประสูติการพระโอรสได้ 4 วัน และตรงกับวันขึ้นปีใหม่ของชาวภูฏาน (เรียกกันว่าวันโลซาร์) สำนักราชวังภูฏานได้เผยแพร่พระฉายาลักษณ์แรกขององค์รัชทายาทพระองค์น้อย ผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียอีกครั้ง พร้อมข้อความว่า “ชาวภูฏาน ที่กำลังเฉลิมฉลองวันโลซาร์ กันพร้อมหน้าพร้อมตากับสมาชิกครอบครัวและคนรัก เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เผยแพร่ภาพพระฉายาลักษณ์อย่างเป็นทางการภาพแรกของพระโอรสองค์น้อย เพื่อทำให้วันปีใหม่นี้พิเศษมากยิ่งขึ้น” สำหรับพระฉายาลักษณ์ทางการภาพแรกของพระโอรสที่ถูกเผยแพร่นั้นกรุ่นไปด้วยไอรัก พระโอรสทรงประทับบนพระเพลา (ตัก) ของพระพระอัยกา (ปู่) และทรงมีกษัตริย์จิกมี พระบิดา และราชินีเจตซัน พระมารดา ทรงประทับเคียงข้างอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี พระฉายาลักษณ์แรกของพระโอรส ยังคงไม่เปิดเผยพระพักต์ของพระโอรส และยังคงไม่มีการแจ้งพระนามให้ทราบแต่อย่างใด แต่เชื่อว่านับจากนี้ไปสมาชิกราชวงศ์วังชุกพระองค์ใหม่ จะทรงอยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วโลกอย่างแน่นอน
หลังการประสูติของพระโอรสองค์น้อย สำนักราชวังเคนซิงตันแห่งอังกฤษ ได้ส่งสารแสดงความยินดีผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียด้วยเช่นกัน โดยระบุข้อความว่า “ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง แด่กษัตริย์และราชินีแห่งภูฏาน ในการมีพระประสูติกาลพระโอรส ที่ทรงมีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง” พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ว่า เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ และเจ้าหญิงแคทเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ มีกำหนดเสด็จเยือนภูฏานอย่างเป็นทางการ และเสด็จเยี่ยมเจ้าชายองค์น้อย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้
การเสด็จเยือนต่างประเทศตามแถลงการณ์ ของดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ในครั้งนี้ ถือเป็นการเสด็จออกนอกประเทศครั้งแรก หลังจากเจ้าหญิงแคทเธอรีน ทรงมีพระประสูติกาลพระธิดา เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา แต่สำนักราชวังเคนซิงตัน ไม่ได้ระบุว่า เจ้าชายจอร์จ และเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ จะเสด็จไปด้วยหรือไม่
การเสด็จเยือนภูฏานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเยี่ยมเยือนกันระหว่างสองราชวงศ์แล้ว ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย โดยก่อนหน้านี้ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เคยเสด็จเยือนภูฏานในปี 1998 ตามด้วยเจ้าชายแอนดรูว์ ในปี 2010
อนึ่ง ภูฏาน ถือเป็นชาติเล็ก ๆ มีประชากรเพียง 750,000 คน และกำลังได้รับความสนใจจากนานาประเทศ จากการปกครองประเทศของกษัตริย์ผู้ทรงมีพระชนมายุน้อย และเป็นประเทศที่ใช้ความสุขมวลรวมของประชากรภายในประเทศ (Gross National Happiness) เป็นตัวชี้วัดความเจริญและการเติบโตของประเทศ ต่างจากชาติอื่น ๆ ที่ใช้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ที่เน้นภาพรวมด้านเศรษฐกิจเป็นตัวชี้วัด
เรื่อง : Ladyfern
ที่มา: www.People.com , www.bbc.com , www.facebook.com/QueenJetsun
ภาพ : www.facebook.com/QueenJetsun