นาย ณภัทร

หล่อ นิสัยดี กตัญญู “นาย ณภัทร” เผยเป้าหมายใหญ่ในชีวิต เก็บเงินซื้อบ้านให้แม่

นาย ณภัทร
นาย ณภัทร

รอยยิ้มและเสียงหล่อระดับซูเปอร์วอร์มของ นาย ณภัทร เสียงสมบุญ คือซิกเนเจอร์ที่เชิญชวนให้สาวๆ ตกหลุมรัก ยิ่งได้พุดคุยกับเขาทั้งเรื่องความคิดและความตั้งใจในชีวิต หรือจะเป็นฝีไม้ลายมือในหลายๆ ด้านของเขา ก็ยิ่งสัมผัสถึงเสน่ห์และความสามารถที่จะทำให้เขาก้าวต่อไปได้อีกยาวนาน

หล่อ นิสัยดี กตัญญู “นาย ณภัทร” เผยเป้าหมายใหญ่ในชีวิต เก็บเงินซื้อบ้านให้แม่

“บ้าน” คือเป้าหมายใหญ่

“เป็นความตั้งใจของผมมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าพอทำงานแล้วจะเก็บเงินซื้อบ้านให้แม่  ประกอบกับผมติดบ้านมากๆ พอกลับจากการทำงานเหนื่อยๆ จะอยากนอนพักอย่างเดียว ซึ่งถ้าบ้านมีทุกอย่างที่ผมต้องการก็ไม่อยากออกไปไหนแล้ว ผมชอบบ้านแบบโมเดิร์นมินิมัลสีขาวที่มีการออกแบบโครงสร้างโดยคำนึงถึงเรื่องแสงและทิศทางลม มีต้นไม้เยอะๆ รวมทั้งมีเสียงเพลงในบ้าน ซึ่งสไตล์ผมกับแม่ไม่เหมือนกันเลย จึงต้องมีตีกันแน่นอนครับ (หัวเราะ) เพราะแม่ชอบบ้านแบบมีพื้นที่เยอะๆ มีสวนกว้างๆ และไม่ใช่สไตล์โมเดิร์น  จึงต้องพยายามหาดีไซน์ที่ลงตัว ผมคิดว่าถ้าสร้างบ้านทั้งทีก็ต้องอยู่นานเกิน 10 ปี จึงอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะซื้อบ้านสำเร็จรูปหรือจะสร้างใหม่ในพื้นที่ของตัวเอง เวลาผมไปตระเวนดูตามหมู่บ้าน พอเห็นบ้านดีไซน์ถูกใจก็จะเกิดกำลังใจและไฟในการทำงาน เพื่อให้เป้าหมายเรื่องบ้านสำเร็จในปีนี้ให้ได้”

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ

“กล้องฟิล์ม” ของสะสมสุดรัก

อีกเรื่องที่นายกำลังอินสุดๆ ตอนนี้คือ กล้องฟิล์ม “ผมมองว่าการถ่ายภาพเป็นกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียดดี หรือบางทีเวลากลับจากการทำงานเหนื่อยๆ แค่เปิดตู้หยิบกล้องออกมาจับดู แค่นี้ก็แฮ็ปปี้แล้ว ตอนนี้ผมชอบกล้องฟิล์ม  เพราะทำให้การถ่ายรูปสนุกขึ้นซึ่งกล้องแต่ละตัวมีคาแร็คเตอร์ไม่เหมือนกันเลย  ผมจึงมีหลายตัว(ยิ้ม)  ล่าสุดสั่งทำตู้โชว์ไว้ แม้อายุการใช้งานของกล้องจะค่อนข้างนานแต่พอถ่ายภาพได้แนวที่ต้องการจนรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนสไตล์ก็จะขายต่อไปบ้าง ที่เปลี่ยนบ่อยหน่อยคงจะเป็นเลนส์ครับ  เพราะพอเปลี่ยนเลนส์ สไตล์ของภาพก็จะเปลี่ยนไปด้วย  เมื่อก่อนผมชอบถ่ายภาพทิวทัศน์หรือไม่ก็อาคารที่มีโครงสร้างสวยๆ เน้นแสงเงากับแนวแอ๊บสแตร็กต์ แต่พักหลังหันมาถ่ายรูปผู้คนด้วย เป็นแนวพอร์เทรตสามารถเข้าไปติดตามผลงานของผมได้ในไอจี @naphat_nine_film นะครับ”

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ

น้ำใจจากพี่นายถึงน้องๆ

“ผมทำโครงการที่ช่วยเรื่องทุนการศึกษาของเด็กๆมาพอสมควร อย่างปีที่แล้วผมทำปฏิทินและจัดนิทรรศการ ‘ปฏิทิน นาย ณภัทร 2019’ ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  เพื่อหาทุนจากการประมูลไปมอบให้น้องๆในโรงเรียนต่างจังหวัด เป็นงานที่ผมลงมือทำเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่อาร์ตไดเร็คชั่น งานเลย์เอ๊าต์ ดีไซน์ รวมไปถึงกราฟิก ที่สุดได้เงินบริจาคกับเงินประมูลประมาณกว่า 6 แสนบาท นำไปมอบให้โรงเรียนทั้ง 6 แห่งเรียบร้อยแล้วครับ (ยิ้มปลื้ม)

“ส่วนอีกงานคือ ‘นาย ปาล์ม ระหว่างทางเพื่อน’ เป็นนิทรรศการภาพถ่ายกล้องฟิล์มของงานเบื้องหลังภาพยนตร์ Friend Zone ซึ่งรายได้ทั้งหมดจากการขายภาพก็นำไปมอบให้โรงเรียนขาดแคลนแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ผมยังมีบริจาคอุปกรณ์กอล์ฟให้โรงเรียนที่ต้องการอีกด้วย

“เหตุผลที่ผมอยากช่วยเรื่องการศึกษาอย่างจริงจัง นอกจากเรื่องของความสุขใจแล้ว ยังจำได้ว่าสมัยเด็กคุณแม่ทำงานคนเดียวค่าใช้จ่ายเรื่องเรียนของผมสูงมาก เนื่องจากเรียนโรงเรียนนานาชาติแล้วยังชอบเล่นกอล์ฟ ซึ่งตอนนั้นผมก็อยากเอาดีทั้งสองอย่าง  แต่ความที่บ้านเราไม่ได้มีสตางค์ จึงรู้สึกว่าโชคดีมากที่มีผู้ใหญ่ใจดีรวมทั้งโรงเรียนคอยช่วยเหลือมอบทุนให้ผม พอโตขึ้นก็คิดว่ายังมีเด็กที่เป็นแบบผมอีกเยอะ ในฐานะที่ผมเคยได้รับการช่วยเหลือจึงเข้าใจอย่างดีเลยว่าการได้โอกาสแต่ละครั้งมีความสุขขนาดไหน มันเหมือนได้รับแรงบันดาลใจให้ชีวิต ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นและคิดว่าต้องทำทุกอย่างให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้เสมอจึงอยากมอบโอกาสนี้ให้เด็กๆ น่าเสียดายที่ผมยังไม่สามารถลงพื้นที่ด้วยตัวเอง เพราะงานเยอะมากจริงๆ  แต่ได้มีโอกาสคุยกับน้องๆบ้าง จึงได้รู้ว่าเขาแฮ็ปปี้มาก ซึ่งผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะพยายามให้มีโครงการดีๆ เกิดขึ้นทุกปี นอกจากเป็นการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นแล้วข้อดีอีกอย่างของการทำโครงการนี้คือ ผมได้นำวิชาความรู้ด้านกราฟิกที่เรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วย ทุกครั้งที่ทำผมจึงมีความสุขมาก”

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ

กำลังใจคือสิ่งสำคัญ

“เดี๋ยวนี้ผมแบ่งได้แล้วว่าเวลาทำงานคือจริงจัง อยู่กับเพื่อนก็เต็มที่ ส่วนเวลาอยู่กับแม่ก็คือให้แม่หมด แต่ก่อนผมซีเรียสมาก (เน้นเสียง) ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบเป๊ะ ซึ่งที่สุดก็เรียนรู้ด้วยตัวเองว่าไม่สามารถใช้วิธีนี้กับงานแสดงได้ อะไรที่เครียดมากไปหรือสบายไปก็ไม่ดี ทุกอย่างต้องบาลานซ์ เมื่อละลายพฤติกรรมตรงนั้นได้ ก็ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้ง่ายขึ้น

“พอไม่เครียดก็ไม่กดดัน คืออย่างน้อยผมก็ไม่กดดันตัวเอง ส่วนใหญ่จะโดนคนอื่นกดดัน (หัวเราะ) ว่าต้องทำอะไรบ้าง  เวลาทำงานสิ่งที่ผมต้องการคือกำลังใจ มีคนสนับสนุน คอยบอกว่าสู้ๆ ต้องการแค่นี้เลย ส่วนใหญ่ผมจะได้กำลังใจจากเพื่อน ซึ่งกำลังใจที่ว่าไม่ได้หมายถึงคำชมนะ  และตัวผมเองก็ไม่ค่อยชอบฟังคำชมด้วย เพราะนำมาพัฒนาต่อไม่ได้  แต่ถึงอย่างนั้นในยามที่เรารู้สึกแย่ ถ้ามีคำชมเข้ามาก็จะช่วยเรื่องความรู้สึกได้ อย่างแม่จะไม่ใช่สายให้กำลังใจ  แต่จะบอกวิธีปรับปรุง  อย่างถ่ายแบบวันนี้ ถ้ากลับไปแม่จะทบทวนกับผมว่ามีอะไรผิดพลาดบ้างหรือเปล่า เหมือนคอยเป็นกระจกสะท้อนให้

“เวลาเหนื่อยหรือรู้สึกมีปัญหากับอะไรก็ตาม  วิธีที่ทำให้หายเร็วที่สุดสำหรับผมคือของกินอร่อยๆ (หัวเราะ) เวลาอยู่บ้านผมชอบทำอาหาร ซึ่งทำเป็นแค่ 2 เมนูเท่านั้น คือไข่เจียวกับสเต๊กเนื้อ ผมชอบซื้อเนื้อกลับมาทำเองที่บ้าน เพราะราคาถูกกว่าไปกินที่ร้านตั้งครึ่ง แต่ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาแทบไม่ได้เข้าครัวเลย เพราะทำงานหนักมาก ต้องใช้วิธีสั่งอาหารมากินกับแม่แทน ถ้าได้ออกไปกินข้างนอก แค่เป็นเมนูเนื้อ หรืออาหารญี่ปุ่น หรือเมนูอะไรก็ได้ ขอให้อร่อยเป็นพอ เวลากินเหมือนผมตัดความฟุ้งซ่าน หยุดจินตนาการทุกอย่างและอยู่กับรสชาติดตรงนั้น  ซึ่งไม่เหมือนกับการถ่ายรูปนะครับ คือแม้ผมจะบ้ากล้อง แต่เวลาเล่นกล้องก็ยังแอบแว่บคิดนู่นนี่อยู่ดี ไม่เหมือนการกินที่ใจเราจะจดจ่อแบบมีความสุข (หัวเราะ) อีกวิธีคือหลับครับ พอตื่นขึ้นมา ผมเชื่อว่าจะมีอะไรดีๆเข้ามา นอกจากนี้ก็ดูหนัง ผมชอบโมเมนต์ที่อยู่ในโรงหนังนะ  มันช่วยตัดทุกอย่างออกไปก่อน เพราะเราจะโฟกัสแค่เสียงและภาพที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

“ส่วนเรื่องโกรธ ผมโกรธคนยากมากนะ และไม่ได้โกรธพร่ำเพรื่อจะโกรธเฉพาะเวลาที่โดนเอาเปรียบ หรือเวลาที่ไม่ได้ผิดแต่ถูกกล่าวหาอันนั้นก็ไม่ยอมเหมือนกันครับ แต่ส่วนใหญ่ผมค่อนข้างมองโลกในแง่ดีขอสมมติตัวอย่างสถานการณ์นะครับ ถ้ามีคนบีบแตรรถอยู่ข้างหลังหลายครั้ง ผมก็จะคิดว่าเขาคงรีบ แล้วก็ปล่อยให้เขาไป จบ”

คุยเปิดโลก

“เวลาว่างผมชอบเจอเพื่อน แต่ละคนทำงานเป็นเจ้าของกิจการจะมีเรื่องเล่าและประสบการณ์แปลกใหม่ต่างๆมาแชร์ บวกกับผมชอบฟังก็จะเพลิน  ผมชอบเวลาที่ตีกอล์ฟกับเพื่อนเสร็จแล้วไปกินข้าวกันต่อ ชีวิตจะแฮ็ปปี้มาก คือได้ทั้งกินและฟังเพื่อนเล่า การพูดคุยทำให้ผมรู้จักกับคนมากขึ้น ได้รู้วิธีคิด วิธีบริหารของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ยิ่งถ้ามีผู้ใหญ่อยู่ในวงสนทนาจะยิ่งชอบมาก  เพราะเขามีประสบการณ์เยอะกว่า ผมว่าการเรียนรู้จากหนังสืออย่างเดียวไม่พอ การได้เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตด้วยจะเจ๋งกว่ามาก ซึ่งในชีวิตที่ผ่านมามีผู้ใหญ่หลายคนที่คอยสอนผม ตั้งแต่ผู้กำกับที่แนะนำเรื่องงานแสดงต่างๆ ไปจนถึงแม่บ้านสวัสดิการที่แนะนำผมให้หากิจกรรมทำเวลาที่ผมเครียด” (ยิ้ม)

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ

เติบโตทางการแสดง

“ต้นปีนี้ผมมีเปิดกล้องละครเรื่องสร้อยสะบันงา เป็นละครพีเรียดเรื่องแรก เล่นคู่กับใบเฟิร์น- พิมพ์ชนก ออนแอร์ทางช่อง 3 จริงๆที่ผ่านมาผมเพิ่งเล่นละครไป 2 เรื่องกับหนังอีก 2 เรื่องเองนะ นอกนั้นเป็นนายแบบโฆษณา ผมถือว่าประสบการณ์ด้านการแสดงยังน้อย จึงมองหาโอกาสทางการแสดงไว้อีก อยากลองเล่นโรแมนติกดราม่า หรือคอมเมดี้ดูบ้าง ทุกวันนี้ผมเรียนรู้การแสดงจากนักแสดงที่ผมชอบทั้งเบเนดิกต์  คัมเบอร์แบตช์, วิลล์ สมิท และยังมีนักแสดงอีกหลายคนการแสดงบางอย่างที่เราเคยได้ดูอาจนำมาปรับใช้กับตัวละครที่ต้องรับบทก็ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการสังเกตผู้คนครับ ต้องพยายามฟังและคิดภาพตาม ยิ่งถ้าเป็นบทที่ไกลตัวมากก็ต้องฟังเยอะ ๆ แล้วคิดเป็นภาพอย่างที่แม่จะสอนผมเสมอว่า เวลาอ่านบทให้คิดออกมาเป็นภาพ จำลองตัวเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ จะทำให้จินตนาการง่ายขึ้น”

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ

สาวเก่ง อารมณ์ดี ไม่ต้องสวย แต่หมวยก็ได้

“ผมยังโสดครับ เพราะแค่ทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว อีกอย่างผมติดเพื่อนด้วย  ถ้าเป็นผู้หญิงที่ชอบ ผมมักแพ้ทางให้ผู้หญิงเวิร์คกิ้งวูแมน ทำงานแล้วเด็ดขาด  ไม่ห่วงสวย อารมณ์ดี จริง ๆ คือ นิสัยแบบพี่โอปอล์ ผมว่ามีเสน่ห์ แล้วเสน่ห์สำคัญกว่าความสวยอีกนะ  เพราะอยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อ แต่ถ้าถามว่าชอบหน้าตาสไตล์ไหน คงเป็นแบบหมวยๆกับแนวสาวสปอร์ตเกิร์ล เพราะเขาดูแลตัวเอง ส่วนเรื่องอื่นขอแค่จิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พอแล้ว เมื่อก่อนผมจะปรึกษาแม่เรื่องสาวๆตลอดนะ แต่ตอนนี้ไม่ต้องผ่านด่านแม่แล้วครับ ไม่ใช่ว่าผ่านยากหรอกนะ  ผมแค่รู้สึกว่าแม่มีหลายเรื่องให้คิดเยอะแล้ว (หัวเราะ) “ถ้าผมเป็นคนรักของใคร คงเป็นแบบที่มีความเป็นเพื่อนให้สูง เพราะผมว่าพออยู่ด้วยกันไป 10-20 ปี ชีวิตคู่สุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนอยู่ดี ความเป็นเพื่อนจึงเป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่าครับ”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว 954

ภาพเพิ่มเติม : @pimpaka

Praew Recommend

keyboard_arrow_up