ก้อง-สหรัถ

ล้วงเหตุผลที่ “ก้อง-สหรัถ” ในวัย 51 ปี ยังหล่ออมตะ อบอุ่นละมุนใจ ไม่เคยเปลี่ยน

Alternative Textaccount_circle
ก้อง-สหรัถ
ก้อง-สหรัถ

ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา ผู้ชายอุ่นๆ คนนี้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงความละมุน ในระดับฮ็อตที่สาวๆ เทเสียงกรี๊ดให้ตลอด ด้วยดีกรีความหล่อระดับกาลเวลาทำอะไรไม่ได้ ความคูลที่เป็นตัวจริงด้านดนตรี เสียงนุ่มๆ ชวนเคลิ้มทุกครั้งที่ร้องเพลง ไปจนถึงอานุภาพความเป็นสุภาพบุรุษแจกยิ้มโยนมุกแบบนิ่งๆ จนครองใจผู้หญิง (ทุกช่วงวัย) ได้ทั้งเมือง

เรื่องดีๆ ในปีที่ 51

เมื่อให้ลองมองย้อนกลับไปในเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา เพื่อหาเรื่องราวที่ดีที่สุดในวัย 51 ปี พี่ก้องนิ่งคิดไปพักใหญ่ก่อนตอบว่า “เหนื่อยเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่ก็สนุก เพราะได้ทำในสิ่งที่เรารักเราชอบ คืออยู่ในโหมดศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นเล่นดนตรี แสดงละคร ถ่ายหนัง รายการโชว์ คือทั้งหมดเป็นงานที่ทำได้และแฮ็ปปี้ด้วย แม้บางครั้งจะเหนื่อย แต่ก็ไม่ได้ฝืนตัวเองจนเกินไป คือถ้าสมมติว่าต้องเป็นทนายความนี่คงงงแหละ ว่าจะผ่านไปได้อย่างไร แต่พอเป็นงานเชิงนี้เราสามารถทำต่อได้เรื่อยๆ

“ส่วนเรื่องดีที่สุดในวัย 51 ของผม คงเป็นคอนเสิร์ตนูโวที่เพิ่งจัดไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ประทับใจมาก ดีใจที่วงนูโวซึ่งมีสมาชิกอยู่ในวัย 50 กว่ายังมีคน ให้การต้อนรับอย่างเต็มที่ เล่น 2 รอบ รอบละหมื่นกว่าคน สองรอบก็สองหมื่นคน ดีใจที่ยังมีคนมาดูเราแบบนี้ มีวี่แววว่าวงนูโวจะเป็นเหมือน The Rolling Stones เข้าไปทุกวัน รู้สึกดี เหมือนได้เติมพลังให้ชีวิต” (ยิ้ม)

ก้อง-สหรัถ

ดนตรีกับชีวิต

อย่างที่รู้กันว่าพี่ก้องเป็นนักดนตรีมาตลอดชีวิต แม้จะผันตัวไปทำงานบันเทิงหลายอย่าง แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่อยู่กับเขาเสมอคือดนตรี “ผมฟังเพลง ตลอดเวลา เพลงแบบไหนก็ได้ ฟังได้หลายแนว กลับบ้านก็เปิดเพลง ขึ้นรถก็เปิดเพลง ถ้าให้เล่นกีตาร์หรือตีกลองก็อยู่อย่างนั้นได้ทั้งวัน เหมือนเราโดนดูดเข้าไปหา บางครั้งนั่งดูทีวีอยู่ยังหยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่นเลย ซึ่งถ้ามองในมุมของคนที่ ชอบฟังเพลงด้วยกันก็จะคิดว่าผมโรแมนติกจังเลย ฟังเพลงตลอดเวลา ถ้าคิดแบบนั้นก็อาจจะใช่ เพียงแต่นี่เป็นความชอบของเราจริงๆ ในสมองจะคิดอยู่ตลอดว่าอยากฟังแบบไหน อย่างบางทีคิดลองหาเพลงฟังก์ หรือบางทีคิดถึงเพลงคลาสสิก ถ้าใครไม่ชอบฟังเพลงอยู่กับผมอาจจะรู้สึกหนวกหู อะไรจะฟังเพลงตลอดเวลาขนาดนี้ ทั้งในรถและในบ้าน แถมเครื่องเสียงก็เยอะแยะไปหมด (หัวเราะ)

“สำหรับผม งานนักดนตรียังคงเป็นงานที่ทำแล้วสนุกเสมอ วงนูโวเองก็ไม่ได้หายไปไหน ยังมีตารางเล่นคอนเสิร์ตกันอยู่ตลอด ในแต่ละเดือนมักมีออนสเตจใหญ่ๆ ประมาณ 5 – 6 งาน แล้วก็มีโชว์ที่ไม่ได้ออกข่าว เช่น ตามโรงเบียร์ ไปจนถึงงานเลี้ยงบริษัท เดี๋ยวนี้เล่นตามผับตามบาร์น้อยลง เพราะแฟนนูโวเลยวัยเที่ยวผับกันแล้ว (หัวเราะ) เป็นกลุ่มคนทำงาน บางส่วนก็เติบโตไปเป็นผู้บริหาร ถ้าอยู่ในออฟฟิศก็ระดับผู้จัดการ เราจึงได้เข้าไปเล่นในงานเลี้ยงบริษัทเยอะ

“ส่วนตอนนี้ผมกำลังกลับมาขะมักเขม้นเล่นดนตรีอยู่กับวงน้องชาย ชื่อ เบญจแบนด์ มาจากคำว่า ‘เบญจ’ ที่แปลว่าห้า เพราะเราเล่นกัน 5 คน ตั้งวงกันมา เมื่อสัก 6 – 7 ปีที่แล้ว เล่นแต่เพลงคลาสสิกร็อค ไม่เล่นเพลงไทยเลย ในวงมีคุณเอก มิสเตอร์ทีม เป็นมือกลอง คุณบอย หลานของสุ วงนูโว เล่นเบสรูบ้า (Ruba Mosan) เล่นคีย์บอร์ด ผมเล่นกีตาร์ ส่วนน้องชาย (เก็น – ฐากูร สังคปรีชา) เล่นกีตาร์กับร้องนำ เวลามารวมตัวกันเราจะสนุกสนานกับการเล่นเพลงสากล ซึ่งผมเล่นคลาสสิกร็อคอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยมีโอกาส ได้โชว์ที่ไหน เพราะส่วนใหญ่เราก็ต้องเล่นเพลงของเรา แต่กับเบญจแบนด์เราได้เล่นในแบบที่อยากเล่น ออกไปเล่นตามบาร์ต่างๆ บ้าง ก็มีความสุข เหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่าง นอกจากนี้ก็มีถ่ายรายการ The Voice ด้วย”

ก้อง-สหรัถ

“หล่อ – ละมุน – อมตะ”

แน่นอนว่าเมื่อนึกถึงก้อง – สหรัถ จะต้องนึกถึงความหล่อที่ไม่เคยลดลง จนอยากรู้เหลือเกินว่าเขาทำอย่างไรให้คงความดูดีแบบนี้ได้ตลอด “เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คือก็ได้ยินแหละ ถ้าเป็นกลุ่มผู้หญิงก็จะบอกว่าน่ารักจังเลย หล่อจังเลย ซึ่งจริง ๆ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ใช้ชีวิตตามปกติ เป็นธรรมชาติของเรา ไม่ได้พยายามทำตัวให้เป็นผู้ชายอบอุ่น คงเป็นบุคลิกของเรามากกว่า คือ ผู้ชายบางคนอย่างซันนี่ หรือวิลลี่ แมคอินทอช เราจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนอารมณ์ดี เพราะมักพูดจาตลก เฮฮา ขำๆ ซึ่งผมว่าเขาเองก็ไม่ได้พยายามที่จะเป็นแบบนั้น นั่นคือธรรมชาติของเขา ส่วนธรรมชาติของผมก็เป็นอย่างนี้ (ยิ้ม)

“แต่เรื่องการดูแลตัวเอง เราก็ต้องมีบ้าง ที่ทำมาตลอดและคิดว่าสำคัญต่อการทำให้เราดูดีไปเรื่อยๆ มีสองเรื่อง คือร่างกายกับจิตใจ ในส่วนร่างกายผมงดกินเนื้อวัวมานานมากแล้ว ตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ พอเลิกเนื้อวัวก็ทำให้ไม่รู้สึกอยากกินพวกเนื้อแดงไปด้วยโดยปริยาย อีกอย่างคือผมกรุ๊ปเลือด AB ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีน้ำย่อยไร้คุณภาพ กินอะไรที่ย่อยยากก็จะมีปัญหา จึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์ แล้วกินพืชผักผลไม้เป็นหลัก กับเลือกปลาหรืออาหารทะเลมาแทนเนื้อแดง แต่ผมไม่ได้เคร่งมากนะ คือถ้าต้องไปร่วมโต๊ะอาหารกับคนหมู่มาก เราก็ตามเขากินหมูกินอะไรได้ เว้นไว้แค่เนื้อวัวอย่างเดียว

“ถัดมาคือเรื่องการพักผ่อน อันนี้สำคัญ แต่ด้วยอาชีพการงานก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ถ้าช่วงไหนงานยุ่งก็ทำเท่าที่ทำได้ วันไหนไม่ยุ่งค่อยหลับพักผ่อนเต็มที่ ส่วนการออกกำลังกายก็ต้องทำเป็นประจำ ผมเดินสายพานในบ้านวันละ 30 – 40 นาที พยายามทำให้ได้สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง

“ส่วนทางด้านจิตใจก็ต้องพยายามรักษาอารมณ์อยู่เสมอ ที่สำคัญมากๆ คือทำบุญบ่อยๆ เรื่องบุญกุศลนี่ทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการกตัญญูต่อพ่อแม่ ทำให้ท่านมีความสุข ช่วยเหลือแบ่งปันคนที่ตกทุกข์ได้ยาก คือผมมองว่าไหนๆ ตัวเราก็พอจะสบายแล้ว อะไรที่แบ่งได้ก็แบ่ง ช่วยได้ก็ช่วยบ้าง จะเป็นแรงกายหรือแรงทรัพย์ก็ได้ ทำเท่าที่ทำไหว ที่ผ่านมาผมมีโอกาสทำบุญอยู่บ่อยๆ หลากหลายรูปแบบ หรือถ้ามีใครมาชวนแล้วไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผม จะตอบรับเสมอ”

ก้อง-สหรัถ

เมื่อ “พี่ก้อง” ไม่รับแขก

ภาพจำของก้อง – สหรัถ ในมุมของแฟนๆ คือผู้ชายแสนดี แต่ แพรวอยากรู้ว่ามีอะไรที่ทำให้ก้องขัดใจบ้างไหม… “มีบ้าง ส่วนใหญ่ถ้าไม่พอใจอะไรหรือหงุดหงิด ผมจะนิ่งๆ ถ้าโกรธก็จะเงียบไปเลย เพราะผมกำลังหมกมุ่นครุ่นคิดเพื่อที่จะปลดและวางบางเรื่องอยู่ ซึ่งเราก็เป็นมนุษย์นะ ไม่สามารถจะวางได้ทันที จึงต้องใช้เวลา แต่บางทีเห็นเงียบๆ ไม่รับแขกก็ไม่ได้โกรธใครนะ แค่ไม่มีแรงจะพูด เหนื่อยอยู่ (หัวเราะ) อาการคือถามคำตอบคำ คนก็จะนึกว่าเราอารมณ์เสีย ความจริงน่าจะเหนื่อยหรือนอนไม่พอ

“ส่วนใหญ่เรื่องที่หงุดหงิดก็เหมือนคนทั่วไปแหละครับ ที่เราดำเนินชีวิตไปก็ต้องเจอกับเหตุการณ์หลายอย่าง คนนี้ปากเสีย คนนั้นนิสัยไม่ดี มีเหตุมากระทบใจเราให้เสียใจ โกรธ เครียด โมโห อารมณ์ไม่ดี วิธีแก้ก็คืออย่างที่บอกเมื่อรู้ตัวแล้วต้องพยายามดับให้เร็วที่สุด พยายามหาเหตุผลเพื่อจะดับอารมณ์แบบนี้เร็วๆ ไม่เก็บไว้นาน นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ทำให้ดูดีนะครับ (ยิ้ม) ถ้าจิตใจเราดี ทุกอย่างก็ดีตาม”

วันที่ “ไม่หล่อ”

เช่นกันกับเรื่องความหล่อ ดูดี ที่บางวันเจ้าตัวอาจไม่ได้เตรียมพร้อม แต่ต้องเจอกับแฟนคลับที่มะรุมมะตุ้มรุมรักพี่ก้อง “แม้วงการบันเทิงจะให้ทุกอย่างชื่อเสียงเงินทองมากมาย แต่ก็เอาชีวิตส่วนตัวเราไปเยอะ กลายเป็นชีวิตที่ต้องพร้อมเสมอ ไม่มีโอกาสได้ทำตัวสบายๆ เช่น เช้าวันหนึ่งผมยืนล้างรถหน้าบ้านโดยอยู่ในชุดนอน เป็นกางเกงบ็อกเซอร์กับเสื้อยืดขาดๆ จู่ๆ มีรถวิ่งมา เปิดกระจกลงทุกด้านแล้วมีมือถือยกขึ้นมาถ่ายรูปผมรัว ๆ กดกันแบบแชะๆๆ! โอ้โฮ…เราอยู่ในสภาพแบบนั้นน่ะ คือก็ไม่โทษเขานะ แต่นั่นทำให้รู้ว่าเราต้องพร้อมเสมอ จำไว้นะ อย่าออกมาล้างรถหน้าบ้านในชุดนี้อีก ถ้าจะออกมามึงต้องดูดีกว่านี้ (หัวเราะ)

“หรือบางครั้งเราหลับมาในรถตู้ระหว่างเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตหรือทำงานอะไรก็ตาม พอถึงที่หมาย คนขับก็ปลุก ‘ถึงละพี่’ เราเพิ่งลืมตา เก็บข้าวของสะพายกระเป๋า พอเปิดประตูจะลงจากรถปั๊บ เจอโทรศัพท์ กล้องวิดีโอ กล้องภาพนิ่งเป็นสิบตัว แล้วสภาพเราตอนนั้นเพิ่งตื่นน่ะ นึกออกไหม ตายังบวม หัวยังแบน หน้ายังไม่เข้าที่ ก็ต้องเตือนตัวเองให้จำไว้ว่าต้องพร้อมก่อนที่จะเปิดประตูรถ คือบางทีเราอาจจะไม่ได้อยู่ในสภาพย่ำแย่มาก แต่ก็เหมือนคนปกติที่ก่อนจะให้ใครถ่ายรูปก็อยากจะดูกระจก เช็กหน้าตาผมเผ้า จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางนิดหนึ่ง ไม่ใช่เปิดประตูปุ๊บแล้วโดนเลยทันที

“พูดตรงๆ ว่าบางทีเวลาเจอแบบนี้ผมอึดอัดมากนะ แต่พยายามจะเข้าใจถ้าเข้ามาขอถ่ายรูปดี ๆ เราก็ให้แหละ แค่ขอเตรียมตัวนิดหนึ่ง แต่ก็มีบางทีที่คนไม่เข้าใจ อย่างครั้งหนึ่งผมกำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่บนเวทีก็มี ‘ขอจับมือหน่อยค่ะ’ เราก็เอ๊ะ…เขาไม่เห็นหรือว่าเราเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่ ถ้าเราก้มลงไปจับมือก็ต้องหยุดเล่นกีตาร์ แล้วปากก็จะหลุดออกจากไมค์ แต่จังหวะนั้นคือเขามาทางเดียว อยากให้เราจับมือจริงๆ หรืออยากจะส่งดอกไม้ให้…คือสิ่งที่เขาส่งมาให้เป็นความรู้สึกดีล้วนๆ เลยนะ ผมเข้าใจ แต่รอให้เพลงจบก่อนไหมเราก็ต้องคอยส่งสัญญาณบอกว่ารอเดี๋ยวนะ รอให้จบเพลงหรือคอนเสิร์ตก่อน แล้วค่อยลงไปจับไม้จับมือกัน”

ก้อง-สหรัถ

เรื่องฮ็อตที่สุดที่เคยทำ

“ขอยกให้เป็นตอนที่ผมมีโอกาสไปแจมกับนักร้องคนหนึ่งที่มาร้องในรอบ Blind Audition ในรายการ The Voice ตอนนั้นเขาร้องเพลงของ AC/DC แล้วผมก็ถามเขาไปว่าร้องเพลง Black In Black ได้ไหม เขาบอกว่าได้ ผมก็เลยขึ้นไปเล่นกีตาร์แจม คนก็ตกใจมากว่า โอ้โฮ…เล่นเพลงร็อคขนาดนี้ได้ด้วยเหรอ! กลายเป็นว่าตั้งแต่นั้นจะมีสาวกที่เป็นนักดนตรีเข้ามาหาผมเยอะเลย แบบเฮ้ย! พี่ก้อง ผมชอบพี่เล่นกีตาร์มากเลย ดีจัง ดูพี่เล่นใน The Voice แล้วชอบซึ่งความจริงก็เป็นอย่างที่บอกว่าผมเล่นเพลงเหล่านี้ (คลาสสิกร็อค) ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยมีโอกาสขึ้นโชว์ที่ไหน คนจึงไม่มีโอกาสเห็นตอนที่เราเป็นเราจริง ๆ ในความรู้สึกผมวันนั้นก็คือแค่ขึ้นไปแจม เหมือนเราไปเที่ยวบาร์แล้วมีเพื่อนรุ่นพี่เรียกขึ้นไป เป็นโมเมนต์หนึ่งเท่านั้น แต่ด้วยความที่คนไม่เคยเห็นเลยตื่นเต้นกัน แต่ผมก็ประทับใจนะ รู้สึกดีและรู้สึกว่า อ๋อ…เพิ่งรู้กันละสิ” (หัวเราะ)

มุกเด็ดเอาชนะใจสาว

“ทำอาหารให้กินดีไหม…ผมทำอร่อยนะ ไม่ได้คุยนะเนี่ย (หัวเราะ) แค่โม้ให้ฟังเฉยๆ ว่าผมทำกับข้าวเก่ง ขึ้นอยู่กับว่าชอบหรืออยากกินอะไร จะอาหารฝรั่งหรืออาหารไทย ผมทำได้หมด อาหารญี่ปุ่นเหรอ…ก็ไม่มีอะไรมากนี่ (แกล้งเน้นเสียง) เน้นของสดแล้วก็จิ้มซอส แค่เลือกวัตถุดิบให้ดี ผมว่าอาหารญี่ปุ่นเป็นงานอาร์ตมากกว่า ต้องจัดวางให้สวย อาหารไทยนี่แหละ ยากสุดแล้วเพราะวุ่นวาย เครื่องก็เยอะ สเต็ปก็มาก เมนูเด็ดผมคือแกงเขียวหวาน กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ก็ได้ หรือถ้ากินกับโรตียิ่งแจ๋วเลย อร่อยมาก (หัวเราะเสียงดัง) เคล็ดลับคือ ซื้อเครื่องแกงดี ๆ จากร้านเด็ด อย่าเผ็ดมาก แล้วก็ใส่เครื่องให้เต็มที่ผมใช้แต่หัวกะทิอย่างเดียว ไม่ใส่หางกะทิ แล้วเคี่ยวให้แตกมัน จะเป็นแกงเขียวหวานที่รสชาติจัดจ้าน แต่ไม่เผ็ดและหอม อยากชิมเหรอ…เดี๋ยววันหลังทำให้กินนะ” (ยิ้มละมุน)


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 954

Praew Recommend

keyboard_arrow_up