ถึงแม้ว่าบทบาททางการเมืองของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะลดลง นับตั้งแต่ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยลดเลย ไม่ว่าจะเป็นวันที่มีความสุขหรือความทุกข์ก็คือบทบาทของ “คุณพ่อ” โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “คุณอภิสิทธิ์” ได้ไปให้กำลังใจลูกสาว “น้องปราง” ในงานนิทรรศการศิลปกรรม คัลเลอมี ที่จัดขึ้น ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งใบหน้าของอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองคนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส แตกต่างจากภาพที่ได้เห็นในสภาบ่อยๆ
ล่าสุด “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย ได้ออกมาเปิดเผยชีวิตภายหลังจากการประกาศสละตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ซึ่งก็ทำให้ได้เห็นมุมความสุขนอกสภา ที่ใครๆ ก็เรียกเขาว่า #พี่มาร์คทาสแมว
ชีวิตหลังจากอำลาตำแหน่ง
เหตุผลลึกๆ ที่ตัดสินใจลาออกคืออะไร ?
“สำหรับการตัดสินใจลาออกก็ไม่มีอะไรลึกลับเลย ทุกอย่างเปิดเผย แถลงตรงไปตรงมา เพราะเราไม่สามารถประสบความสำเร็จในการนำพาองค์กรไปได้ แล้วผมก็ประกาศชัดตอนเลือกตั้งว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. ไม่ถึง 100 คน ในฐานะหัวหน้าพรรค ผมก็ต้องรับผิดชอบ คืนวันที่ 24 มีนา เห็นชัดอยู่แล้วว่าไม่ถึง ผมจึงตัดสินใจลาออกเลย นั่นเป็นเหตุผลประการแรก ประการที่สองที่ออกจาก ส.ส. ก็ชัดเจนอีกเช่นกัน ว่าเมื่อพรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาล ผมก็ผิดคำพูดกับประชาชนไม่ได้ ผมก็ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องออกจาก ส.ส. เช่นเดียวกัน”
24 แถลง ตื่นเช้าวันที่ 25 ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ?
“ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ จริงๆผมก็ตกงานตั้งแต่ปฏิวัติแล้ว ไม่ต้องไปประชุมแล้ว ผมก็อยากจะพัก ทำการเมืองมาตั้งแต่อายุ 27 ถึงตอนนี้ 27-28 ปี ก็ไม่ได้หยุด เพราะงานการเมืองมันไม่ได้หยุดอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสพักผ่อน”
ตอนนี้นอกจากเลี้ยงแมวแล้ว อย่างอื่นทำอะไรอีกบ้างไหม ?
“ก็มีงานค้างอยู่บ้าง เช่นรับงานบรรยาย มีงานสังคมที่เรายังต้องไปอยู่ ถ้าอยู่บ้านก็อ่านหนังสือ ติดตามข่าว ฟังเพลง”
เจ้าของแฮชแท็ก #พี่มาร์คทาสแมว
เห็นว่าเมื่อก่อนทำงานเพื่อสังคม เดี๋ยวนี้ทำงานเพื่อแมวจนได้ฉายา “พี่มาร์คทาสแมว” ?
“ที่จริงมันไม่ใช่ทาสแมวนะ มันเป็นทาสของทาสแมว เริ่มจากลูกสาวผมเขาเลี้ยงแมวอยู่สองตัว ซื้อมาอีกตัวเป็นสามตัว ผมนี่เฉยๆ ไม่ได้ชอบแมว แต่เขามีบ้านแยกอยู่นะ พอลูกสาวไปเรียนต่างประเทศเลยฝากให้ช่วยดู ระหว่างนั้นมันก็ออกลูก ออกหลานมาเป็น 26 ตัว พันธุ์สก๊อตติช โฟลด์ ที่มารับดูแลแมวเพราะลูกสั่ง เลยเป็นทาสของทาสแมวอีกที”
นิยามความสุขคือครอบครัว
มีวิธีในการหาความสุขให้กับตัวเองอย่างไรบ้าง ?
“อยู่กับครอบครัว ได้พักผ่อนก็มีความสุขแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเพิ่งพาครอบครัวไปเที่ยวบาหลี ไม่ได้เที่ยวต่างประเทศด้วยกันนานแล้ว”
นอกจากฉลาดแล้ว เป็นผู้ชายโรแมนติกด้วยไหม ?
“ต้องถามภรรยาผม แต่ผมเป็นคนมีความสุขกับการอยู่กับครอบครัว อยู่ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก มียุคหนึ่งที่เขาบอกว่าต้องใช้เวลาอย่างมีคุณภาพอยู่กับครอบครัว คนหนึ่งจะเล่นเกม จะอ่านหนังสือ มีอะไรก็ตะโกนคุยกัน ผมพูดมาตลอดว่าชีวิตที่ผมอยากจะใช้คือผมทำงานที่ผมชอบ แล้วผมก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น”
พูดไม่หวาน แต่เทศกาลก็จะส่งดอกไม้ให้ภรรยา แต่ทำไมถึงไม่เอาช่อดอกไม้นั้นไปมอบให้กับภรรยาเองด้วย ?
“มอบให้ครับ วันสำคัญๆ อย่างวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน เราจะออกไปซื้อเองก็ไม่ได้ เราจะไปซื้อมาเก็บมาซ่อนก่อนก็ไม่ได้ เราก็ต้องโทรไปสั่ง แล้วก็บอกให้มาเช้าที่สุด เราอยากจะให้ก่อนไปทำงาน”
ไม่ทำให้ภรรยาเป็นกังวล เพราะถือคตินโยบายโปร่งใส
สมัยก่อนเป็นผู้ชายที่ฮ็อตมาก ?
“ไม่หรอก อย่างที่บอกว่าแต่ก่อนผมเป็นคนเงียบๆ ไม่ใช่คนเที่ยวอะไรมากมาย คนส่วนใหญ่มองว่าจริงจัง เพื่อนๆ แซวว่าจะมีชีวิตวัยรุ่นอย่างเขาบ้างไหม ผมเริ่มเข้ามาช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ชอบติดตามศึกษางานไปดูการปราศรัย ตั้งแต่เด็กๆ ไปนั่งฟังอยู่ในสภา”
เห็นว่าเคยมีนักศึกษาเอาการ์ดวาเลนไทน์มาให้พี่มาร์คด้วย ?
“ก็รับมา แต่ไม่รู้ว่าใคร”
แล้วพี่เอาการ์ดนั้นไปให้ภรรยา ?
“นโยบายโปร่งใสครับ”
มีมุมมองอย่างไรเกี่ยวกับสามีภรรยาเรื่องการซื่อสัตย์ ความไว้วางใจ ในเรื่องของการใช้ชีวิต ?
“คนสองคนที่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมันก็ต้องมีความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน”
เคยติดงานเยอะมาก แล้วภรรยาและลูกว่าอย่างไรบ้าง ?
“ภรรยารู้ตั้งแต่เป็นแฟนกันแล้วว่าผมจะทำงานการเมือง พ่อเขาก็เคยลงสมัคร ส.ส. ลูกผมคนแรกเกิดมาผมก็เป็นนักการเมืองแล้ว ผมก็พยายามแบ่งเวลา บริหารเวลา เวลาว่างก็อยู่กับครอบครัว”
มีวิธีการเติมเต็มความรักให้กับครอบครัวอย่างไรบ้าง ?
” ความรักเกิดจากตัวเราเอง คนมีความรักมันก็ต้องมีความห่วงใยกัน ใส่ใจกัน ให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน”
บางทีก็ยากในมุมของผู้บริหารประเทศด้วย เป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย ?
“ผมว่ายากทุกอาชีพ ครอบครัวเดี๋ยวนี้ทั้งสองคนต้องทำงาน อาจไม่เหมือนสมัยก่อนๆโน้น คนหนึ่งอยู่บ้าน คนหนึ่งทำงาน ต่างคนต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบ มันคงยากขึ้นในการจัดการ แต่เรื่องการบริหารเวลามันไม่สำคัญเท่ากับเรื่องจิตใจที่มีให้กัน”
เพื่อนนายกอังกฤษคนใหม่ “บอริส จอห์นสัน”
เห็นว่าเพื่อนสนิทคือนายกอังกฤษคนใหม่ “บอริส จอห์นสัน” ด้วย เคยคิดไหมคนหนึ่งเป็นอดีตนายกเมืองไทย อีกคนจะเป็นนายกอังกฤษ ?
” ผมไม่รู้เขาคิดรึเปล่า แต่บอริสเป็นคนเรียนเก่งอยู่แล้ว เพื่อนๆ ชื่นชอบ เขาก็เป็นหัวหน้านักเรียนค่อนข้างที่จะโดดเด่น ผมก็รู้จักกับเขาน่าจะตั้งแต่ไฮสคูล ก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เคมบริดจ์ จะประมาณ พฤศจิกายน – ธันวาคม พอสอบเสร็จแล้ว กว่าจะไปเข้าเรียนจะเป็น กันยายน – ตุลาคม มีเวลาว่างอยู่ 9-10 เดือน เขาก็ไปออสเตรเลีย อาจจะไปเที่ยวด้วย สอนหนังสือเด็กด้วย เขาก็แวะเมืองไทยมาพักบ้านผมอยู่สองอาทิตย์ แล้วก็กลับออกซ์ฟอร์ด แต่ตอนกลับไปก็ไม่ค่อยได้เจอกัน เขาจะอยู่กับเด็กที่เล่นการเมืองพรรคอนุรักษ์นิยม ผมจะอยู่กันคนละฝ่าย เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ในหน้าที่การงานผมเคยเจอเค้าตอนเป็นนายกเทศบาลลอนดอน ซัก 2 ปีที่แล้ว ตอนเขาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเขาก็มาที่ไทยก็นัดเจอกัน เราแซวว่าจะเป็นนายกหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเดี๋ยวได้เป็นแล้ว เพราะเขาช้ากว่าผมไป 10 ปี แต่เขาก็ได้เป็นจริงๆ”
อยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เด็กๆ
มีคนเล่าให้ฟังว่ามีความตั้งใจว่าอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เด็กๆ?
“คือเราอยากทำงานการเมือง เราไม่รู้ว่าทำจริงแล้วทำได้ไหม แต่ตั้งใจจะทำงานการเมืองตั้งแต่เด็กจริงๆ ตัดสินใจเรื่องการเรียนก็คิดถึงว่ากลับมาอยากจะทำงานการเมือง กลับมาก็เป็นอาจารย์อยู่ ปี 2 ปี ตอนเข้าไปสมัครเป็นอาจารย์ก็บอกเขาว่ามีเลือกตั้งเมื่อไหร่ ผมลาออกไปสมัคร ส.ส. นะ”