นางสาวไทย

ตำนานมงลง! ย้อนชม 14 นางสาวไทย งามอย่างมีคุณค่าบนหน้านิตยสารแพรว

Alternative Textaccount_circle
นางสาวไทย
นางสาวไทย

นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 “นางงาม” ได้กลายเป็นเรื่องราวที่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หรือบนเวทีการประกวดใด ก็จะกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์อยู่เสมอ ซึ่ง “นางสาวไทย” นับเป็นการประกวดนางงามเวทีเก่าแก่ หากไม่นับรวมการเปลี่ยนชื่อจาก “นางสาวสยาม” มาเป็น “นางสาวไทย” แล้วล่ะก็ จะเรียกว่าเป็นการประกวดนางงามเวทีแรกของประเทศไทยเลยก็ได้

สำหรับในปีนี้ที่กระแสนางงามยังคงมาแรงเว่อร์ แถมประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ด้วย แพรวดอทคอมจึงอยากจะพาไปย้อนชมตำนานแห่งความงามของวงการนางงามกันสักหน่อย กับความสวยสง่าแบบเอ็กซ์คลูซีฟของเหล่านางสาวไทยในยุคบุกเบิก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยรวมตัวกันเพื่อมาอวดโฉมบนหน้านิตยสารแพรวเท่านั้น

 

อาภัสรา หงสกุล

นางสาวไทย
อาภัสรา หงสกุล นางสาวไทยปี พ.ศ. 2507 และนางงามจักรวาลปี พ.ศ. 2508

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2507 ประเทศไทยได้มีโอกาสต้อนรับนางสาวไทยคนที่ 14 หลังจากการหยุดการประกวดนางสาวไทยไปนานถึง 10 ปีเต็ม และถัดจากวันนั้นไปอีกเกือบปี น.ส. อาภัสรา หงสกุล ก็คว้าตำแหน่งสาวงามที่สุดในโลกมาให้คนไทยทั้งประเทศชื่นชม


 

จีรนันทน์ เศวตนันทน์

นางสาวไทย
จีรนันทน์ เศวตนันทน์ นางสาวไทยปี พ.ศ. 2508 และรองนางงามจักรวาลอันดับ 2 ปี พ.ศ. 2509

เล็ก-จีรนันทน์ เศวตนันทน์ เป็นนางสาวไทยปี 2508 โดยก่อนหน้าที่จะมาประกวด เธอเดินทางไปศึกษาต่อที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 20 ปี และอีก 4 ปีต่อมา พล.ต.ต.จรุง เศวตนันทน์ ซึ่งเป็นคุณพ่อได้เขียนจดหมายเรียกตัวลูกสาวกลับเมืองไทย เพื่อมาประกวดนางสาวไทยในนามของราชตฤณมัยสมาคม หลังจากนั้นชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป เมื่อพาเรือนร่างสูง 5 ฟุต 6 นิ้ว และสัดส่วน 36-24-36 ชนะใจกรรมการ ได้ตำแหน่งนางสาวไทยไปครอง และบนเวทีนางงามจักรวาล เธอกลับเมืองไทยโดยพ่วงตำแหน่งรองอันดับ 2 ติดไม้ติดมือกลับมา


 

ประภัสสร เทียนสุวรรณ

นางสาวไทย
ประภัสสร (พานิชกุล) เทียนสุวรรณ นางสาวไทยปี พ.ศ. 2509

เส้นทางการเป็นนางงามของเธอเริ่มจากไปแต่งหน้าให้ผู้เข้าประกวดนางงามบ้านหมี่ สุดท้ายปรากฏว่าเธอกลายเป็นนางงามบ้านหมี่เสียเอง จึงเป็นตัวแทนจังหวัดลพบุรีมาประกวดนางสาวไทย และได้เป็นนางสาวไทยประจำปี 2509 แต่ไม่ได้ไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส เพราะอายุยังไม่ถึง 18 ปี


 

สาวิณี ปัจฉิมสวัสดิ์

นางสาวไทย
สาวิณี (ประการะนัง) ปัจฉิมสวัสดิ์ นางสาวไทยปี พ.ศ. 2527

เอ๋-สาวิณี ปัจฉิมสวัสดิ์ นางสาวไทยปี 2527 อดีตธิดาโดม แอลเอ และนักกีฬาว่ายน้ำของ Temple City High School ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงของการเข้าร่วมประกวด คือ คิดถึงเมืองไทย เธอจึงคิดว่ามาประกวดคราวนี้ได้หรือไม่ได้ก็ยังได้มาเที่ยวเมืองไทยกับคุณแม่ หลังประกวดนางงามจักรวาลซึ่งเธอผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย ได้กลับมาเป็นนักเรียนอีกเพียงปีกว่าก็ตัดสินใจร่วมชีวิตกับ กัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ ซึ่งเข้ามาทำความรู้จักกันตั้งแต่เธอเป็นนางสาวไทยหมาดๆ


 

ทวีพร สิงหะคเชนทร์

นางสาวไทย
ทวีพร (คลังพลอย) สิงหะคเชนทร์ นางสาวไทย พ.ศ. 2529

เธอเป็นนางสาวไทยที่มีผิวเนียนผ่อง ร่างสูง ดูสวยสง่า แต่คงเป็นเพราะเธอถ่ายรูปไม่ขึ้น เมื่อได้รับตำแหน่งนางสาวไทยปี 2529 จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวบ้านร้านตลาดว่าทวีพรยิ้มไม่สวยบ้าง ทวีพรใส่ฟันปลอมบ้าง แต่แล้วเสียงต่างๆ ก็จางหายไปในที่สุด หลังการประกวดเธอนั่งประจำอยู่ที่ร้านเอสแอนด์พี (สาขาทองหล่อ) ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ส่งให้เธอได้ตำแหน่งครั้งนี้ ต่อมาไม่นานเธอก็ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของบริษัทการบินไทย อันเป็นอาชีพในฝันของหญิงสาวทั้งหลาย


 

ชุติมา นัยนา

นางสาวไทย
ชุติมา นัยนา นางสาวไทยปี พ.ศ. 2530

ชุติมา นัยนา หรือชื่อจริงว่า อุมาพร นัยนานนท์ นางสาวไทยปี 2530 ที่แสนซน ฉลาด ปราดเปรียว และช่างพูดเป็นที่หนึ่ง ทำให้ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนางสาวไทยอยู่นั้น เธอได้รับตำแหน่งประชาสัมพันธ์ชั่วคราวของบริษัทสบู่ปาล์มโอลีฟด้วย แทนที่จะเป็นแค่ตัวแทนแจกสบู่เหมือนสาวงามปีก่อนๆ


 

ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก

นางสาวไทย
ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก นางสาวไทยและนางงามจักรวาลปี 2531

หลังจากสวมมงกุฎนางสาวไทยได้ไม่นาน ในปีเดียวกัน (พ.ศ. 2531) ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์ ก็ได้ครองตำแหน่งนางงามจักรวาลคนที่ 2 ของประเทศไทยควบคู่ไปด้วย ทำให้ยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นลูกเล็กเด็กแดงหรือผู้ใหญ่ต่างก็คลั่งไคล้ “พี่ปุ๋ย” กันเหลือเกิน


 

ยลดา วจีไกรลาศ

นางสาวไทย
ยลดา (รองหานาม) วจีไกรลาศ นางสาวไทยประจำปี 2532

ยลดา วจีไกรลาศ นางสาวไทยประจำปี 2532 เธอเข้าร่วมประกวดเพียงเพราะอยากใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมให้เกิดประโยชน์ด้วยการหาประสบการณ์ใหม่ๆ และไม่เคยคาดคิดเลยว่าตัวเองจะได้ตำแหน่งใดๆ แต่ในการประกวดครั้งนั้นเธอกลับได้ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพไปครองอีกด้วย


 

ภัสราภรณ์ ชัยมงคล

นางสาวไทย
ภัสราภรณ์ ชัยมงคล นางสาวไทยปี พ.ศ. 2533

นางสาวไทยปี 2533 ในขณะที่กำลังจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เธอได้เข้าประกวดนางสาวไทยด้วยแรงเชียร์จากเพื่อนๆ และต้องการหาประสบการณ์ให้กับตัวเอง ทำให้ปีนั้นกลายเป็นปีที่ดีที่สุดอีกปีหนึ่งในชีวิตเธอ เพราะได้เป็นทั้งบัณฑิตและนางสาวไทย


 

จิระประภา เศวตนันทน์

นางสาวไทย
จิระประภา เศวตนันทน์ นางสาวไทยปี พ.ศ. 2534

เธอคว้าตำแหน่งนางสาวไทยประจำปี 2534 เพราะความคมเข้มแบบไทยแท้ๆ เรียกว่าไม่เสียชื่อดีกรีหลานสาวรองนางงามจักรวาล ซึ่งหลังพ้นจากตำแหน่ง เธอแบ่งเวลาให้กับการทำงานประจำในช่วงกลางวันและสานต่อการเรียนในช่วงกลางคืน ก่อนจะเหินฟ้าไปศึกษาต่อที่เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา


 

อรอนงค์ ปัญญาวงศ์

นางสาวไทย
อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ นางสาวไทยปี พ.ศ. 2535

เพราะความสามารถในเชิงนาฏศิลป์ที่ร่ำเรียนมาจากวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ อรอนงค์หรือที่เธอเรียกแทนตัวเองว่า “น้องอร” จึงสามารถคว้าตำแหน่งนางสาวไทยประจำปี 2535 มาได้ด้วยท่ารำสาวไหมอันลือชื่อ และเธอยังเป็นนางสาวไทยเพียงคนเดียวที่โชคดี มีโอกาสเข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สในเมืองไทย เพราะปีนั้นกองประกวดเข้ามาจัดการประกวดที่บ้านเราพอดี


 

ฉัตรฑริกา อุบลศิริ

นางสาวไทย
ฉัตรฑริกา อุบลศิริ นางสาวไทยปี พ.ศ. 2536

นางสาวไทยปี 2536 ที่มากับดวง ไม่ใช่ว่าเธอไม่สวย แต่เพราะตั้งแต่เริ่มสมัครเข้าประกวด ชื่อเล่นว่า “ปุ๊ก” ของเธอก็ไปพ้องกับ ปุ๊ก-อาภัสรา ทำให้ใครหลายคนอดหันมามองไม่ได้


 

อารียา สิริโสภา

นางสาวไทย
อารียา สิริโสภา นางสาวไทยปี พ.ศ. 2537

หลังจากได้รับตำแหน่งผู้หญิงสวยที่สุดในประเทศไทยเมื่อปี 2537 แล้ว ป๊อป-อารียา ก็สวยวันสวยคืน เรียกว่าไม่เคยเห็นนิตยสารผู้หญิงเล่มไหนยังไม่มีเธอคนนี้ขึ้นปกเลย นอกจากงานสวยๆ งามๆ แล้ว เธอยังมีงานที่ต้องใช้สติปัญญาและความสามารถอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนหนังสือ งานพิธีกร หรือได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์พิเศษ


 

ภาวดี วิเชียรรัตน์

นางสาวไทย
ภาวดี วิเชียรรัตน์ นางสาวไทยปี พ.ศ. 2538

“มะปราง” หรือ “ซูซานน่า” นางสาวไทยปี 2538 อดีตธิดาโดม แอลเอ ที่สามารถพูดได้ถึง 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และสเปน เพราะครอบครัวของเธอไปตั้งหลักปักฐานเปิดร้านอาหารไทยอยู่ในมหานครลอสแองเจลิส ตั้งแต่เธออายุได้ 4 ขวบ


 

ขอบอกเลยว่าเป็นภาพที่หาดูได้ยากจริงๆ แถมแต่ละคนก็ยังทั้งสวยและมีความสามารถไม่น้อยหน้าไปกว่านางงามรุ่นใหม่ๆ เลยทีเดียว

 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 409 วันที่ 10 กันยายน 2539

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up