กองเชียร์เตรียมป้ายไฟให้พร้อม ชมพู่ กำลังเจรจางานชิ้นแรกให้ลูกแฝด

แฟนคลับ 2 หนุ่ม สายฟ้า และ พายุ เตรียมป้ายไฟรอเชียร์ได้เลย ชมพู่ -อารยา เผยมีการทาบทามติดต่องานบ้างแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นเจรจาด้านคุณพ่อ น็อต ซึ่งยกให้เป็นหน้าที่แม่ตัดสินใจ

6 ก.พ.นี้จะครบรอบ 5 เดือนแล้วสำหรับสองหนุ่มน้อย สายฟ้า และ พายุ ทายาทของนางเอกสาว ชมพู่ –อารยา กับ น็อต-วิศรุต รังสีสิงห์พิพัฒน์ ล่าสุดในงาน 2018 Samsung Digital Appliances ซึ่งจัดขึ้นที่ ห้องคริสตัล บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ถ. วิทยุ ดาราสาวได้อัพเดทชีวิตในแบบฉบับคุณแม่ให้ได้ฟังกัน พร้อมยังเผยข่าวดีว่าลูกชายฝาแฝด สายฟ้า และ พายุ อาจจะมีผลงานชิ้นแรกออกมาให้ได้เห็นกันในเร็วๆนี้ด้วย

ชีวิตคุณแม่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

“ตอนนี้ก็รู้สึกลงตัวขึ้น แต่คงไม่ลงตัวร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ชีวิตเราไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว ก็รู้สึกว่ามันคล่องตัวมากขึ้น มันสนิทกันแล้ว อีกอย่างวันที่ 6 ก.พ.นี้จะคบ5 เดือนเต็ม ในส่วนของเรื่องพัฒนาการนั้นทั้งสองคนจะต่างกัน ถึงแม้จะเกิดมาพร้อมกันเป็นแฝด จะมีคนนี้ทำอย่างนี้ได้ คนนี้ก็จะนำอีกเรื่องนึงก็ไม่เหมือนกัน แปลกมาก หลักๆก็คือจำสมาชิกในบ้านได้ เล่นมากขึ้น ห่วงเล่น ไม่ยอมนอน สายฟ้า ก็แสบ ส่วนพายุ ก็สมชื่อ ส่วนมากเขาจะนิ่งๆ เวลา พายุเข้าก็แรงอยู่”

ส่วนตัวติดลูกไหม?และระหว่างพ่อ-แม่เขาสองคนติดใครมากกว่ากัน?

“ติดมากค่ะ แอบนอยด์ว่าหายไปนานลืมหน้าเรารึยัง มันจะมีห่วง ตอนนี้ไม่กล้าไปไหนนาน สำหรับที่ว่าลูกติดใครมากกว่ากันก็อยากจะบอกว่าไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ ติดแม่มากกว่า แต่เวลาเขาได้ยินเสียงพ่อก็รู้ว่า ต้องอ้อนใส่ พ่อก็จะชื่นใจ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีคาแรคเตอร์คนละแบบค่ะ”

 คุณพ่อดูประคบประหงมมาก?

“ไม่ค่อยนะ เขาอยากให้ลูกเขาลุยๆ แมนๆ แต่ถ้าเราจะซอฟท์มากกว่า จะใช้ความนุ่นนวล เพราะเราเป็นผู้หญิง ถึงลูกเราเป็นผู้ชาย ก็อยากให้เขามีมุมอ่อนโยน” ออกนอกบ้านมากขึ้นไหม? “มากขึ้นค่ะ กลายเป็นเด็กติดเที่ยวค่ะ สมมุติว่า หยิบเป้ หรือ รถเข็นออกมา เขาก็รู้ว่า ได้ออกข้างนอก ก็ดีใจ ตีขา หรือบางทีแต่งตัวให้เขาเสร็จแต่ไม่พาเขาออกซักที เขาก็จะร้อง เหมือนว่าทำไมยังไม่ออก”

ด้วยความที่คุณแม่เป็นแฟชั่นนิสต้า เลยอยากรู้ว่า 2 หนุ่มชอบให้แต่งตัวให้ไหม?

“เพื่อนๆ เอ็นดูเยอะ ส่วนใหญ่ซื้อของมาฝาก น้าๆทั้งหลายอยากให้ใส่ที่ซื้อมา ส่วนตัวชมเองเพิ่งจะมาเริ่มสนุกกับการแต่งตัวเขาช่วงหลังๆ เพราะช่วงแรก เขาเล็กมาก เราเน้นเรื่องความสบายเป็นหลักมากกว่าเพราะว่าไปถมเขามาก เด็กก็ไม่สบายตัว ยังไงก็ต้องนึกถึงหลักความเป็นจริงว่าเด็กยังไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ว่ามันเท่ ไม่เท่ ก็ต้องให้เขาสบายด้วย”

จากนั้นเมื่อถามว่า มีดราม่า ภาพที่เราอุ้มน้องในลิฟต์ หลายคนเข้ามาติงว่าดูไม่ถนอมลูกเลย?

“มีคนเล่าให้ฟังแล้วค่ะ แต่ชมไม่ได้ไปตาม พอมีลูกเราก็ยิ่งไม่มีเวลาเลย คือเป็นดาราต้องทำใจเนอะ เพราะจะมีคนช่วยเลี้ยงลูกเยอะมาก ถ้าด้วยความเป็นห่วงก็ขอบคุณค่ะ แต่ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ อะไรหลายๆ อย่างเราจะรู้จังหวะเขา รู้ว่าเขาชอบอะไร ลูกชมสองคนยังต้องอุ้มไม่เหมือนกันเลย เขาชอบอะไรไม่เหมือนกันเลย แต่ก็ขอบคุณทุกคนค่ะ”

ทุกวันเวลาหมดไปกับการเลี้ยงลูก ถ้าอย่างนั้นกับสามียังมีเวลาสวีทกับคุณพ่อมากขึ้นไหม?

“คือมันไม่เหมือนเดิมจริงๆ นะ เราต้องยอมรับ แต่มันก็เป็นความสุขอีกอย่าง จากที่เคยเป็นเรื่องของเราสองคน แต่ตอนนี้เราต้องมาคุย มาแชร์เรื่องลูก วันๆ ก็ส่งแต่รูปและคลิปลูก จากที่เมื่อก่อนเคยพูดถึงแต่เรื่องของตัวเองกัน มันก็จะเปลี่ยนไปอีกรูปแบบ มีลูกแล้วมันดีจริงๆ คือช่วงแรกๆ ชมไม่ได้ไปไหนเลยและไม่กล้าไปไหนไกล แต่ที่เห็นว่าชมไปไหน คือเราต้องรีบไปแล้วรีบกลับบ้าน ก็ต้องออกจากบ้านบ้างไม่นั้นจะเป็นบ้าตาย แต่ไม่กล้าไปไหนไกล ส่วนดินเนอร์ก็เพิ่งจะมีออกช่วงหลังๆ เพราะเราติดเอาลูกเข้านอน อยากเป็นคนที่เอาเขาเข้านอนและไม่อยากจะไปไหน”

แต่พี่น็อตเข้าใจไหม?

“เขาก็เข้าใจนะ แต่ก็ชวนเราตลอด เผื่อเราเปลี่ยนใจไป คือพอถึงจุดนึงเราจะเบาๆ ลงเอง ก็มีเริ่มออกไปบ้าง ถ้าใครมานัดก็จะนัดแถวบ้าน ยอมเห็นแก่ตัว ฉันจะไม่ยอมไปถิ่นใคร เพราะเรามีลิมิตแค่ 3 ชั่วโมงต้องกลับฐาน ส่วนเรื่องงานก็มีรับบ้าง เป็นลักษณะพรีเซ็นเตอร์บ้าง แต่ละครคงพักก่อนเพราะไม่ไหวจริงๆ สำหรับแม่ลูกอ่อน”

เห็นว่ามีคนติดต่อให้น้องแฝดออกงาน?

“ถ้ามีแล้วจะไปไหม(หัวเราะ) เดี๋ยวเราอัพเดตแล้วกัน ก็มีติดต่อมาบ้างค่ะ แต่อยู่ช่วงเจรจา จริงๆ ถ้าเป็นงานตรงนี้คุณน็อตเขาจะให้ชมดูแลและตัดสินใจ เพราะด้วยความที่เราเป็นแม่และอยู่ในวงการนี้ เราจะรู้ว่าเหมาะสมแค่ไหน เราจะรู้ว่าเด็กถ้ามาทำงานจะต้องเผชิญอะไรบ้างค่ะ”