ในโลกแห่งเครื่องประดับชั้นสูง มีเพียงไม่กี่ชิ้นที่สามารถกลายเป็นตำนานได้ และ Bird on a Rock ของ Jean Schlumberger คือหนึ่งในนั้น ปี 2025 นี้ Tiffany & Co. ได้เผยโฉม Bird on a Pearl คอลเล็คชั่นเครื่องประดับสุดวิจิตรที่นำไข่มุกน้ำเค็มธรรมชาติอันหายาก มาผสานเข้ากับดีไซน์เหนือกาลเวลา ภายใต้การนำของ Nathalie Verdeille Chief Artistic Officer แห่ง Tiffany & Co.
จากตำนานสู่บทใหม่ของความงดงาม
Bird on a Pearl ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับ แต่เป็นบทพิสูจน์ถึงความเป็นเลิศทางศิลปะของ ทิฟฟานี่ แอนด์ โค โดยยังคงจิตวิญญาณแห่ง Jean Schlumberger ไว้อย่างครบถ้วน นกตัวจิ๋วที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาถูกนำมาถ่ายทอดใหม่ ให้โฉบเฉี่ยวขึ้น ล้ำลึกขึ้น และที่สำคัญคือผสานเข้ากับไข่มุกน้ำเค็มธรรมชาติที่ได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถันจาก Hussein Al Fardan นักสะสมไข่มุกระดับโลกจากภูมิภาคอ่าวอาหรับ ซึ่งมีคลังไข่มุกธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Bird on a Pearl ไม่ใช่แค่คอลเล็คชั่นเดียว แต่เป็นจักรวาลของแรงบันดาลใจที่ถูกแบ่งออกเป็นบทต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนธรรมชาติและงานออกแบบใน archive ของ Jean Schlumberger ได้แก่
Acorn & Oak Leaf – ดีไซน์ที่นำความสง่างามของธรรมชาติมาสู่เครื่องประดับ สร้อยคอและต่างหูชุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากลูกโอ๊กและใบโอ๊กอันวิจิตร โดยมีไข่มุกน้ำเค็มธรรมชาติเป็นหัวใจหลัก เติมเต็มด้วยงานฝังเพชรสุดประณีต
คอลเล็คชั่น 2025 Bird on a Pearl เป็นมากกว่าความงาม แต่คือการหลอมรวมกันของงานศิลปะและธรรมชาติในระดับที่หาใครเทียบได้ โดยแต่ละชิ้นเป็นผลงานมาสเตอร์พีซที่สะท้อนถึงจุดสูงสุดของความเชี่ยวชาญของ ทิฟฟานี่ แอนด์ โคไม่ใช่เพียงเครื่องประดับที่ประดับกาย แต่คือบทกวีที่บอกเล่าเรื่องราวของไข่มุกอันหายาก ผ่านการออกแบบที่งดงามเหนือกาลเวลา นี่คือ Bird on a Pearl มรดกแห่งงานศิลป์ที่ถูกตีความใหม่ ให้สง่างามและเป็นอมตะไปอีกนานเท่านาน
เปิดที่มายูนิฟอร์ม “น้องมุก” หรือ “ลิซ่า” ใน The White Lotus Season 3 ใช้ผ้าจากแบรนด์ไทย! “จิม ทอมป์สัน” อวดลวดลายผ้าสุดไอคอนิกโลดแล่นในซีรีส์ระดับโลก
หลังจากที่ออนแอร์ไปแล้ว 2 อีพี น้องมุก ที่รับบทโดย ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกจากเมืองไทยที่ได้มาโลดแล่นอยู่บนซีรีส์ The White Lotus Season 3 ด้วยความเป็นลิซ่าหยิบจับอะไรก็เป็นกระแส และแน่นอนว่าอีกหนึ่งทอปปิกที่ใครก็สนใจคือเสื้อผ้าที่ลิซ่าใส่ในซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งวงในวงการแฟชั่นเล่าว่าลิซ่าไม่ได้เพียงรับบทที่สำคัญใน ซีรีส์แต่ยังสวมใส่ชุดที่เสนอศิลปะที่มีเรื่องราวไม่ธรรมดาอยู่เบื้องหลัง แฟนซีรีส์หลายคนคงจะสะดุดตากับลายเสื้อบนยูนิฟอร์ม น้องมุกในบทพนักงานโรงแรม The White Lotus Thailand
พบกับความเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ แบรนด์ “TOM FORD” ที่เปิดตัวช็อปในคอนเซปต์ใหม่ สาขาแรกของประเทศไทย ณ “Beauty Garden” สยาม ทาคาชิมายะ โดยผนวกรวมผลิตภัณฑ์บิวตี้และอายแวร์เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมพื้นที่ให้คำปรึกษาส่วนตัวจาก Tom Ford Specialist และยังเปิด Runway Table Animation เป็นครั้งแรก เพื่อมอบประสบการณ์ The World of Tom Ford อย่างแท้จริง ด้าน “LA MER” นำเสนอประสบการณ์การช็อปปิงสุดหรูหราด้วยการออกแบบช็อปที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความงามของมหาสมุทร พร้อมเชิญสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ Spa de La Mer ห้องทรีตเมนต์ที่จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายขั้นสูงสุด ด้วยบรรยากาศและเทคนิคการนวดอันเป็นเอกลักษณ์ของ La Mer และอีกหนึ่งแบรนด์ที่ไม่อยากให้พลาดคือ “JO MALONE” ที่รังสรรค์คอนเซปต์ร้านใหม่เพื่อตอกย้ำความงามเลอค่าสไตล์อังกฤษ ด้วยการตกแต่ง Cologne Intense Bay และจุดทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ Bath & Body Sink Bay ให้หรูหรา ยกระดับการค้นหากลิ่นหอมที่ไม่เหมือนใคร
เริ่มต้นปี 2025 ด้วยงานผิวระดับไฮเอนด์กับ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) หนึ่งในผู้นำเรื่องการดูแลผิวพรรณของเอเชีย ซึ่งชวนเปิดประสบการณ์ลิฟต์ผิวด้วยโปรแกรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ Ulthera PRIME Recovery Concentrate และการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกหลังทำหัตถการด้วย LA MER สูตรพิเศษเฉพาะที่ THE KLINIQUE
THE KLINIQUE เปิดตัวโปรแกรมยกกระชับผิวล่าสุดที่มาพร้อมกับนวัตกรรมอัปเดตใหม่ Ulthera PRIME ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์ในการลิฟต์ผิวและปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับได้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลผิวหลังการรักษาด้วย The NEW Night Recovery Concentrate จาก LA MER ที่มีนวัตกรรม Barrier Wrap ทำหน้าที่โอบอุ้มผิวที่มีความเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปลอบประโลมผิวและฟื้นบำรุงผิวหลังการทำหัตถการได้อย่างล้ำลึก ซึ่งพบกับความเอ็กซ์คลูซีฟนี้ได้เฉพาะที่ THE KLINIQUE เท่านั้น เรียกว่าเป็นพิกัดหนึ่งเดียวของไทย
THE KLINIQUE เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงความงาม ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความประทับใจในการรักษาปัญหาผิวพรรณ รูปร่างและสุขภาพให้กับเหล่าคนรักสวย รวมถึงเซเลบและดารา ต่อเนื่องมากกว่า 15 ปี จนได้รับมอบรางวัลระดับนานาชาติมากมาย เช่น The Winner of Golden Records Award: ASIA PACIFIC Highest Achievement for Ulthera และครั้งนี้ THE KLINIQUE ยังคงเดินหน้าในการเป็นผู้นำด้วยการเปิดตัว Ulthera PRIME นวัตกรรมการกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อการยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าใหม่ส่งตรงจากสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Ulthera PRIME เป็น The Newest Generation ที่ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก US FDA นับว่า THE KLINIQUE เป็นกลุ่มแรกในภูมิภาคเอเชียที่ได้รับการเปิดตัวต่อจากสหรัฐอเมริกาทันที นำหน้าประเทศชั้นนำอื่นๆ ในเอเชียอย่างเกาหลี โดยจุดเด่นของโปรแกรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้ ได้แก่
แพทย์ให้พลังงานลงลึกได้แม่นยำกว่า ด้วยจอแสดงผลของระบบ Real-Time Visualization ที่ใหญ่ขึ้น 35% แสดงภาพที่คมชัดจากทุกมุมระดับ Full HD ทำให้แพทย์กำหนดความลึกในการรักษาถึงชั้น SMAS ได้จำเพาะมากขึ้น
ผู้รับบริการได้รับการออกแบบการรักษาตามหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomic design) เมื่อผสานกับเทคนิคในการรักษาที่ถูกออกแบบโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะทางของ THE KLINIQUE ให้มีความเหมาะสมกับปัญหาผิวและความกังวลของแต่ละคน นำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจยิ่งขึ้น
การดูแลผิวหลังทำหัตถการเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการรักษาด้วยนวัตกรรมที่ดีที่สุด เพราะการดูแลผิวอย่างเหมาะสมจะเป็นส่วนสำคัญที่สามารถเร่งการฟื้นฟูของเซลล์ผิวได้ดียิ่งขึ้น นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งการปรนนิบัติผิวหลังทำ Ulthera PRIME ด้วย The NEW Night Recovery Concentrate ที่มี Barrier Wrap นวัตกรรมขั้นสูงในการบำรุงผิวใหม่ล่าสุดของ LA MER จะช่วยโอบอุ้มผิวที่มีความเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีคุณสมบัติที่ช่วยปลอบประโลมผิวและช่วยฟื้นฟูผิวหลังทำหัตถการได้เร็วยิ่งขึ้น โดยมีผลการทดสอบแล้วว่า The NEW Night Recovery Concentrate มีคุณสมบัติดังนี้
*** ผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการในกลุ่มอาสาสมัครหญิง 26 ราย หลังการใช้ La Mer The Night Recovery Concentrate ร่วมกับ La Mer The Concentrate เพียง 1 ครั้ง เปรียบเทียบกับการใช้ La Mer The Night Recovery Concentrate เพียงอย่างเดียว
ความเอ็กซ์คลูซีฟในการดูแลผิวตามแบบฉบับของ THE KLINIQUE ไม่เพียงเน้นการสร้างความประทับใจในผลลัพธ์หลังการทำหัตถการด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลร่วมกับเทคนิคเฉพาะโดยทีมแพทย์ชำนาญการ แต่ยังให้ความสำคัญกับการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง การฟื้นบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ เพราะการดูแลผิวหลังทำหัตถการเป็นสิ่งที่ THE KLINIQUE ใส่ใจ และ LA MER “The NEW Night Recovery Concentrate” ถือเป็นอีกหนึ่งการดูแลผิวที่ THE KLINIQUE แนะนำ
นอกจากการเปิดตัว Tom Dixon Experience แล้ว การมาเยือนเมืองไทยของผู้ก่อตั้งแบรนด์ออกแบบชั้นนำระดับโลกจากประเทศอังกฤษครั้งนี้ ซึ่งในปี 2025 ทางแบรนด์เลือกปักหมุดในโซนเอเชียเพื่อจัดกิจกรรม Tom Dixon’s 48 Hours และเลือกประเทศไทยเป็นหมุดหมายแรกสำหรับการเดินทางครั้งใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งนักออกแบบไทยและผู้ที่ชื่นชอบงานดีไซน์ทุกคน ได้รับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟผ่านการร่วมพูดคุยภายใต้บรรยากาศช่วง Design Talk ที่ทุกคนจะได้แลกเปลี่ยนแนวคิดในการออกแบบ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจนำไปต่อยอดไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ต่อด้วยช่วง Cocktail Reception ที่มาพร้อมเมนูเครื่องดื่มสุดพิเศษ รังสรรค์โดย Tom Dixon
โดยอีเว้นต์นี้ได้เกิดขึ้นกับเมืองใหญ่ทั่วโลกที่มีทั้งความเป็นดีไซน์ และ ความเป็นเมืองสำคัญ เช่น Tom Dixon’s 24 Hours ที่เคยจัดขึ้น ณ เมืองอันเป็นศูนย์กลางการออกแบบทั่วโลกอย่าง โคเปนฮาเกน ปารีส มิลาน สตอล์กโฮล์ม และเซี่ยงไฮ้ ในส่วนของผลงานจากแบรนด์ที่กลายเป็นไอคอนในวงการออกแบบคือ S Chair ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1980s ซึ่งนำโครงสร้างของเก้าอี้แบบดั้งเดิมมาตีความใหม่ให้โค้งเว้าเป็นรูปตัว S จนกลายเป็นซิกเนเจอร์อันโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความ
เรียบง่ายแต่มีพลัง และรองรับสรีระของผู้นั่งได้อย่างสมบูรณ์ จนถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ระดับโลก เช่น Museum of Modern Art (MoMA) ในนิวยอร์ก รวมถึงเคยรังสรรค์ S-CHAIR Special Edition จากผ้าลายราชวัตรโบราณทอหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ผลงานชิ้นเดียวในโลกสำหรับนิตยสาร Vogue ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมประมูลในงาน Vogue Gala ที่จัดขึ้นเพื่อสืบสานผ้าไทยตามรอยพระราชปณิธานของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และ MELT Pendant Light โคมไฟที่มีพื้นผิวสะท้อนแสงราวกับกำลังหลอมละลาย ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่สร้างปรากฏการณ์ในวงการออกแบบแสงไฟและได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ยิ่งไปกว่านั้น Tom Dixon ตอกย้ำความเป็น Design Icon ของโลกเบอร์ต้นๆ กับการร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบขวดสำหรับ Johnnie Walker Blue Label ที่ถ่ายทอดทั้งความหรูหรา หรือการร่วมมือกับ Adidas ในการสร้างสรรค์คอลเลคชั่นเสื้อผ้า ฟังก์ชันนอลแวร์ และเฟอร์นิเจอร์แบบพกพาสุดล้ำที่สะท้อนแนวคิดนวัตกรรมการออกแบบและความยั่งยืน (Sustainability) ที่เขาให้ความสำคัญมาตลอด นอกจากนี้ เขายังเคยทำงานร่วมกับ Tesla ในการออกแบบเก้าอี้รุ่นลิมิเต็ดที่เรียกว่า HYDRO chair ที่สะท้อนปรัชญาของแบรนด์ด้านเทคโนโลยีอลูมิเนียม ที่พัฒนาขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อผลิตรูปทรงที่ลึกและซับซ้อน
นอกจากนี้ผลงานของเขายังปรากฏอยู่ในโปรเจ็กต์โรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ทั่วโลก เช่น Mondrian Hotel London และล่าสุดกับโครงการที่พักสุดหรูริมชายหาดสุดตระการตาบนหมู่เกาะดูไบทั้ง 108 หลังอย่าง Villa del DIVO ที่ออกแบบโดย Mr. Eight Development ซึ่งเป็นผลงานเหล่าที่ตอกย้ำถึงเอกลักษณ์ของ Tom Dixon ที่ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นความสวยงาม แต่ยังให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและแนวคิดที่ล้ำสมัย ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่ยอมรับในฐานะหนึ่งในนักออกแบบชั้นนำของโลก
และสำหรับตัวผลงานชิ้นเด่นที่ขึ้นชื่อในประเทศไทยที่ใคร ๆ ก็อยากจับจอง จนกลายเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่น Best Seller ตลอดกาลของ MOTIF นั้น ได้แก่ MELT โคมไฟซึ่งเปิดตัวครั้งแรกที่ Milan Fair ในปี 2015 ที่เกิดจากการร่วมมือระหว่าง Tom Dixon และ FRONT กลุ่มนักออกแบบจากสวีเดน จากไอเดียที่ต้องการสร้างโคมไฟที่ดูเหมือนรูปร่างไม่สมบูรณ์ เพื่อให้ใกล้เคียงกับความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากกระจกหลอมละลาย ธารน้ำแข็ง และภาพจากอวกาศ ถ่ายทอดผ่านเทคนิคการผลิตที่ซับซ้อน โดยนำวัสดุประเภทพลาสติกมาตีความใหม่ เติมลูกเล่น พร้อมสอดแทรกความคิดสร้างสรรค์จนสามารถเพิ่มมูลค่าให้ทัดเทียมกับเหล่าโคมไฟที่ทำจากแก้วได้อย่างน่าสนใจ และกลายเป็นที่ยอมรับของสายเฟอร์นิเจอร์ทั่วโลกตลอดมา
“ในมุมมองของหมอ คาดว่าปีนี้ผู้คนน่าจะหันมาสนใจในเรื่องของความงามที่ยั่งยืนและแลดูเป็นธรรมชาติกันมากขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วเทรนด์ดังกล่าวเป็นกระแสนิยมมาหลายปีแล้ว โดยส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่แนวคิด The best version of me หรือการเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด พร้อมให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว ดังนั้นในส่วนของเทรนด์การดูแลผิวจึงเน้นไปที่การเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง การปรับปรุงคุณภาพผิว ซึ่งเป็นการดูแลผิวตามกระบวนการธรรมชาติ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว”
แบรนด์แฟชั่น Royal Ivy Regatta (รอยัล ไอวี รีกัตตา) เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ Royal Ivy RegattaxThe White Lotus Spring/Summer Collection ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์ระดับโลก The White Lotus นำเสนอเสื้อผ้าหลากหลายดีไซน์เหนือกาลเวลาที่สะท้อนถึงบรรยากาศของรีสอร์ตสุดหรูและเสน่ห์ของตัวละครในซีรีส์
โดยวันนี้ เราขอชวนคุณมาพบกับ 5 โครงการมิกซ์ยูสระดับโลก ที่นอกจากจะสร้างสรรค์บนพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีความน่าสนใจด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติผ่านการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ให้แก่ชุมชนโดยรอบ รวมถึงประสบการณ์ใหม่บนพื้นที่โครงการ Dusit Central Park
Battersea Power Station – กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี่ ที่นำเสนอลีฟวิ่งไลฟ์สไตล์ 2 รูปแบบภายในอาคารเดียว ทั้ง Living Concept เป็น Dusit Residences (ดุสิตเรสซิเดนเซส) และ Dusit Parkside (ดุสิตพาร์คไซด์) ที่โดดเด่นด้วยการดีไซน์ที่ผสมผสานกับศาสตร์ของฮวงจุ้ยที่คำนึงถึงแสงและทิศทางลมเป็นอย่างดี มาพร้อมการรองรับด้วย Branded Residences การบริการเหนือระดับแบบ Gracious Hospitality และมาตรฐานรับรองอาคารเขียวระดับโลก LEED Gold V.4.1 Residence Multi-Family เป็นอาคารที่พักอาศัยแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับมาตรฐานรับรองนี้ และด้วยความสูงถึง 299 เมตร จึงเป็นอาคารที่สูงที่สุด 1 ใน 5 ของประเทศไทย รับรองโดย สภาตึกสูงและที่อยู่อาศัยในเมือง CTBUH
Central Park Offices ตึกออฟฟิศระดับพรีเมี่ยมของคนเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและนวัตกรรมอันทันสมัย บนทำเล Super Core CBD ดีที่สุดใจกลางเมือง พร้อมมอบคุณภาพชีวิตเหนือระดับ The Future Work/Life for Global Visionaries
และพื้นที่เชิงพาณิชย์ Central Park Retail ศูนย์การค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่รวบรวมแบรนด์ชั้นนำทั้งจากในไทยและแบรนด์ระดับโลก พร้อมทั้งมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสาน Curated Experience เข้ากับ Park Life เพื่อสร้างสรรค์ The New Luxury คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยทั้ง Central Park Offices และ Central Park Retail จะเปิดให้บริการภายในปีนี้