account_circle‘โอ๋ บุปผา กิ่งชัชวาลย์’ เธอเคยเป็นนักร้อง นักแต่งเพลงชื่อดัง เป็นภรรยาและคุณแม่ลูกสาม เป็นจิเวลรี่ดีไซเนอร์และเจ้าของธุรกิจเครื่องประดับชื่อดัง Sincere Jewelry
ทุกอย่างที่กล่าวมานั้น เธอทำได้ดีชนิดที่ประสบความสำเร็จสูงสุด สำหรับในฟากของการใช้ชีวิต วันนี้เป็นเสมือนการเริ่มต้นบทใหม่ที่เป้าหมายไม่ต้องอาศัยมาตรวัดใด เพราะอยู่ที่ความสุขใจในแบบที่เธอเลือกเอง
แพรว มีโอกาสพบคุณโอ๋อีกครั้งที่บ้านหลังสวยบนเนื้อที่เกือบไร่ย่านสุขุมวิท การได้มาเยี่ยมเยือนครั้งนี้เรารู้สึกสดใส สดชื่น ด้วยบรรยากาศการตกแต่งบ้านใหม่ที่มีสีสันสดใสสไตล์โคโลเนียล คุณโอ๋เปรยให้ฟังยิ้มๆ ว่า “อยู่บ้านนี้มา 20 ปีแล้ว ขอออกจากความคลาสสิก เปลี่ยนมาเป็นความสดใสบ้าง (ยิ้ม) จนได้ออกมาอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”
เปิดทุกมุมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ! บ้านสวยสไตล์โคโลเนียลของ ‘โอ๋-บุปผา กิ่งชัชวาลย์’
สวยงามตามสไตล์โคโลเนียล
“ตอนแต่งงานมีลูกคนแรก เราอยู่คอนโดมิเนียมแถวเอกมัย ซึ่งสะดวกดีสำหรับครอบครัวเล็กๆ แต่พอมีลูกคนที่สองก็คิดกันว่า ถ้ามีที่ให้ลูกวิ่งเล่นน่าจะดี จึงไปดูที่ดินแปลงหนึ่งแถวถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งกว้างขวาง ดูดีมากเลย
“จนวันเกิดปีนั้นไปนั่งกินข้าวกับน้องแป๋ม (ชฎาทิพ จูตระกูล) เล่าให้เขาฟังว่า หาที่ดินแถววิภาวดีรังสิตได้แปลงหนึ่ง อีกหน่อยคงต้องย้ายบ้านไปอยู่แถวนั้น เขาจึงพูดให้ได้คิดว่า ครอบครัวเราอยู่แถวสุขุมวิท เราเองเติบโตและอยู่ย่านนี้มาตลอด ถ้าย้ายไปอยู่ไกลขนาดนั้นแล้วจะดูแลคุณแม่อย่างไร ส่วนตัวเราเองไม่คุ้นเคยกับที่ใหม่ ต้องปรับอะไรอีกหลายอย่าง คุยไปคุยมาแป๋มก็แนะนำว่า มีที่ดินแปลงหนึ่งแถวสุขุมวิท สวยมาก ฟังแล้วสนใจ จึงลองไปดูด้วยกัน
“ปรากฏว่าเจ้าของที่ดินติดป้ายขายผ่านนายหน้า มีเบอร์โทร.ติดต่อไว้ให้ พอโทร.คุยกันจึงรู้ว่ามีคนขอดูที่แปลงนี้หลายราย แต่ไม่มีใครกลับมาตกลงสักราย คงเพราะช่วงนั้นมีปัญหาวิกฤตต้มยำกุ้งด้วย สำหรับเรามาเห็นแล้วรู้สึกชอบ เงียบสงบดี มีลมพัดสบายๆ คิดทันทีว่าที่นี่ต้องเป็นของเรา พอกลับมาดูอีกครั้งก็บอกนายหน้าว่าขอซื้อ จนเขาแปลกใจว่าติดป้ายขายอยู่นานไม่มีใครซื้อ เรามาดูแค่สองครั้งก็ตัดสินใจได้เลย
“หลังจากนั้นยังไม่ได้คิดว่าจะสร้างบ้านแนวไหน เพราะลูกก็ยังเล็ก ตอนนั้นน้องพร้อม (ฐิติภัทร – ลูกชายคนเล็ก) ยังไม่เกิด เจ้าที่ที่ดินที่นี่ดีมากนะ เพราะ จากที่เราคิดว่ามีลูกสาวสองคนพอแล้ว จะไม่มีลูกอีกแล้ว จู่ๆ ก็ได้น้องพร้อมเป็นลูกชายอีกคน (ยิ้ม)
“สถาปนิกที่ออกแบบบ้านหลังนี้เป็นของบริษัท Habitat ซึ่งตอนนี้เป็นศิลปินแห่งชาติไปแล้ว คือคุณกฤษฎา โรจนกร กับอีกคนคือคุณพิสิฐ สายัมพล ส่วนคนออกแบบภายในคือพี่เป้า P49 (วิภาวดี พัฒนพงศ์พิบูล) ส่วนพวกเพ้นติ้งทั้งหลายในบ้านเราเลือกเอง เพราะชอบสะสมของพวกนี้อยู่แล้ว ซึ่งเดิมเราแต่งบ้านเป็นสไตล์เอเชียนคอนเทมโพรารี ผสมผสานความเป็นไทยและจีนเข้าด้วยกัน แล้วก็อยู่แบบนั้นมานาน ใจเคยนึกอยากเปลี่ยนการตกแต่งใหม่นะ แต่ไม่รู้ว่าจะทำแบบไหนอย่างไร กระทั่งวันหนึ่งไปเดินเล่นที่ตึกภักดีของพี่เป๊ก (พิไลพรรณ สมบัติศิริ) ไปเดินดูโชว์รูมของน้องแท็ต (พลวุฒิ โพธิรัตนังกูร) ที่เก็บพวกกรอบกระจก เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน ตอนนั้นคิดแค่ว่าไปเดินเล่น เห็นแหละว่าของเขาสวยหมด มีทั้งของใหม่ของเก่า แต่ไม่รู้ว่าแต่ละชิ้นจะมาปรับใช้กับบ้านอย่างไร เพราะเราก็ไม่ใช่นักตกแต่งภายใน”
ตกแต่งเพิ่มความสดใส
“วันหนึ่งน้องแท็ตถามว่าไปดูกรอบกระจกที่ร้านเขามา ชอบไหม จึงบอกไปว่าชอบ แต่แต่งไม่เป็นหรอก ไม่รู้ว่าจะติดที่ไหน เพราะผนังบ้านเต็มหมดแล้ว เขาจึงแนะนำให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผ่านไปไม่นานเขาก็ส่งข้อความมาถามว่า อยากเปลี่ยนการตกแต่งอะไรในบ้านไหม ถ้าสนใจเดี๋ยวมาคุยกัน
“หลังจากนั้นน้องแท็ตมาดูไลฟ์สไตล์ที่เราชอบว่าเป็นแบบไหน ซึ่งเราบอกเขาเลยว่าไม่ชอบความเรียบง่าย อยากแต่งบ้านให้ดูสนุกขึ้น พอคุยกันแล้วแท็ตเข้าใจหมด ส่วนเราเองก็ไว้วางใจเขา ไม่เคยต้องมาตรวจหรือตามแก้ไขอะไร ใช้เวลาทำประมาณสามวัน โดยที่เราไม่อยู่บ้านด้วยนะ เรียกว่าเขาอยากปรับเปลี่ยนอะไร ทำได้ตามสบาย กลับมาอีกทีก็ได้เห็นบ้านในบรรยากาศใหม่ มีสีสันสดใส ดูแล้วสดชื่นสบายตา
“แท็ตมีไอเดียที่สนุกมาก โดยเราไม่จำเป็นต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่จากเขาทุกชิ้น แต่เขาเน้นการตกแต่งโดยผสมผสานของที่เรามีอยู่แล้วและของชิ้นใหม่เข้าด้วยกัน เช่น ไอเดียในการตกแต่งระเบียงบ้านให้เป็นชุมนุมบลูแอนด์ไวท์ โดยนำเซรามิกบลูแอนด์ไวท์ที่มีอยู่แล้วมาแต่งและจัดใหม่ เปลี่ยนสีผนังและเสาโดยรอบเป็นสีเขียวขาว จากเดิมเคยเป็นสีเทาแบบคลาสสิก เพื่อให้รับกับสีสันสดใสของผ้าหุ้มเบาะเฟอร์นิเจอร์หวาย เปลี่ยนภาพเขียนติดผนังให้เป็นกรอบกระจกขนาดใหญ่สีขาวจากอังกฤษ พร้อมกับติดที่วางแจกันบลูแอนด์ไวท์ที่ผนังรอบกระจก เพื่อสร้างความโดดเด่น โดยส่วนตัวชอบภาพเขียนของพี่ต้อย-นคร สัมพันธารักษ์ แห่งนาการาอยู่แล้ว จึงนำภาพเขียนนาการาคอลเล็คชั่นมาตกแต่งผนังบันไดบ้านเพิ่มความสดใส”
เมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขกจะเห็นตั่งจีนอายุหลายร้อยปีที่มีอยู่เดิม เพิ่มความสดใสด้วยการใช้ผ้าวินเทจของอังกฤษที่คุณแท็ตมีไว้นานแล้วมาหุ้มเบาะ เพื่อให้ตั่งตัวนี้ใช้เป็นที่นั่งที่นอนเล่นได้สบายๆ จากแต่เดิมไม่มีผ้าสีสะดุดตาอย่างนี้ และตกแต่งผนังใหม่ด้วยการติดตั้งกรอบกระจกสีทองของอังกฤษที่คุณโอ๋เห็นจากโชว์รูมตึกภักดีแล้วชอบใจ ก่อนนำไปสู่การรีโนเวตบ้านใหม่หมด
ส่วนอีกด้านซึ่งเป็นโซนรับแขก ใช้ภาพของนาการาคอลเล็คชั่นมาตกแต่ง และเปลี่ยนมาใช้เฟอร์นิเจอร์ของ Baker รวมทั้งนำผ้ากิโมโนโบราณมาทำเป็นปลอกหมอนเข้าคู่กัน เปลี่ยนโต๊ะรับแขกเป็นดีไซน์สไตล์โคโลเนียล โดยหาของตกแต่งชิ้นเก๋ๆ มาจัดวาง รวมถึงเปลี่ยนผ้าม่านใหม่ให้เป็นสีเทาผสมเขียวจนสวยลงตัว
ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 956
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ครั้งแรก! เปิดบ้านริมทะเลสาบสุดอลังของ “ตัน ภาสกรนที” และครอบครัวแสนอบอุ่น
เป็นคนเยอะ อย่ามาง่าย! เปิดบ้านริมน้ำบางปะกง อาณาจักรความสุขของ “ทิปปี้-สุพรทิพย์”
เปิดบ้านสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ญี่ปุ่นของ “หน่อย-เคน” พื้นที่อบอุ่นของครอบครัววงศ์พัวพันธ์