แม้จะดูเหมือนผ่านพ้นการระบาดรุนแรงครั้งใหญ่มาได้ แต่ก็ยังสามารถพบการติดเชื้อ โควิด-19 เป็นระลอกเล็กๆ และเรื่อยๆ เนื่องจากโรคโควิด-19 ยังคงอยู่รอบตัวไม่ได้หายไปไหน ฉะนั้น ป้องกันตัวเองและคนในครอบครัวเหมือนที่ผ่านมาไว้ก่อน ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ไม่รุนเเรงเเต่ทั่วถึง “ได๋ ไดอาน่า” เตือนโควิด-19 รอบนี้หลบวัคซีนเก่ง กำชับรับมือ 5 ข้อ
โดยล่าสุด พิธีกรสาวที่ผันตัวมาเป็นอาสากำลังหลักในช่วงโควิด-19 อย่าง “ได๋ – ไดอาน่า จงจินตนาการ” ก็โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Diana Chung ระบุว่า
“โควิดรอบนี้ทั่วถึงมากกกกกติดกันเยอะมากๆ 4-5 วันเเล้ว ที่ส่งยากันหัวหมุน #เตือนเเล้วนะ ระลอกนี้จากการสังเกตุผู้ติดเชื้อจะมีอาการมากกว่าช่วงเดือน มกราคม-มีนาคม ซึ่งจะมีอาการเหนื่อย นอนซมไข้สูง 39 องศา หนาวเเต่เหงื่อออก เริ่มจากคอเเห้งๆ คันคอ จากนั้น จะเริ่มเจ็บคอ กลืนน้ำลายเหมือนมีดบาดมีเสลท เเละเสียงเปลี่ยน
สำคัญที่สุดคือ ติดรอบวงแบบไม่ปราณีกันเลย แม้จะฉีดวัคซีน 4 เข็มก็ติด (น่าจะหลบเก่ง) ระลอกก่อนๆ จะเห็นว่าอยู่กัน 4 คน อาจติดคนเดียว เเต่รอบนี้หากติด 1 คน เเล้วไม่บอกกัน ไปนั่งอยู่ในที่ปิด ก็คือติดทุกคน ใครติดเเล้วก็ติดอีก มันดุมาก คำเเนะนำคือ
- เตรียมยาไว้ก่อนได้เลย
- หมั่นตรวจ ATK (เเม้ไม่มีอาการ)
- หากมีอาการเเต่ตรวจไม่ขึ้นให้ตีว่าใช่ไว้ก่อน และเเยกตัวจากผู้อื่น
- สวมแมสก์ ล้างมือ เว้นระยะห่าง
- สอดส่องเด็กเล็ก เเละดูเเลผู้สูงอายุในบ้านอย่างใกล้ชิด
คล้ายๆ จะไม่รุนแรง เเต่ระยะเวลากว่าจะหายรู้สึกว่านานขึ้น ดูเเลตัวเองนะคะทุกคน รู้ว่าเบื่อกันมากเเล้ว เชื่อสิทางนี้ไม่ใช่ไม่เบื่อ เชื้ออะไรมาไม่จบไม่สิ้น เเต่ตอนนี้ทุกคนต้องทำมาหากินไม่ตรวจ ไม่ติด ไม่รู้ ไม่ใส่หน้ากาก ใครจะว่านอยด์เกินเหตุ เว่อร์มากทำไมต้องอะไรเยอะแยะ ปล่อยเค้า #เราต้องรอด“

นอกจากนี้ ทางด้าน รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กนิธิพัฒน์ เจียรกุล ระบุว่า
“ต้องขอออกมาเตือนกันให้ดังๆ ว่า สถานการณ์โควิดขณะนี้เขม็งเกลียวขึ้นมาใหม่ ทุกคนและทุกฝ่ายต้องช่วยกันประคองภาพรวมไม่ให้กลับไปทรุดหนักอีกรอบ แล้วรอลุ้นให้เกิดการปรับฐานโรคซาลงเองในช่วงอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อจะได้ร่วมเดินหน้าผลักดันประเทศที่กะปลกกะเปลี้ยกันต่อไปสถานการณ์ที่บ้านริมน้ำเริ่มตึงมือมากว่าสัปดาห์แล้ว
จำนวนผู้ป่วยโควิดที่จำเป็นต้องรับเข้าโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งส่วนน้อยที่ป่วยจากโควิดโดยตรง และส่วนใหญ่ที่ป่วยจากโรคอื่นแต่มีการติดเชื้อโควิดร่วมด้วย จนทำให้บุคลากรด่านหน้าที่กันไว้จำนวนหนึ่งสำหรับงานโควิด ต้องกลับมาทำงานกันหนักขึ้นจากเดิมกว่าเท่าตัว และต้องวิ่งวุ่นหมุนเตียงกันมือระวิง เพื่อลดจำนวนคนไข้ที่ตกค้างรอรับไว้ในโรงพยาบาล สภาพเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลใหญ่อีกหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
สวนทางกับตัวเลขรายวันที่แจ้งว่ายังมีเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดเหลืออีกมาก ตัวเลขที่ว่านั้นเป็นแค่กรอบจำนวนเตียงที่จะขยายขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไข แต่ที่มีใช้งานอยู่จริงตอนนี้เริ่มร่อยหรอเต็มที ส่วนกรอบที่จะขยายได้ก็ถูกนำไปใช้กับผู้ป่วยอื่นที่ไม่ใช่โควิดจนเกือบไม่เหลือหรอแล้ว
จากข้อมูลที่รับทราบมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจริงเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน น่าจะอยู่ที่ราววันละห้าหมื่นคนแล้ว ต่างกับตัวเลขรายวันที่เราเห็นกันในรายงาน แถมยังมีปรากฏการณ์ยอดตกช่วงต้นสัปดาห์เช่นดังรูปของวันนี้ ซึ่งเป็นผลจากระบบการตรวจหาเชื้อและรายงานผลช่วงวันหยุด ส่วนตัวเลขผู้ป่วยอาการรุนแรงที่เพิ่มขึ้นจาก 600 แล้วมาหยุดแถวก่อน 700 ดังในอีกรูปนั้น ก็เป็นผลจากระบบการรายงานที่จะมียอดวิ่งเข้ามาเป็นก้อนๆ ไม่ได้สม่ำเสมอในทุกวัน
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของระบบการเบิกจ่ายเงินค่าตรวจรักษาโรคโควิด-19 ในรูปแบบเดิม เพื่อเปลี่ยนผ่านเข้าสู่รูปแบบปกติของระบบสุขภาพพื้นฐาน เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้าเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ที่ได้เตรียมการรองรับกันไว้มานานก่อนหน้าแล้ว เมื่อประกอบกับสถานการณ์การระบาดที่กลับปะทุขึ้นใหม่ แม้จะยังไม่แรงถึงครึ่งหนึ่งของช่วงพีคโอไมครอนครั้งก่อน แต่ต้นทุนประเทศในการดูดซับปัญหาเราร่อยหรอยอบแยบเต็มที ทั้งด้านงบประมาณและด้านบุคลากร
หากไม่ออกแรงฮึดช่วยกันชะลอควบคุมการระบาดให้อยู่มือ อาจเห็นมีผู้ป่วยอาการรุนแรงตกค้างในชุมชนและจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น แล้วคงหลีกเลี่ยงดราม่าครั้งใหม่ไม่พ้นแน่ #โควิดยังไม่หมดอย่ารีบปลดหน้ากาก“
ภาพ : Pexels
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ