Edelweiss Dental House (เอเดลไวซ์ เดนทัลเฮ้าส์) เป็นคลินิกทันตกรรมที่เกิดจากความตั้งใจของ ทันตแพทย์ ดร.อธิคม สุรินทร์ธนาสาร ทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาทันตกรรมรากเทียม และคุณโบว์ – สุชานันท์ อัจฉริยสุชา ที่อยากเห็นคลินิกทันตกรรมที่มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ ให้การรักษาที่พิถีพิถันทุกขั้นตอนโดยทีมทันตแพทย์เฉพาะทางครบทั้ง 8 สาขาด้วยการบริการระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้
ไม่เพียงเท่านั้นยังคำนึงถึงความสบายใจของคนไข้ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่คลินิกด้วยการออกแบบตกแต่งในโทนสีสบายตาเพื่อมอบความผ่อนคลายและสร้างความรู้สึกดีๆให้กับผู้ใช้บริการซึ่งทั้งหมดนี้รวมอยู่ที่คลินิกทันตกรรม Edelweiss Dental House บนถนนวิภาวดีรังสิต
คลินิกที่เกิดจากความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
จากความตั้งใจที่อยากเปิดคลินิกมาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาล โดยก่อนหน้านี้ คุณโบว์–สุชานันท์ รับหน้าที่บริหารธุรกิจครอบครัว บริษัท เอ็มมีเน้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์มากว่า 50 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์เป็นอย่างดี
บวกกับสามี ทันตแพทย์ ดร.อธิคม สุรินทร์ธนาสาร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษา ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหาร และอาจารย์ประจำภาควิชาทันตกรรมประดิษฐ์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเรียนจบเฉพาะทางสาขาทันตกรรมประดิษฐ์ และทันตกรรมรากเทียม จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ University of Bern, Switzerland
Edelweiss Dental House เป็นมากกว่าคลินิกทันตกรรม ด้วยมาตรฐานระดับโรงพยาบาลชั้นนำ และหมอเฉพาะทางทุกสาขา
ทั้งคู่จึงนำความรู้และประสบการณ์ทั้งหมด ทุ่มเทกลายเป็นคลินิกทันตกรรม Edelweiss Dental House คุณโบว์ – สุชานันท์ เล่าว่า
“เราอยากให้ผู้ใช้บริการที่เดินเข้ามาใน Edelweiss Dental House รู้สึกว่า เป็นคลินิกที่ดีได้มาตรฐาน ใช้เทคโนโลยีอุปกรณ์คุณภาพสูง อย่างเครื่องเอ็กซเรย์สามมิติจากประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการรักษารากเทียม โดยการปักรากเทียมคล้ายการปักเสาเข็มเข้าไปในกระดูก การเอ็กซเรย์จะช่วยดูว่ากระดูกตรงนั้นหนาแค่ไหน รูปร่างเป็นอย่างไร คุณภาพกระดูกดีหรือเปล่า ถ้าเราไม่รู้อาจจะปักไม่ถูกตำแหน่ง มีปัญหาเรื่องความเจ็บปวดตามมา หรือถ้าไปโดนเส้นประสาท อาจทำให้ชาไปตลอดชีวิตก็ได้ แม้ราคาเครื่องจะกว่า 3 ล้านบาท แต่ก็คุ้มที่จะลงทุน เพราะนี่คือเรื่องของความปลอดภัย และความถูกต้องแม่นยำในการรักษา
“รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆ เราคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด อย่างด้ามกรอฟันจาก NSK ประเทศญี่ปุ่น และการขูดหินปูนโดยใช้เครื่องขูดระบบ Piezo เพื่อให้คนไข้เจ็บน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังมีกระบวนการทำความสะอาด การฆ่าเชื้ออุปกรณ์และเครื่องมือ โดยจะเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทุกครั้ง ไม่มีการใช้เครื่องมือซ้ำระหว่างผู้รับบริการแต่ละคน แล้วนำอุปกรณ์ต่าง ๆ มาเข้าเครื่องอบฆ่าเชื้อ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อและอุปกรณ์ฆ่าเชื้อมาตรฐานยุโรป”
มาตรฐานระดับโรงพยาบาลชั้นนำ
นอกจากความใส่ใจในเรื่องเทคโนโลยีอุปกรณ์คุณภาพสูง และมาตรฐานความสะอาดแล้ว คลินิกทันตกรรม Edelweiss Dental House ยังมีคีย์หลักที่ถือว่าพิเศษและแตกต่างคือ การรักษาโดยทีมทันตแพทย์เฉพาะทางทั้ง 8 สาขา ทันตกรรมรากเทียม, ทันตกรรมประดิษฐ์ (ใส่ฟัน), ทันตกรรมจัดฟัน, ทันตกรรมบูรณะ, ทันตกรรมเพื่อความสวยงาม, ทันตกรรมรักษารากฟัน, ทันตกรรมโรคเหงือก และทันตกรรมสำหรับเด็ก
ทันตแพทย์ ดร.อธิคม เล่าว่า “เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพื่อผลการรักษาที่ถูกต้อง แม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูงสุด คลินิกของเรามีทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อย่างเช่น การรักษารากฟันเป็นงานที่ต้องทำในที่เล็ก รากฟันว่ามีขนาดเล็กแล้ว ช่องประสาทที่อยู่ในรากฟันยิ่งเล็กกว่า ฉะนั้นแพทย์จะต้องมีความชำนาญในการใช้เครื่องมือ จึงต้องรักษากับทันตแพทย์เฉพาะทางในการรักษารากฟันจริงๆ แม้แต่การอุดฟัน บางซี่ที่อุดยาก จำเป็นต้องใช้ทักษะจากแพทย์เฉพาะทาง ทันตแพทย์รักษาโรคเหงือกจะดูแลเรื่องการขูดหินปูน เพราะบางคนมีหินปูนมาก นานไปก็จะทำให้เหงือกอับเสบแล้วกระดูกรอบรากฟันละลายส่งผลให้ฟันโยกและสูญเสียฟันได้”
อายุ 60 ปี จัดฟันได้หรือไม่?
เป็นอีกหนึ่งคำถามนี่หลายคนสงสัยว่า อายุเท่าไหร่ถึงจะจัดฟันได้ และผู้ใหญ่ 60 ปีแล้ว ยังจัดฟันได้หรือไม่
“ที่คลินิกของเรา มีทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการจัดฟัน ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งการจัดการฟันปกติ และจัดฟันใส ซึ่งบอกเลยว่า ผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป ก็สามารถจัดฟันได้ครับ หรือเด็กเล็กที่มีปัญหาเรื่องฟัน ก็สามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้ เพราะเรามีทันตแพทย์เฉพาะทางสำหรับเด็กด้วยเช่นกัน ที่ไม่เพียงแค่การรักษา แต่มีความเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในการพูดคุย เพราะถ้าเด็กกลัวมาก ๆ จะทำอย่างไร อาจจะต้องทำอะไรที่ง่าย ๆ เพื่อให้เด็กเกิดความประทับใจ ก่อนจะทำเรื่องยากขึ้นในครั้งต่อไป”
รักษารากฟันเทียมไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
“การทำรากฟันเทียมเป็นการทดแทนฟันที่ถูกถอนไป โดยนำรากเทียมที่เป็นไทเทเนียมใส่เข้าไปในกระดูกตรงตำแหน่งที่ฟันเดิมเคยอยู่ แล้วก็ทำเป็นครอบฟันขึ้นมา ถ้าวางแผนการรักษาดี การทำรากเทียมแทบจะไม่เจ็บเลย ความเจ็บจะประมาณการถอนฟันธรรมดาซี่หนึ่งเท่านั้น การทำรากเทียมอาจจะจำกัดในผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับทางกระดูก แต่ปกติเรื่องอายุไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร ผมเคยทำรากฟันเทียมให้กับคนไข้อายุ 80 – 90 เนื่องจากกินข้าวไม่สะดวก ใส่ฟันปลอมก็รำคาญ ไม่มีความสุข รากเทียมก็สามารถช่วยให้ไม่ต้องใส่ฟันปลอม ชีวิตก็จะมีความสุขมากขึ้น
“จริงๆ แล้วรากเทียมไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด วิธีที่ดีที่สุดคือ พยายามดูแลฟันแท้ให้ดี แต่ถ้ามาถึงจุดที่เก็บฟันแท้ไว้ไม่ได้จริงๆ ก็ถือว่ารากเทียมเป็นวิธีทดแทนฟันแท้ที่ดีที่สุดครับ”
Edelweiss Dental House
www.edelweissdentalhouse.com
โทร 091-4416663