เปิดโลกพร้อมๆ กับเปลี่ยนความคิดที่เคยได้ยินมาตลอดว่า การดูดไขมันเป็นเรื่องอันตราย เสี่ยงต่อชีวิต แต่การดูดไขมัน คือตัวช่วยรูปแบบหนึ่งที่ทำให้เรามีความสุขกับรูปร่างของตัวเอง ทำให้เรามั่นใจที่จะสวยในแบบที่เราต้องการ และที่สำคัญคือ ไม่อันตราย ไม่เสี่ยงต่อชีวิต เพราะที่ Amara Clinic ไม่ได้มีดีแค่เครื่องมืออันทันสมัยระดับโลกเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีอาจารย์ฝีมือระดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่าง หมอไอซ์-นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์ และ หมอมะปราง-พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ ซึ่งทั้งสองท่านเป็นอาจารย์แพทย์ด้านการดูดไขมันพลังน้ำ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม และ วิทยาการชะลอวัย ที่เชี่ยวชาญเรื่องของการดูดไขมันเป็นอย่างมาก แล้วทุกคนจะเข้าใจโลกของการดูดไขมันที่แตกต่างจากเดิม
เคสตัวอย่างจาก Amara Clinic
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของการดูดไขมัน
หมอไอซ์ – “เมื่อพูดถึงเรื่องของการดูดไขมัน คนส่วนใหญ่มักจะมีภาพจำว่าเป็นเรื่องที่อันตราย ไม่ปลอดภัย จนถึงขั้นมีการเสียชีวิต ซึ่งความจริงแล้วความไม่ปลอดภัยตรงนั้นมาจากความไม่ได้มาตรฐาน ประกอบกับเรื่องของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ยังไม่ก้าวหน้าเท่ากับปัจจุบันก็เลยทำให้การดูดไขมันในสมัยก่อนยังมีความเสี่ยงอยู่มาก ตรงข้ามกับตอนนี้ที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาไปมากแล้ว อย่างตอนนี้เครื่องดูดไขมันจะมีหลากหลาย โดยแต่ละเครื่องแตกต่างกันตรงวิธีในการแยกเซลล์ไขมัน เพราะตอนนี้การดูดไขมันไม่ใช่แค่การเสียบเข็มเข้าไปแล้วดึงออกมา แต่จะต้องแยกเซลล์ไขมันออกมาก่อน ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในแต่ละเครื่อง อย่างเครื่องแรก คือ เครื่องดูดไขมันพลังคลื่นอัลตร้าซาวด์ (เครื่อง Vaser Smooth 2.2 รุ่นใหม่ล่าสุด และ เครื่อง Ultra Z) ใช้คลื่นเสียง ทำให้เกิดการสั่น ทำให้เซลล์ไขมันแตก ส่วนเครื่องที่ 2 เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ (เครื่อง body-jet) ใช้น้ำฉีดแยกเซลล์ไขมัน และก็ยังมีเครื่องดูดไขมันพลังงานกล ทำให้พลังงานตีให้เซลล์ไขมันแตก ทำให้ดูดไขมันในตำแหน่งยากๆ ได้ ส่วนเครื่องดูดไขมันคลื่นวิทยุทั้งหลาย พวกนี้สามารถทำได้ทั้งดูดและกระชับผิวในระดับนึง แต่ที่คลินิกเราเด่นสุดก็คือเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ”
หมอไอซ์-นพ. วิษณุ เฮ้งสวัสดิ์
หมอมะปราง – “จุดเด่นของเครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ คือ การที่ใช้พลังน้ำพ่นไปทำให้ไขมันหลุดออกจากกัน โดยที่ยังสามารถรักษาสภาพไขมันให้คงความสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นก็สามารถเอาไขมันที่ดูดออกมาไปเติมได้ เติมได้ทุกส่วนหัวจรดเท้า แล้วแต่ความกังวลของคนไข้ว่าต้องการส่วนไหน แต่ต้องเป็นไขมันของเจ้าของเอง ถ้าเป็นคนไทยตอนนี้ก็จะเน้นเติมหน้า เติมหน้าอก เติมมือ เติมสะโพก หรือคนไข้ที่เคยดูดไขมันมาก่อนแล้วเป็นคลื่นบุ๋ม ก็สามารถย้ายไขมันจากจุดนึง ไปเติมตรงที่บุ๋มได้ นอกจากนี้ความละมุนละม่อมของเขาทำให้เกิดการบวมช้ำ ความเจ็บของคนไข้ น้อยลง ถ้าเทียบกับเครื่องอื่นๆ ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำก็ยังชนะตรงนี้อยู่”
หมอมะปราง-พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์
มากกว่าเรื่องของเทคโนโลยี คือ ความสามารถและความเชี่ยวชาญของแพทย์ ที่ถือได้ว่าเป็นระดับอาจารย์แพทย์ที่สอนเรื่องการดูดและเติมไขมันประจำประเทศไทย
หมอมะปราง – “เล่าย้อนกลับไป หมอได้มีโอกาสได้ไปเรียนที่ประเทศเกาหลี เรียนทุกสาขาวิชาที่เกี่ยวกับศัลยกรรมความงาม และเรื่องการดูดไขมันก็เป็นหนึ่งในสาขาที่เราเข้าไปเรียนรู้ เข้าไปเจอกับการดูดไขมัน การเติมไขมันของเกาหลี มองว่ามันโอเคเลย คือ ไม่ได้ใส่ของแปลกปลอมหรือพวกซิลิโคนเข้าไป แต่เป็นไขมันของตัวคนไข้เอง แล้วก็เริ่มมีเทคโนโลยีที่ทำได้แบบอ่อนโยน ผลลัพธ์ออกมาก็สวยมาก เลยเอาเทคนิคเหล่านี้กลับมาใช้ในประเทศไทย พร้อมกับนำเครื่องมือกลุ่ม Body-JET เป็นเครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำมาใช้ด้วย “
หมอไอซ์ – “ต้องบอกว่า ไม่ใช่ว่าหมอทำทุกอย่างได้เก่งนะ แต่หมอทำแค่เรื่องไขมันอย่างเดียว ศึกษาอย่างจริงจัง หมอเรียนเครื่องเกี่ยวกับไขมันแทบทุกเครื่อง ใช้ทุกเครื่องเป็น ได้เรียนหลายประเทศทำให้รู้ว่าแต่ละประเทศเทคนิคไม่เหมือนกัน ซึ่งทำให้ได้ความรู้มาหลายแบบ ร่วมกับศึกษาเองด้วย เราพัฒนามาเรื่อยๆ จนเริ่มมีคนพูดถึงเยอะ ว่าการดูดไขมันของหมอไอซ์มีการทำเป็น Sexy Line เหลาเอวเอส ขาตะเกียบ เติมก้น รวมถึงการใช้เทคนิค J-Plasma คือการกระชับผิวหลังการดูดไขมันเลย ไม่ต้องกังวลเลยว่ามาดูดไขมันออกแล้วผิวจะหย่อนคล้อย ไม่กระชับอีก หมอทำไปเรื่อยๆ ไม่เคยนับเคสเลย จนบริษัทมาบอกว่าหมอได้รับรางวัลอันดับหนึ่งมีเคสเยอะที่สุดของประเทศไทย ซึ่งได้มา 3-4 ปีแล้ว แล้วก็ได้รางวัลล่าสุดมาอีกอันนึงก็คือของ J-Plasma อันนี้เราได้อันดับ 1 ของเอเชียเลย หมอก็รู้สึกดีใจที่เรามุ่งมั่นด้านนี้ และคนไข้ให้การยอมรับ”
เตรียมให้พร้อม เพื่อความสวยที่พอดีในแบบที่ต้องการ
หมอมะปราง – “สำหรับคนที่สนใจก็ต้องเข้ามาคุยกันก่อน แนะนำว่าเตรียมรูป Reference มาด้วยจะได้รู้ว่าเราต้องการอะไร นอกจากนั้นก็ต้องเตรียมตัวการผ่าตัด ก็มีทั้งการดูผลแลปค่าเลือด ตรวจร่างกาย ส่วนหลังทำ (After Care) ตรงนี้สำคัญมาก เพราะว่าไม่ใช่การดูดไขมันเสร็จปุ๊บจะสวยเลย ต้องเป็นความร่วมมือในการดูแลตัวเองของคนไข้ด้วย เช่น ไม่ใส่ชุดกระชับ ใส่ไม่ถูกวิธี การดูแลแผล ซึ่งการดูดไขมันนั้นต้องมีการ Follow Up นัดเจอ ติดตามอาการตลอด เพราะถ้าเกิดมีปัญหาอะไรเราก็จะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที”
“การดูดไขมันขึ้นอยู่กับเทคนิคของหมอ 70% อีก 30% คือการดูแลตัวเองหลังทำกับคนไข้ มันคือการร่วมมือกันระหว่างหมอกับคนไข้ แล้วเราจะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าแน่นอน”
amaraclinic #เอมาร่าคลินิก #ดูดไขมัน #คลินิกดูดไขมัน #รีวิวดูดไขมัน
หมอไอซ์amaraclinic #หมอมะปรางamaraclinic