ผิวหนังคนเราก็เปรียบเสมือนกำแพง ปกป้องความชุ่มชื้น และป้องกันสิ่งระคายเคือง หากกำแพงนี้เกิดการเสียหายจะเกิดรูรั่วเล็กๆ และรอยแตกจำนวนมาก ทำให้ความชุ่มชื้นหนีออกไปได้ สิ่งที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่างๆ ก็จะเข้ามา ทำให้ผิวยิ่งบอบบางแพ้ง่ายมากขึ้น ซึ่ง ผิวแพ้ง่าย คือสภาวะที่ผิวไวต่อสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น อากาศร้อนหนาว แสงแดด สายลม หรือแม้แต่การทาผลิตภัณฑ์ใดๆ ไว้บนผิวเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาการที่พบมักจะเกิดกับระบบประสาทรับสัมผัส เช่น คันเหมือนโดนเข็มแทง ผิวไหม้ บางครั้งก็เกิดขึ้นที่ระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวแดงหรือแห้งลอกได้ โดยบริเวณที่ไวต่อการแพ้มากที่สุดก็คือใบหน้า รองลงมาคือร่องจมูก
ผิวแดงแห้งลอก! ลอง 10 วิธีปราบอาการ ผิวแพ้ง่าย ไวต่อการระคายเคือง
ส่วนสาเหตุที่ผิวแพ้ง่าย ก็คือ
– ชั้นผิวหนังลดการต้านทานลง ผิวเลยแพ้ต่อสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
– ผิวสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ เซลล์ผิวเลยเกิดความเสียหาย ส่งผลให้กลไก ซึ่งมีหน้าที่ปิดกั้นสารก่ออาการแพ้นั้นทำงานได้ไม่เต็มที่ พอใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารซึ่งก่อให้เกิดความระคายเคือง สารดังกล่าวจึงซึมสู่ผิวได้ง่ายดายและทำให้เกิดอาการคันผิวอย่างรวดเร็ว
– ไขมันปกป้องผิวทำงานผิดปกติ ปกติชั้นไขมันจะทำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกันไม่ให้สารที่ละลายน้ำผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ถ้าชั้นไขมันไม่สมดุล สารก่ออาการแพ้ที่ละลายน้ำได้จะซึมผ่านผิวได้ง่ายขึ้น
สิ่งรบกวนอื่นๆ
– อากาศเย็นจัดและความชื้นต่ำ ร่างกายจึงพยายามรักษาความร้อน โดยทำให้หลอดเลือดในผิวหนังหดตัวลง ความชุ่มชื้นจึงไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงผิวหนังได้จนเกิดภาวะผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ และผิวแตก
– ภูมิแพ้แดด ผิวจะเป็นผื่น โดยเฉพาะบริเวณนอกร่มผ้าที่สัมผัสแดด อากาศร้อนจัด และความชื้นสูงๆ นอกจากนี้สภาวะดังกล่าวจะกระตุ้นให้เหงื่อระเหยออกมาจนผิวแห้งด้วย
– อนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวีและมลภาวะ ทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอจนผิวแห้งและระคายเคืองง่าย
– การรักษาทางการแพทย์บางอย่าง เช่น Radiotherapy การใช้ยาปฏิชีวนะ ฯลฯ อาจส่งผลให้ผิวไวต่อการรับรู้และทำลายแบคทีเรียบางตัวที่สำคัญไป
– สบู่ทั่วไป บางชนิดอาจกำจัดไขมันสำคัญที่ใช้ในการปกป้องผิวจนนำไปสู่การทำลายสมดุลค่า pH ของผิว
10 กลเม็ดพิชิตอาการผิวแพ้ง่าย
1. สังเกต เราต้องสังเกตตัวเองอยู่เสมอ เพราะผิวคนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะผิวหน้าซึ่งบอบบางกว่าผิวกาย และแต่ละคนอาจระคายเคืองต่อสารต่างชนิดกัน อีกทั้งผลิตภัณฑ์บางอย่างเราอาจคิดว่าไม่แพ้ เช่น ยาสีฟัน ยาสระผม แต่ก็แพ้ได้ อย่างสิวที่ขึ้นตรงปากเกิดได้ทั้งจากการแพ้ยาสีฟัน การสัมผัสบริเวณนั้นบ่อยๆ หรือเป็นอาการบอกโรคอื่นๆ
2. อย่าเอามือจับหน้า ถ้ารู้ตัวว่าแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารกันเสีย สังเกตบนฉลากจะมีคำว่า Clinically Tested, Dermatologically Tested และHypoallergenic ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น
4. หลีกเลี่ยงส่วนผสมจำพวกลาโนลิน ไฮดรอกซีแอซิด วิตามินอี วิตามินซี โพรพิลีนไกลคอล รวมถึงยารักษาสิวกลุ่มเรตินอยด์
สารกลุ่มนี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองอยู่บ่อยครั้ง
5. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ประเภทขัดถูหน้า อย่างพวกโฟมสครับทั้งหลาย
6. ใช้สบู่อ่อน หรือสบู่สูตร Soap-Free ล้างหน้าได้ ถ้าอาการแพ้ดีขึ้นแล้ว
7. กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี น้ำมันในพืชและปลา เพราะช่วยให้ผิวสุขภาพดีได้
8. ทำความสะอาดห้องนอนบ่อยๆ อย่าปล่อยให้ฝุ่นมายึดครองพื้นที่
9. ดื่มน้ำเยอะๆ ผิวแพ้ง่ายส่วนใหญ่เกิดกับคนผิวแห้ง ฉะนั้นจิบน้ำบ่อยๆ ทันทีที่นึกขึ้นได้
10. พบแพทย์ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น
อ้างอิงข้อมูลจาก : แพทย์หญิงอาคิรา ลิ้มสุวัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้เซลล์บำบัด
ภาพ : Pexels
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แพทย์ผิวหนังไขข้อข้องใจเรื่อง “กลิ่นตัว” พร้อมแนะวิธีป้องกัน และแนวทางรักษา
แพทย์ผิวหนังเตือนคนที่นิยม ทาเล็บสีแดง มีโอกาสแพ้มากกว่าสีอื่น และแนะวิธีป้องกัน
อุทาหรณ์ชวนระวัง! หยอด กาวติดเล็บ แทน น้ำตาเทียม เหตุเพราะหยิบผิด หวิดตาบอด!