หมอโอ๊ค Cover

ไขความลับการออกแบบความงามเฉพาะบุคคลกับหมอโอ๊ค

หมอโอ๊ค Cover
หมอโอ๊ค Cover

หลายคนอยากอัพหน้าสวยตามเทรนด์ให้เหมือนดนดัง แต่ไม่มั่นใจว่าควรทำดีไหม ถ้าไม่ถึงขนาดต้องพึ่งมีดหมอศัลยกรรมเราจะทำได้แค่ไหน และต้องทำอย่างไร วันนี้ หมอโอ๊ค – สมิทธิ์ อารยะสกุล แห่ง Smith Prive’ Aesthetique จะมาไขข้อข้องใจกันแบบหมดเปลือก รับรองว่าได้ความรู้แบบเข้าใจง่ายๆ และสามารถเก็บข้อมูลไปเตรียมตัวปรับรูปหน้ากันได้สบายๆ เลยค่ะ

Q : เทรนด์ความงามบนใบหน้าแบบไหนที่มาแรงในตอนนี้คะ

A : เรื่องเทรนด์ความงามก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนครับ บางคนชอบสไตล์เกาหลี ไทย หรือฝรั่ง ก็มีหลายเทรนด์ที่มาแรง แต่ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจว่า เทรนด์ความงาม คือ รายละเอียดของความงามที่นิยมในขณะนั้น และจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป ก็คล้ายๆ แฟชั่นนะครับ มีกระแสหลักที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีเป้าหมายในการออกแบบรูปหน้า ปรับรูปหน้า หรือความงามส่วนอื่นๆ ให้เข้ากับเทรนด์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปลอกแบบคนดังแต่ละคนมา แต่ว่าเราเอาจุดเด่นของเขามาเป็นแนวทางในการเสริมอัตลักษณ์ของเราให้ร่วมสมัยยิ่งขึ้นจะดีกว่า

Q : ไม่เคยปรับรูปหน้ามาก่อน ครั้งแรกต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ

A : ผมคิดว่าคนเรามีความงามในแบบที่ตัวเองต้องการได้ จึงไม่ใช่เรื่องผิดที่เราจะหารูปบุคคลตัวอย่างหรือรูปหน้าที่เราต้องการมาปรึกษาแพทย์ หรืออาจจะบอกปัญหาที่คุณต้องการแก้ไข ซึ่งหากยังไม่แน่ใจว่าปัญหาคืออะไร เราอาจจะบอกเป็นความรู้สึกก็ได้ เช่น อยากให้ใบหน้าดูสดชื่นขึ้น อยากมีกรอบหน้าที่ชัดขึ้น 

อีกสิ่งสำคัญคือ อย่าเข้าไปพบแพทย์ด้วยทัศนคติที่มีข้อจำกัดว่าจะใช้ยาตัวไหนหรือใช้เครื่องมือบางอย่างเท่านั้น เพราะจะเป็นอุปสรรคในการไปสู่เป้าหมายของเรา หลายคนพอปรึกษาแพทย์แล้วปัญหาจริงๆ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น แต่สิ่งที่เราสามารถพูดคุยกำหนดลิมิตกับหมอได้คือ ไม่อยากใช้เข็มเลย ขอใช้เครื่องมือเพียงอย่างเดียว หรือมีระยะเวลาจำกัด แพทย์จะได้เลือกวิธีที่เหมาะสมในการรักษาครับ

Q : ขั้นตอนการออกแบบความงามแบบอัตลักษณ์บุคคลมีอะไรบ้างคะ

A : ขั้นตอนแรกต้องพูดคุยกับคนไข้และทำความเข้าใจว่า ความงามที่เขาต้องการคืออะไร ประกอบกับแพทย์มีหน้าที่ซักประวัติทั้งเรื่องของไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิต งบประมาณ และภาวะต่างๆ ว่าสามารถทำได้ตามที่คนไข้ต้องการและคาดหวังหรือไม่ ต่อมาเป็นขั้นตอนของการตรวจร่างกายว่าปัญหาของคนไข้จริงๆ คืออะไร 

โดยปกติของผมจะแก้ปัญหาตามอัตลักษณ์บุคคลก่อน ทุกคนจะมีปัญหาบนใบหน้าที่แตกต่างกันออกไป โดยคนไทยจะมีอยู่ 3 ปัญหาหลัก คือ กระดูกส่วนกลางใบหน้ายุบตัวลง (ช่วงใต้ต่อจากดวงตาลงมาและช่วงแก้มด้านใน ตรงนี้เป็นส่วนที่มักจะขาดที่สุด ทำให้เกิดใบหน้าแบนหรือใบหน้าที่เว้าเข้าใน และตามมาด้วยความหย่อนคล้อย) ขมับตอบ และคางร่นถอยไปข้างหลัง ซึ่งหลายคนเข้าใจผิดว่ารูปหน้าของเราเป็นมาตั้งแต่กำเนิด แต่จริงๆ มีหลายส่วนที่เปลี่ยนไปตามวัยของเรา ได้แก่ 

  1. คอลลาเจนและความชุ่มชื่นของผิวลดลง ทำให้ผิวแห้งกร้านและขาดความยืดหยุ่นไม่กระชับ เวลาดึงแล้วไม่เด้งกลับ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รูปหน้าตกมาด้านล่าง 
  2. ชั้นไขมันบางจุดหายไปและเพิ่มขึ้น บางคนไขมันหายไปในช่วงร่องใต้ตาหรือบริเวณรอบดวงตา หน้าแก้ม แก้มตอบบริเวณหน้าข้าง แต่ไขมันจะไปตุงตรงบริเวณที่ค้ำกับร่องแก้ม หรือบริเวณข้างริมฝีปากที่จะเห็นเป็นกระพุ้งแก้มออกมา ทำให้ใบหน้าดูหนักมาด้านล่างเหมือนสามเหลี่ยมฐานกว้าง ซึ่งตอนอายุน้อยจะเป็นสามเหลี่ยมหัวคว่ำ 
  3. ชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS) หย่อนคล้อย เมื่อคอลลาเจนลดลงจะไม่สามารถพยุงใบหน้าได้ รวมถึงเส้นเอ็นที่เป็นการแขวนยึดใบหน้าของเราหย่อนลงทำให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อย ได้แก่ บริเวณโหนกแก้ม กราม และหน้าแก้ม
  4. อายุมากขึ้นกระดูกกระโหลกก็เปลี่ยนด้วย ทำให้ร่องตาดูชัดขึ้น ดวงตาดูลึก และใต้ตาชัดขึ้น อีกส่วนหนึ่งคือกระดูกหน้าแก้มแบนลงและฝ่อลง ทำให้ใบหน้าดูแบนและหย่อนลงมาข้างล่าง แนวกรามก็จะค่อยๆ หดเล็กลง ทำให้จุดค้ำยันของใบหน้าด้านล่างหายไป 

เวลาแก้ไขก็ต้องวิเคราะห์ส่วนของใบหน้าแต่ละชั้นให้หมดก่อน และหมอก็ต้องมีหน้าที่ในการดึงปัญหาออกมาให้ได้หลังจากนั้นก็จะแก้ไขให้กลับมาเป็นโครงหน้าดั้งเดิมที่ใกล้เคียงกับความอ่อนเยาว์ของเขาให้มากที่สุด หลังจากนั้นค่อยดีไซน์ความงามตามเทรนด์หรือความต้องการของคนไข้ตามลำดับ

Q : คุณหมอใช้เทคนิคและเครื่องมืออะไรบ้างในการปรับรูปหน้าคะ

A : ปกติผมจะเลือกเทคนิคตามแต่ละชั้นผิว อย่างผิวชั้นบนสุดจะใช้เลเซอร์ต่างๆ ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอขึ้น ผิวดูเรียบเนียน แก้ไขรูขุมขนกว้าง ถ้าผิวมันมากเกินไปก็สามารถใช้สารลดเลือนริ้วรอยเพื่อให้ผิวดูละเอียดขึ้น แต่ถ้าผิวขาดความชุ่มชื้นหรืออยากให้ผิวดูโกลว์ให้ผิวดูฉ่ำวาวก็ใช้สารเติมเต็มได้

ต่อไปคือชั้นไขมัน ถ้าแฟ่บไปมักจะเกิดร่องต่างๆ เช่น บริเวณร่องใต้ตาก็ต้องใช้สารเติมเต็มมาช่วย ส่วนชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อต้องใช้อุปกรณ์ที่เป็นพลังงาน เช่น พลังงานคลื่นเสียงช่วยให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น สุดท้ายคือโครงหน้าที่เป็นกระดูก เราก็สามารถใช้สารเติมเต็มเข้าไปเติมในชั้นลึก เพื่อให้แก้ไขปัญหาใบหน้าได้อย่างตรงจุด เรียกได้ว่าเป็นการพิจารณาไปตามปัญหาและทางเลือกที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนครับ

เป็นยังไงบ้างคะ หมอโอ๊คเคลียร์ปัญหาข้อสงสัยให้เราได้อย่างละเอียด แถมเข้าใจง่ายซะด้วย ใครมีข้อสงสัยหรืออยากปรึกษาหมอโอ๊ค ก็แวะเวียนไปที่ Smith Prive’ Aesthetique สาขาสุขุมวิท The Pearl 49 และสาขาเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา กันได้เลยค่า

Praew Recommend

keyboard_arrow_up