account_circleหากจะเอ่ยถึงบิวตี้แบรนด์ไทยที่เป็นผู้บุกเบิกแบรนด์สปาและสกินแคร์ในภาพลักษณ์สุดเก๋มีเอกลักษณ์ไปให้ชาวโลกได้รู้จัก ต้องยกให้ HARNN ที่เป็นแบรนด์แรกๆ ที่ทำสำเร็จ แบรนด์ไทยซึ่งชูเรื่องส่วนผสมออร์แกนิกอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ รวมไปถึงภาพลักษณ์ของความลักชัวรี่อย่างไทยที่นำเสนอได้โดนใจคนรุ่นใหม่จนลืมความเอิงเอยเชยๆ ป้าๆ ไปเสียสนิท
ออยล์ตำรับชาววังกับอากาศฮ็อตๆ ของไทยแลนด์
ระยะ 2-3 ปีมานี้ที่ผลิตภัณฑ์ประเภทออยล์บำรุงผิวบุกตลาดฮิตติดลมบน ทั้งจากญี่ปุ่น เกาหลีและยุโรปช่วงชิงตลาดกันจนไม่เหลือที่ว่าง พัดชาเองก็รอ ร๊อ รอ ว่าจะมีแบรนด์ไทยแบรนด์ไหนที่บุกตลาดออยล์บำรุงผิวได้สำเร็จโดนใจ
ก็สาวไทยเมื่อก่อนนั้นกลัวคำว่า ‘ออยล์’ กันจะแย่ ด้วยบ้านเราทั้งร้อนทั้งมลภาวะเยอะ แถมสาวไทยส่วนใหญ่นั้นมีผิวมันและผิวผสม ออยล์บำรุงผิวจึงกลายเป็นโปรดักส์ที่เข้าถึงยากเสียอย่างนั้น แต่สาวๆ เชื่อไหมว่าออยล์อย่างไทยตำรับชาววังนี่แหล่ะที่เหมาะกับผิวของสาวไทยมากที่สุด พัดชามาได้รู้ก็เมื่อตอนที่มีโอกาสลอง ‘HARNN Organic Face Oil’ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เข้ารอบมาให้กรรมการของ Praew Iconic Beauty 2019 นี่เองที่ทำให้ติดใจจนต้องใช้ยาวๆ
คอนเซ็ปต์สุดวิจิตรจากวิถีชาววังในรัชกาลที่5
ท่ามกลางวิถีชีวิตอันเร่งรีบไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะเอาเร็วเข้าว่า HARNN ให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยความวิจิตรบรรจง เริ่มต้นตั้งแต่แพคเกจจิ้งดีไซน์เรียบหรูที่แฝงไว้ด้วยดีเทลงดงาม
กล่องด้านนอกที่เรียบง่ายโมเดิร์นจ๋า เมื่อเปิดออกมาด้านในจะพบลวดลายฉลุ เป็นงานออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระที่นั่งวิมานเมฆ ลวดลายของดอกพุดตาน ประจำยาม กระจังใบเทศถูกนำมาร้อยเรียงเล่าใหม่ในแบบที่คนยุคดิจิตัลเข้าใจได้ง่าย ส่วนตัวขวดนั้นเป็นสีดำโปร่งแสงให้ความรู้สึกหรูหราและลึกลับใครชอบสไตล์เท่ๆ มินิมัลลิสต์ต้องเลิฟ
บำรุงล้ำลึกด้วยน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ 4 ชนิด
ต้องเล่าก่อนว่า ‘HARNN Organic Face Oil’ นั้นเขามีให้เลือกถึง 3 สูตร ซึ่งแต่ละชนิิดก็จะมีส่วนผสมประกอบที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนผสมหลักที่มีอยู่ในออยล์ทั้ง 3 สูตร นั้นคือน้ำมันจากธรรมชาติ 4 ชนิด ได้แก่ Organic Virgin Sunflower Oil น้ำมันบริสุทธิ์สกัดจากดอกทานตะวัน ที่ช่วยปกป้องฟื้นฟูสุขภาพผิวและกำจัดจุดด่างดำ, Organic Water Lily Oil Extract น้ำมันบริสุทธิ์สกัดจากดอกบัวสาย ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและเรียบเนียน Organic Argan Oil น้ำมันอาร์แกนมีสรรพคุณในการบำรุงผิว ลดริ้วรอยและการระคายเคือง ป้องการการเกิดสิว ส่วน Organic Sea Buckthorn Oil
หรือน้ำมันซีบัคธอร์นนั้นช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่สึกหรอ และลดความหมองคล้ำเน้นความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ เรียกว่าเป็นส่วนผสมอย่างไทยและสากลที่ผสมผสานกันได้ลงตัว ที่ไม่ต้องกลัวคือการการันตีถึงความเป็นออร์แกนิคในทุกส่วนผสม วางใจได้เรื่องความอ่อนโยนและปลอดภัยต่อสุขภาพผิว
3 สูตรเริดๆ อ่อนแอตรงไหนใส่ใจตรงนั้น
มองเผินๆ จะนึกว่า ‘HARNN Organic Face Oil’ นั้นมีแบบเดียวแต่พออ่านที่ขวดดีๆ ปรากฏว่าเขามีให้เลือกถึง 3 สูตรด้วยกัน ซึ่งพัดชาได้ลองทั้ง 3 ตัวแล้วบอกเลยว่าเขาออกแบบมาให้ทั้งสามสูตรเข้าได้กับผิวทุกประเภทไม่มีแพ้หรือระคายเคือง จะใช้สลับไปมาก็ไม่ได้ทำให้ผิวพังแต่อย่างใด
แต่หากจะเลือกใช้ให้ตรงจุดขอแนะนำสำหรับ 3 ความต้องการของผิวตามนี้
- Deep Hydrating Organic Face Oil’ นั้นเหมาะกับสาวผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น อย่างเราๆ ที่ทำงานในห้องแอร์ที่มีอากาศแห้ง ด้วยส่วนผสมจาก Salicornia Herbacea Extract (สารสกัดจากสาหร่ายทะเล) จะช่วยป้องกันการเสียน้ำและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ที่ตกหลุมรักสุดๆ คือกลิ่นหอมคลายเครียดจากน้ำมันลาเวนเดอร์และน้ำมันสกัดจากดอกส้มที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่นทั้งกายและใจ
- ‘Perfect Clarifying Organic Face Oil’ สูตรนี้มีส่วนผสมจาก Licorice Root Extract (สารสกัดจากรากชะเอม) และ Marshmallow Root Extract (สารสกัดจากรากมารช์ เมลโล่) ช่วยลดริ้วรอยจุดด่างดำเพิ่มความเปล่งปลั่งให้ผิวหน้า พร้อม Rose Geranium Oil (น้ามันสกัดจากเจอราเนี่ยมโรส) ช่วยปรับสมดุลย์ของสภาพจิตใจ ผ่อนคลายความตึงเครียดของระบบต่างๆ ในร่างกาย จึงเหมาะกับสาวทำงานที่มีความตึงเครียดสูงจนผิวหมองตล้ำ ตัวนี้ปรับผิวให้กระจ่างใสในยามเช้าได้ดีนักเชียว
- ส่วนตัวที่ต้องขออวยเป็นพิเศษคือสูตรที่ได้รับรางวัล Praew Iconic Beauty 2019 ที่ผ่านมา ‘Ultimate Revitalizing Face Oil’ เป็นสูตรที่เติมความสดใสให้ผิวได้อย่างรวดเร็วชนะใจกรรมการด้วย Black Currant Seed Oil (น้ำมันจากเมล็ดแบล็คเคอร์แรนท์), Balloon Vine Extract (สารสกัดจากต้นโคกกระออม) และ Rosemary Leaf Extract (สารสกัดจากใบโรสแมรี่) พัดชาได้ลองตัวนี้ในช่วงที่รู้สึกว่าผิวอ่อนแอขีดสุดจากการนอนน้อยจนเริ่มมีอาการผิวแพ้ ออยล์ตัวนี้เองที่ทำหน้าที่เหมือนเซรั่มบำรุงช่วยให้ผิวสงบลดอาการระคายเคืองช่วยให้ผิวสดใสได้อย่างรวดเร็ว สาวพักผ่อนน้อยที่ต้องการปลอบประโลมผิวเป็นพิเศษในยามค่ำคืนแนะนำให้รีเฟรชด้วยตัวนี้รับรองว่าเอาอยู่
เทคนิคการใช้ที่ประยุกต์ได้ไม่จำกัด สมเป็นออยล์ของสาวยุคใหม่
ถามว่าใช้อย่างไรสำหรับ ‘HARNN Organic Face Oil’ นี้มีวิธีการใช้ที่กว้างมาก เรียกว่าประยุกต์ได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ถนัด ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบาไม่ทำให้เหนอะหนะ แทบจะไม่รู้สึกว่าเป็นน้ำมันจึงใช้ได้ทั้งเช้า กลางคืน หรือแม้แต่ระหว่างวัน
ในช่วงเวลาเช้าหรือก่อนนอน หยด ‘HARNN Organic Face Oil’ ลงบนฝ่ามือแล้วลูบไล้หลังล้างหน้าตอนที่ผิวยังหมาดๆ ในขั้นตอนที่เหมือนกับเซรั่ม เพื่อให้เนื้อออยล์ดูดซึมซึมอย่างล้ำลึก หรือลองหยดลงบนผิวเพียง 1-2 หยด เฉพาะจุดที่รู้สึกว่าผิวแห้งไม่สดใสในช่วงเวลาระหว่างวัน ถือเป็นการกู้ภัยผิวแบบเรงด่วน หรือแบบที่พัดชาลองทำบ่อยๆ แล้วเวิร์คยิ่งคือการหยดผสมกับรองพื้น ช่วยเพิ่มความฉ่ำทำให้รองพื้นมีความเบาบางลงโดยที่ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกไปด้วย
มาถึงจุดนี้กรรมการจาก Praew Iconic Beauty 2019 จึงลงคะแนนเป็นเอกฉันท์ยกให้ ‘HARNN Organic Face Oil’ เป็น Iconic Anti-Aging Facial Oil แห่งปีที่มีครบทั้งคอนเซ็ปท์เริด ผลลัพธ์สุดบรรเจิด และวิธีใช้ที่ปรับได้อย่างชาญฉลาด
เรียกว่าเป็นออยล์ตำรับชาววังที่เข้ากับไลฟ์สไตล์สาวยุคดิจิตัลได้เป๊ะสุดๆ
เรื่อง: Padcha_Praewnista
ภาพ: อิทธิศักดิ์ บุญปราศภัย
สไตลิสต์: UP_KAMPHOO
ผู้ช่วยช่างภาพ: ภาดร ขจรฤทธิ์/ กรพินธุ์ บุญส่งทรัพย์