ตรวจคัดกรองและรักษาไวรัสตับอักเสบบีและซี เพิ่มโอกาสรักษา ‘มะเร็งตับ’ ให้หายขาดจริงหรือไม่

ตามที่มีสื่อออนไลน์ให้ข้อมูลผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ ตรวจเจอเพียงสองเดือนแล้วเสียชีวิตนั้น จากข้อมูลล่าสุดพบว่าปัจจุบันประเทศไทยพบจำนวนผู้เสียชีวิตจาก มะเร็งตับ สูงประมาณ 16,000 รายต่อปี โดยสาเหตุหลักของการเสียชีวิตเนื่องมาจากผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในระยะแสดงอาการแล้ว มักจะเป็นระยะท้ายของโรค ซึ่งมะเร็งตับจะเริ่มแสดงอาการเมื่อมีภาวะตับวายเกิดขึ้น โดยเมื่อถึงภาวะดังกล่าวถือเป็นระยะที่ยากต่อการรักษาให้หายขาด มีโอกาสเสียชีวิตสูง โดยความเสี่ยงสำคัญของ มะเร็งตับ ได้แก่ ภาวะไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง และภาวะตับแข็ง จากทุกสาเหตุ อย่างไรก็ตามหากตรวจพบไวรัสตับอักเสบบีและซีได้เร็ว ก็จะสามารถได้รับการรักษา และตรวจคัดกรองหามะเร็งตับได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ซึ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้ ไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังและตับอักเสบซีเรื้อรัง เป็นภาวะที่ไม่ค่อยแสดงอาการ บางรายอาจพบค่าการอักเสบของตับสูงเกินเกณฑ์จากผลตรวจสุขภาพนำไปสู่การสืบค้นหาไวรัสตับอักเสบบีตามมา ซึ่งหากมีภาวะตับอักเสบต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะตับแข็งและมะเร็งตับตามมาได้ ในปัจจุบันผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังและไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง เมื่อเข้ารับการตรวจรักษาจะได้รับการประเมินโดยแพทย์ 2 ประการ ประการแรก คือประเมินข้อบ่งชี้การกินยาต้านไวรัส โดยประโยชน์ของการกินยาต้านไวรัสในผู้ที่มีข้อบ่งชี้ จะช่วยลดอัตราการเกิดตับแข็งและมะเร็งตับตามมาในอนาคตได้ ประการที่สอง แพทย์จะทำการตรวจคัดกรองมะเร็งตับด้วยการตรวจอัลตราซาวด์ตับและเจาะเลือดดูสารบ่งชี้มะเร็ง(Tumor marker) ที่ชื่อ Alpha fetoprotein โดยประโยชน์ที่สำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็งตับ ช่วยทำให้เพิ่มโอกาสการตรวจพบมะเร็งตับในระยะเริ่มแรกในขณะที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้าในการรักษาตามแต่ระยะของโรค อาทิ การผ่าตัดรักษา การจี้ด้วยไฟฟ้า และอื่นๆ ให้มะเร็งตับระยะเริ่มแรกหาดขาดได้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาโรคมะเร็งตับอย่างครอบคลุมและเป็นระบบ จึงกำหนดนโยบายกระทรวงสาธารณสุขด้านมะเร็งครบวงจรในการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซีเรื้อรัง สำหรับผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 ในสถานพยาบาลใกล้บ้านทั่วประเทศโดยตั้งเป้าหมายคัดกรอง […]

keyboard_arrow_up