เค้กแต่งงาน อาจจะไม่ใช่ขนมในพิธีวิวาห์ของไทยโบราณ แต่ปัจจุบันเค้กได้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานเลี้ยงในวันแต่งงานไปเสียแล้ว โดยเราเอาอย่างชาติตะวันตกนั่นเอง
ถ้าย้อนไปถึงตำนานของ เค้กแต่งงาน อาจจะทำให้คุณต้องแปลกใจ ก่อนยุคโรมันนิยมนำข้าวสาลีมาโปรยศีรษะคู่บ่าวสาวเพื่อความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตคู่ และเมื่อถึงยุคโรมัน มีการทำขนมในวันแต่งงานจากแป้งสาลี เหล้าองุ่น และน้ำผึ้ง เป็นขนมก้อนเล็กๆ รสหวาน ที่มีไว้เพื่อบี้และโปรยใส่ศีรษะคู่บ่าวสาว
ถ้ามันมือหน่อย ก็จะละเลงไปบนศีรษะเลย ถือว่าไม่ผิดกติกาใดๆ อาจจะดูโหดไปหน่อยสำหรับเจ้าสาวกับวันสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ ประเพณีจะสืบมานานเพียงใดไม่ทราบได้ แต่ในอังกฤษ ขนมแต่งงาน คือ สโคน ซึ่งอบจากแป้ง ไข่ และ น้ำตาล ทำเป็นก้อนกลมแบนเล็กๆ คนที่มาร่วมพิธีจะทำสโคนมาร่วมงาน เจ้าภาพจะนำมาเรียงเป็นกองแบบเจดีย์ ยิ่งขนมกองสูงเท่าใดก็เหมือนคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีความสุขในชีวิตคู่
แต่การกองขนมสูงๆ ก็อาจจะมีอุบัติเหตุให้ขนมล้มครืนลงมาให้คู่บ่าวสาวใจเสียว่าโดนสาปแช่ง ดังนั้นเมื่อคนอังกฤษไปเห็นคนฝรั่งเศสในสมัยพระเจ้าหลุยส์ทำขนมเค้กแฟนซีเป็นชั้น จึงนำไอเดียนี้มาทำเป็นเค้กแต่งงาน
สำหรับในฝรั่งเศส ขนมในวันแต่งงานกลับเป็น Croquembouche ซึ่งเป็นเอแคลร์ ก้อนเล็กๆ กองสูงเป็นเจดีย์เช่นกัน ที่มาของขนมชื่อยาวนี้ก็คือขนมแต่งงาน แต่เดิมของฝรั่งเศสจะคล้ายกับสโคน แต่ใส่ผลไม้เข้าไปด้วย การวางกองสูงๆ จะยึดด้วยน้ำตาลเหนียวๆ พออากาศร้อน น้ำตาลละลาย กองเค้กจะล้มครืนลงมา เพราะเค้กแต่ละก้อนมีน้ำหนักไม่น้อย ดังนั้นเปลี่ยนมาเป็นเอแคลร์ซึ่งเบากว่า และน้ำตาลที่ใช้เป็นน้ำตาลทรายที่คืนตัวช้า Croquembouche จึงเป็นเอกลักษณ์ของฝรั่งเศสขนมแต่งงานที่ไม่เหมือนใคร
สำหรับเค้กแต่งงานบ้านเรานิยมทำเป็นชั้นสูงๆ เช่นกัน เราอาจจะคิดว่าที่ทำให้สูงเพราะดูสวย แต่ที่จริงมาจากความเชื่อ การกองขนมสูงๆ เหมือนคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวนั่นเอง
สังเกตว่าคนไทยไม่นิยมรับประทานเค้กแต่งงานกันเท่าไหร่ ตัดเค้กกันเป็นพิธีเท่านั้นเอง ทางโรงแรมส่วนใหญ่จึงใช้เนื้อเค้กจริงแค่ชั้นหรือสองชั้นแรก เราน่าจะกลับมาคิดว่า แทนที่จะทำให้เค้กสูงหลายชั้น น่าจะทำเป็นเค้กชั้นเดียวหรือสองชั้นที่มีรูปทรงสวยงามและหมายถึงชีวิตคู่
หลายคนอาจคิดว่า การตัดเค้กแต่งงานเป็นเพียงการเสริมความโรแมนติกให้พิธีแต่งงาน แต่เมื่อถึงตรงนี้คุณคงทราบแล้วว่า เค้กแต่งงาน ก็เหมือนทองหยิบ ฝอยทอง หรือทองเอกที่มีความหมายในการอวยพรชีวิตสมรสนั่นเอง
ที่มา : แพรว Wedding ฉบับพิเศษ 2542
Picture : Pinterest