แม่ก็คือแม่! 30 ปี ไม่พลิกล็อค “คริสติน่า อากีล่าร์” ครองฉายา Queen of Dance
แม่ก็คือแม่! 30 ปี ไม่พลิกล็อค “คริสติน่า อากีล่าร์” ครองฉายา Queen of Dance

แม่ก็คือแม่! 30 ปี ไม่พลิกล็อค “คริสติน่า อากีล่าร์” ครองฉายา Queen of Dance

Alternative Textaccount_circle
แม่ก็คือแม่! 30 ปี ไม่พลิกล็อค “คริสติน่า อากีล่าร์” ครองฉายา Queen of Dance
แม่ก็คือแม่! 30 ปี ไม่พลิกล็อค “คริสติน่า อากีล่าร์” ครองฉายา Queen of Dance

คุยเอ็กซ์คลูซีฟกับเจ้าของฉายา Queen of Dance “คริสติน่า อากีล่าร์” 30 ปี บนถนนสายดนตรี แม่ก็คือแม่! แบบไม่พลิกล็อค

นักร้องหญิงแนวป็อปแดนซ์ฉายา “Queen of Dance” สร้างกระแสความฮ็อตให้ยุค 90 ด้วยเพลงฮิตอย่าง นินจา, พลิกล็อค, ประวัติศาสตร์ และอีกหลายเพลง ที่ดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ชนิดไปไหนก็ต้องได้ยิน ที่สำคัญเธอคือนักร้องสาวคนแรกที่สร้างผลงานยอดขายอัลบั้มเกินล้านตลับ (ตลับในยุคนั้นแทนคำว่าตลับเทปคาสเส็ต) ได้ตั้งแต่อัลบั้มแรกภายในระยะเวลาแค่ 6 สัปดาห์ และยังทำสถิติเป็นนักร้องหญิงคนเดียวของไทยที่ทำยอดขายเกินหนึ่งล้านตลับ 4 อัลบั้มติดกัน คือ อัลบั้มนินจา (2533), อาวุธลับ (2533), Red Beat รหัสร้อน (2537) และ Golden Eyes (2540) อาจเพราะเอกลักษณ์การร้องที่โดดเด่น ทันสมัย ภาพลักษณ์ที่เปรี้ยวล้ำ บวกลีลาการแดนซ์แบบจัดเต็ม ทำให้เธอกลายเป็นซุป’ตาร์ตลอดกาล แม้จะผ่านมากว่า 30 ปี ติ๊นาในวันนี้ก็ยังดูฮ็อตและเต็มไปด้วยพลังแบบ…แม่ก็คือแม่

คริสติน่า อากีล่าร์

พลิกล็อคกันน่าดู ถล่มทลาย…

เมื่อพูดถึงการก้าวเข้ามาสู่เส้นทางนักร้องซุป’ตาร์ที่ออกอัลบั้มแรกปุ๊บก็ดังปั๊บ จนกลายเป็นไอดอลของสาวๆ ยุคนั้น ติ๊นายอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

“ครั้งแรกที่ออกอัลบั้มในปี 1990 ไม่คิดเลยว่าจะดัง ติ๊นาแค่คิดว่าเราได้มีโอกาสทำในสิ่งที่รักมาตลอดตั้งแต่สมัยยังเด็ก คือการร้องเพลงที่จู่ๆ พี่เต๋อ-เรวัต พุทธินันทน์ ก็ให้โอกาสติ๊นา สารภาพว่าตอนนั้นไม่รู้เลยว่าการเป็นนักร้องต้องเจออะไรบ้าง รู้แค่ว่าจะได้ร้องเพลงที่มีคนแต่งให้ แค่นั้นก็แฮ็ปปี้แล้ว ส่วนเพลงแดนซ์ก็ไม่มีปัญหา เพราะชอบอยู่แล้ว เต้นได้ ไม่อาย แฮ็ปปี้ด้วย แค่ต้องเรียนเต้นเพิ่ม เพราะเต้นบนเวทีกับเต้นที่บ้านไม่เหมือนกัน แต่ไม่ยาก เพราะเราค่อนข้าง ‘เร็ว’ (เน้นเสียงไปพร้อมกับยิ้มสนุก) ก็พยายามทำให้เป็นธรรมชาติที่สุด ติ๊นาคิดว่าเพลงแดนซ์นี่แหละลงตัวกับเราที่สุดแล้ว

“วันแรกที่ปล่อยทีเซอร์ออกมาเป็นมินิซีรี่ส์ กระแสตอบรับดีมาก จนพี่เล็ก (บุษบา ดาวเรือง) โทร.มาเล่าให้ฟังด้วยความตื่นเต้น ซึ่งเราก็ดีใจแล้วนะ พอถึงวันที่อัลบั้มวางแผง ก็ยิ่งได้รับการตอบรับที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ยิ่งวันที่เปิดจองบัตรคอนเสิร์ต นี่คือที่สุดเลย สมัยนั้นนักร้องดังต้องเล่นที่ MBK Hall ปรากฏบัตรขายหมดเกลี้ยง คนแย่งกันจนกระจกร้านแตก โอ้โฮ มันกลายเป็นกระแสที่เราไม่ได้คาดหวังไว้เลย อาจเพราะเมืองไทยตอนนั้นยังไม่มีนักร้องสไตล์นี้ ภาพลักษณ์ของเราจึงเป็นกึ่งๆ ‘ไคลี่ มิโนค’ (Kylie Minogue) คือเป็นสาวแดนซ์ เซ็กซี่ เปรี้ยว สนุก ทำให้ลุคของติ๊นาในตอนนั้นที่ผมสั้น ใส่ชุดหมีรัดรูป เข็มขัดใหญ่ๆ ฮิตกันไปทั่ว (ยิ้ม)

คริสติน่า อากีล่าร์

“ยิ่งตอนอัลบั้มสาม Red Beat นี่คือสุดยอดมากๆ เพราะทำยอดขายได้ เกิน 3 ล้านก๊อปปี้ เป็นยอดที่สูงที่สุดในบรรดานักร้องหญิง แล้วแต่ละเพลงก็ดังมาก (เช่น ไม่ยากหรอก, เลิกเหอะ, ไปด้วยกันนะ ฯลฯ) เกินจากที่เราหวังไปมาก แล้วไม่ใช่แค่นั้น ตอนขายบัตรคอนเสิร์ตคนแย่งกันจนทีมงานต้องวิ่งหนี (หัวเราะ) จำได้ว่าหนนั้นต้องไปเปิดขายบัตรกันในลานจอดรถของมาบุญครอง เพราะเขาไม่ให้ขายในร้านด้านในแล้ว เนื่องจากเคยทำร้านข้างในกระจกแตก ปรากฏคนมาปูเสื่อนั่งนอนรอเข้าคิวตั้งแต่คืนก่อนหน้าที่จะเปิดขาย พอเปิดขาย จำไม่ได้ว่า 9 หรือ 10 โมง นี่แหละ แป๊บเดียวบัตรหมด คนข้างหลังจึงมีโวย เกือบจะจราจล ทีมงานต้องกระโดดหนี กลัวโดนลูกหลง จนสุดท้ายจึงต้องเปิดคอนเสิร์ตรอบสอง

“ซึ่งปัจจุบันด้วยยุคสมัยคงยากที่ใครจะทำสถิติแบบขายอัลบั้มได้เกินล้านอีกแล้วละ ติ๊นาคิดว่าตัวเองโชคดีที่มีโอกาสเริ่มต้นทำงานในช่วงเวลาที่ถูกต้อง คืออยู่ในยุคทองของวงการเพลง คนฟังเพลงเยอะ และได้ร่วมงานกับคนที่ถูกต้อง อย่างพี่เต๋อและพี่ๆ นักแต่งเพลงระดับท็อปของเมืองไทย สำหรับติ๊นาจะรู้สึกว่าเพลงช้าร้องยากกว่าเพลงเร็ว เพราะต้องลากเสียงและใช้ความรู้สึกข้างในเยอะ แต่พี่เต๋อสอนว่าต้องเข้าใจเนื้อหาของเพลงก่อน ซึ่งช่วงแรกติ๊นายังไม่เข้าใจภาษาไทยอย่างลึกซึ้ง ก็ต้องอ่านเนื้อเพลงหลายๆ รอบ โดยพี่เต๋อช่วยอธิบายให้ฟัง เพื่อทำความเข้าใจอารมณ์เพลงให้ดีก่อนว่าถ้าอยู่ในสภาพแบบนี้ เราจะรู้สึกแบบไหน ในขณะเดียวกันฝั่งคนแต่งเพลงก็ใช้ภาษาสวยมาก ติ๊นาว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเพลงในยุคนั้นที่ติ๊นาชอบมากนะ ต้องมีคำที่คล้องจองกัน เป็นภาษาที่ต้องตีความ ไม่ใช่ภาษาพูดแบบทุกวันนี้ พี่นิ่ม สีฟ้า เคยบอกว่าเวลาจะแต่งเพลงที ต้องไปอ่านหนังสือกำลังภายในจีน เพราะมีภาษาเชิงเปรียบเทียบและภาษาที่สวยงามอยู่เยอะ ต้องอ่านเยอะๆ เพื่อเป็นไอเดียและจดคำเหล่านั้นมาปรับใช้

“ติ๊นาจึงกล้าบอกว่าทุกอย่างที่พี่เต๋อให้มาคือการวางรากฐานให้เรามีพื้นฐานที่แข็งแรงมาก อย่างที่นักร้องคนหนึ่งควรจะมีในการทำงานตรงนี้ คือมีเพลงดี เสื้อผ้า หน้าผม ทุกอย่างลงตัวหมดเลย ส่งผลให้แต่ละอัลบั้มทำยอดขายได้ดีตลอด เมื่อเราเริ่มต้นไว้ดีและแข็งแรง จากนั้นมาจึงเหนื่อยน้อยลง เราได้ทำงานกับคนที่ละเอียด ถ้าไม่ใช่พี่เต๋อ ติ๊นาก็คงไม่ใช่ติ๊นาที่ยังทำงานตรงนี้”

คริสติน่า อากีล่าร์

30 ปีบนถนนดนตรีและเวทีเพลงแดนซ์

นับจากครั้งแรกที่เดบิวต์ในปี 2533 จากยุคเทปคาสเส็ตสู่ยุคดิจิทัลดิสรัปชั่น จนมาถึงยุคโควิด-19 จนถึงวันนี้คริสติน่า อากีล่าร์ ก็ยังครองใจแฟนคลับและผู้ชมมาได้อย่างยาวนาน โดยพลังความสนุกยังไม่เคยลดลง

“ติ๊นาผ่านมาหมดแล้วนะ ทั้งช่วงที่วงการเพลงฮ็อตสุดๆ ได้รับการตอบรับที่ดี ทำสถิติได้สูงสุด จนมาถึงช่วงเซ็งที่สุด คือช่วงที่อัลบั้ม Paradise (ชุดที่ 5) กำลังจะวางแผง แล้วมีของปลอมมาวางตัดหน้า เรื่องแบบนี้ทำให้คนทำเพลงหมดกำลังใจ ติ๊นาเป็นนักร้องได้รับ ผลกระทบ แต่ยังพอมีคนจ้างไปร้องเพลง แต่นักแต่งเพลง คนเขียนทำนองที่รายได้มาจากการทำเพลง พอเจอแบบนี้ก็ส่งผลกระทบถึงเขาเต็มๆ เลย เขาอุตส่าห์ทำงานหนัก ตั้งใจทำเพลงดีๆ ออกมา แต่มาโดนก๊อปแบบนี้ ไม่แฟร์เลย ติ๊นาจึงหยุดทำอัลบั้มไปตั้งแต่มีเรื่องเทปผีซีดีเถื่อน แต่โชคดีที่ยังมีโชว์เข้ามาตลอด และเวลาไปร้องเพลงที่ไหนก็ยังมีแต่คนอยากฟังเพลงเดิมๆ อย่างพลิกล็อค, นินจา, พูดอีกที, ประวัติศาสตร์, ไม่ยากหรอก, ไปด้วยกันนะ, เปล่าหรอกนะ, เวลาไม่ช่วยอะไร, ฝากความยินดี นี่คือเพลงที่ต้องร้อง ไม่ร้องก็ไม่ได้ ประกอบกับติ๊นาเองก็ยังมีความสุขกับการได้ร้องเพลงและได้ขึ้นโชว์

คริสติน่า อากีล่าร์

“ความจริงตอนอายุ 30 กว่าๆ เคยคิดว่าเดี๋ยว 40 คงต้องเลิกร้องเพลง เพราะไม่น่าจะมีใครมาฟังเราแล้ว เราเองก็ไม่รู้ว่าจะเต้นไหวไหม แต่กลายเป็นว่าปัจจุบันอายุจะ 54 แล้ว ก็ยังเต้นได้อยู่และแฮ็ปปี้ด้วย จึงคิดว่าจะไม่กำหนดหรือจำกัดเวลาในการทำงานหรือแนวเพลงของเราอีกต่อไป รอดูสถานการณ์ ณ ตอนนั้นแทน ที่เหลือก็อยู่ที่ว่าเราดูแลตัวเองอย่างไร มีวินัยมากแค่ไหน รักอาชีพและมีความรับผิดชอบในงานมากแค่ไหน มีความสุขกับสิ่งที่ทำและการมอบความสุขให้คนอื่นอยู่ไหม ก็จะอยู่ต่อไปจนกว่าจะรู้สึกว่าพอแล้ว ไม่ไหวแล้ว หรืออยากเปลี่ยนแนวไปทำอย่างอื่น ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ยังสนุกอยู่ ถ้าไม่ได้เต้นจะอึดอัด เวลามีคอนเสิร์ต หลายครั้งที่ทีมงานก็ไม่อยากให้ติ๊นาเต้นเยอะ แต่ติ๊นาไม่ยอม ขอเต้นเยอะๆ ท่ายากก็ได้ รู้สึกว่าถ้าเต้นน้อยหรือเวลาเจอท่าง่ายแล้วไม่ท้าทาย ยิ่งยากยิ่งทำให้เราอยากพัฒนาตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ก็ร้องไห้ด้วยนะ อย่างเวลาเล่นคอนเสิร์ตไหนแล้วเต้นผิดท่าไปนิดหนึ่ง พอลงมาแล้วร้องไห้เลย โกรธตัวเอง เจ็บใจว่าทำไมพลาดเรื่องเล็กน้อย

“ถ้าสังเกตจากอัลบั้มชุดแรกมาจนถึงวันนี้ ท่าเต้นในทุกคอนเสิร์ตของติ๊นาจะยากขึ้น ไม่ง่ายลง ดังนั้นถ้าใจไม่รักหรือร่างกายไม่แข็งแรงพอ เราจะทำไม่ได้ สิ่งสำคัญคือเราจะไม่สร้างข้อจำกัดให้ตัวเอง ถ้ากลัวพลาดก็ซ้อมให้เยอะ ก่อนขึ้นคอนเสิร์ตติ๊นาขอซ้อมเยอะมาก เพราะยิ่งซ้อมมากยิ่งได้เปรียบ เนื่องจากเวลาอยู่บนเวทีเราต้องทำหลายอย่าง แยกประสาทหลายเรื่อง ไหนจะเนื้อร้อง เต้น สคริปต์ บล็อกกิ้ง แต่ถ้าเราซ้อมมาเยอะจนจำท่าเต้นได้โดยไม่ต้องนับหรือคิดเรื่องนี้ เราจะสามารถไปโฟกัสกับเรื่องอื่นได้เต็มที่

คริสติน่า อากีล่าร์

“แม้วันนี้วงการเพลงจะเปลี่ยนไปมาก ติ๊นาก็ทำใจได้นะว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา ก็ต้องหาวิธีทำงานให้ได้ อีกหน่อยคนอาจจะไม่ซื้อตั๋วเข้าไปดูคอนเสิร์ตก็ได้ อาจจะดูผ่านออนไลน์แทน แต่ติ๊นายืนยันว่าฟีลลิ่งไม่เหมือนกับการเข้าไปดูหน้าเวทีแน่นอน เพราะเสน่ห์ของคอนเสิร์ตคือแสงสีเสียงและพลังที่ส่งถึงกันระหว่างคนบนเวทีกับคนในฮอลล์ ถ้าไม่ได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีทางได้เจอกับอารมณ์นั้น ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ทำให้ติ๊นาชอบโชว์บิส คือเราไม่ได้ทำเพลงใหม่ๆ ออกมาแล้ว แต่ยังชอบการขึ้นแสดงอยู่ มีความสุขทุกครั้งที่ขึ้นเวที อะดรีนาลินมาเต็ม เพราะเรารู้ว่าคนที่อยู่ในนั้นคือคนที่รักและตั้งใจมาดูเรา ต้องทำให้เขาแฮ็ปปี้ที่สุด อย่างคอนเสิร์ต ‘เวทีคอนเสิร์ตคืนรอยยิ้ม’ ที่เพิ่งจัดไป ณ True Icon Hall ก็ทำให้เรากลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง เพราะตั้งแต่มีโควิด-19 มา วงการเพลงเงียบเหงาไปมาก เราจึงต้องหาวิธีการทำให้นักร้อง คนเบื้องหน้าและเบื้องหลังได้ทำงานและ มีรายได้เข้ามา กลายเป็น Hybrid Concert ที่สามารถเข้ามาชมในฮอลล์แบบคอนเสิร์ตปกติ ภายใต้กฎระเบียบและการป้องกันสูงสุด หรือจะดูแบบไลฟ์ผ่าน ออนไลน์ก็ได้เช่นกัน ก็ถือว่าทำให้ทุกคนได้มาปลดปล่อย สนุกสนานไปกับการฟังเพลงหลังจากอัดอั้นมานานด้วยกัน และหวังว่าจะเป็นอีกแนวทางในการเล่นคอนเสิร์ตให้นักร้องคนอื่นในยุคที่เราต้องมีการปรับตัว”


ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 961

ภาพเพิ่มเติม : c_aguilar

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อัพเดตชีวิต 15 ปี เส้นทางนักร้อง “เป๊ก-ผลิตโชค” ล้มลุกแล้วโลดแล่นด้วยพลังบวก

เปิดใจ “เฌอปราง” จากวันแรกถึงวันนี้ ขึ้นแท่นไอดอลอายุน้อย แต่เต็มร้อยเกินวัย

8 ปี บนเส้นทางมายา ‘เจมส์-จิรายุ’ ไม่ยึดติดบทพระเอก พร้อมบรรเลงตามจังหวะชีวิต

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up