นอกจากเส้นทางดนตรี ถนนอีกสายหนึ่งของบรรดาศิลปินหญิง คือการสำรวจคือโลกแห่งความงามและเครื่องสำอางคนดังหลายคนกำลังขยายแบรนด์ของตนเองนอกเหนือจากการเป็นนักร้อง ซึ่งเทรนด์นี้น่าสนใจ เพราะไม่เพียงแค่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์หรือรายได้
แต่ยังบ่งบอกถึงสไตล์และวิสัยทัศน์ ขณะเดียวกันยังเป็นการผสมผสนานระหว่างศิลปะและความงามเอาไว้อย่างลงตัวโดยการที่ศิลปินเข้ามามีบทบาทในวงการเครื่องสำอางมากขึ้นนั้น ทำให้มีความหลากหลาย ทั้งยังเป็นการดีที่ผู้บริโภคมีตัววเลือกมากขึ้น และยังได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่อะไรคือเหตุผลที่เครื่องสำอางของศิลปินประสบความสำเร็จจนมีรายได้ทะลุพันล้าน เรามาลองวิเคราะห์ไปพร้อมๆ กันค่ะ
Lady Gaga

การแต่งกายที่เรียกเสียงฮือฮาทุกครั้งที่ปรากฏตัว ชุดเนื้อสด เมคอัพแบบคนเป็นโรคผิวหนัง ทรงผมที่ฟูเหมือนสิงโต นี่คือสไตล์ของ เลดี้กาก้า ศิลปินระดับโลกที่สร้างสรรค์เอกลักษณ์การแต่งตัวล้ำๆ การแต่งหน้าที่จัดจ้าน จนผู้คนที่เห็นต้องอึ้งทึ่ง Haus Laboratories เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ก่อตั้งโดย เลดี้ กาก้า เมื่อปี 2019โดยมีจุดแข็งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางมังสวิรัติและไม่ทำร้ายสัตว์ ซึ่งเป็นเทรนด์โลกที่หลายคนหันมาให้ความสนใจ Haus Lab เป็นมากกว่าแค่แบรนด์เครื่องสำอาง เพราะนอกจากการชูจุดเด่นในเรื่องเมคอัพสุดแซ่บแล้ว ยังส่งเสริมในเรื่องของศิลปะ ความกล้าแสดงออก และการรักตัวเอง

โดยรายได้ส่วนหนึ่งยัง สนับสนุนมูลนิธิ Born This Way สำหรับผู้ป่วยซึมเศร้าหลังจากเปิดตัวได้ 1 ปี Haus Lab สามารถทำยอดขายได้กว่า 141.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4,800 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับแบรนด์เครื่องสำอางของเซเลบริตี้คนอื่นแต่ต่อมาในปี 2021 รายได้ของ Haus Lab ลดลงเหลือเพียง 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,500 ล้านบาทโดยสาเหตุของรายได้ที่ตกฮวบอาจจะมาจากการที่ Haus Lab ขายสินค้าผูกขาดกับแค่ 2 ช่องทาง นั่นคือ Amazon และเวปไซต์แบรนด์ แม้ปัจจุบันผู้คนจะซื้อสินค้าทางออนไลน์ แต่สำหรับเครื่องสำอางอาจไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถทดลอง สีและเนื้อสัมผัสที่แท้จริงได้ ในท้ายที่สุด Haus Lab ตัดสินใจรีแบรนด์ครั้งใหญ่ พร้อมยกเครื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดโดยยังคงความเป็น เครื่องสำอางมังสวิรัติและไม่ทำร้ายสัตว์ แต่ที่เพิ่มเติมในเรื่องของ Clean Beauty และกำหนดมาตรฐานให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
Rihanna

ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องสำอาง ของศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคงหนีไม่พ้น แบรนด์ Fenty Beauty ของ Rihanna โดยนับตั้งแต่แบรนด์ถือกำเนิดในปี 2017 Rihanna ก็ทุ่มเทให้กับการปั้นแบรนด์จนแทบจะไม่รับงานร้องเพลงอีกเลย ถึงขั้นมีแฟนคลับให้ฉายา แม่ค้าที่ร้องเพลงได้
สำหรับธุรกิจนี้ Rihanna ได้ตัดสินใจร่วมมือกับ LVMH ถือหุ้นคนละ 50% เพื่อเริ่มต้นการผลิตออกสู่ตลาดเครื่องสำอางแบรนด์ Fenty Beauty เกิดขึ้นจากแนวคิด “Beauty for All” หรือ “ความงามสำหรับทุกคน”ซึ่งไม่ใช่การสร้างแรงกดดันแบบบิวตี้สแตนดาร์ด แต่เป็นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สนองความต้องการของผู้หญิงที่แตกต่างกันของผู้หญิงแต่ละคนด้วยจุดเด่น ความหลากหลายของเฉดสี คุณภาพ ความทันสมัย ราคาเข้าถึงได้ และการทำการตลาดที่โดดเด่น ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่นิยมของทุกกลุ่มทุกวัย

โดยเฉพาะกลุ่มสาวผิวสี ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีแบรนด์เครื่องสำอางใดสนใจให้ความสำคัญนัก แต่ Rihanna กลับมองเห็นว่า เครื่องสำอางหลายยี่ห้อบนโลกนี้ ไม่ได้ทำเพื่อให้เข้ากับโทนสีผิวของทุกคน เธอจึงอยากเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้ การที่ Fenty Beauty ผลิตรองพื้นออกมาหลายเฉดสีนั้น ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเครื่องสำอาง
และหากถามว่า Fenty Beauty มีกี่เฉดสีนั้นอาจมีคำตอบที่ไม่ตายตัว เพราะแบรนด์ได้เพิ่มเฉดสีใหม่ๆ อยู่เสมอโดยเปิดการเปิดตัวครั้งแรกมี 40 เฉดสี และค่อยๆ เพิ่มสีใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ปัจจุบันคากว่ามีไม่ตำหว่า 50 เฉดสีนอกจากผลิตภัณฑ์แต่งหน้า Fenty Beauty ยังได้เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอีกหลากหลาย โดยทั้งหมดมีพันธกิจคือความหลากหลายไม่แบ่งแยก อย่างไรก็ตาม Fenty Beauty เคยได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Time ให้เป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดของปี 2017 ขณะที่ในปี 2023 Fenty Beauty กลายเป็นแบรนด์ที่ร่ำรวยที่สุดในการจัดอันดับ 10 อันดับแรกของ Cosmetifyซึ่งรายได้ต่อปีอยู่ที่ 582 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 19,000 ล้านบาท ปัจจุบันยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
Selena Gomez

ปิดท้ายธุรกิจเครื่องสำอางของ เซเลนา โกเมซ เจ้าของฉายา ควีนออฟโซเชียลมีเดีย แบรนด์ Rare Beauty เปิดตัวในปี 2020 ได้รับแรงบันดาลใจจากอัลบั้มและเพลง ของ เซเลนา โกเมซเนื้อหาของเพลงชี้ในเรื่อง ความงามสำหรับทุกคน เช่นเดียวกับความตั้งใจแบรนด์ที่สนับสนุนให้ทุกคนทลายมาตรฐานความงามแบบเดิมๆ เพราะแบรนด์เชื่อว่า ความสวยที่แท้จริง ต้องมาจากความเป็นเรา จึงอยากให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการยอมรับในตัวเองเซเลนา โกเมซ ในฐานะผู้ก่อตั้งและแบรนด์แอมบาสเดอร์มีส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้างการรับรู้และความสนใจของแบรนด์
ในช่วงเริ่มต้นหลายคนมองว่าความสำเร็จของ Rare Beauty เกิดจากการเป็นศิลปินที่มีฐานแฟนคลับ ที่จะเป็นที่นิยมในช่วงแรกๆ และจางหายไป แต่สถานกาณ์นั้นไม่เกิดขึ้นกับ Rare Beauty แบรนด์ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า การทำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคไม่เปลี่ยนแปลง

สำหรับสินค้าขายดีของ Rare Beauty คือ Liquid Blush ขายได้มากถึง 3.1 ล้านชิ้น มีราคาขายตกชิ้นละ 23 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 787 บาท หมายความว่าแค่ขายบลัชออนเพียงอย่างเดียว ก็สามารถทำเงินได้ถึง 70 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,395 ล้านบาท ต่อปี
มีรายงานว่าเมื่อปีที่ผ่านมา เซเลนา โกเมซ ขึ้นแท่นเศรษฐินี ด้วยทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงถึง 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.4 หมื่นล้านบาทโดยหนึ่งในช่องทางรายได้เที่มหาศาลมาจากธุรกิจเครื่องสำอาง Rare Beauty มากถึง 350 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 11,740 ล้านบาท ทั้งนี้ Rare Beauty ยังได้ก่อตั้ง Rare Impact Fund องค์กรที่ช่วยเหลือให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูล เพื่อเยียวยาสุขภาพจิตของตัวเองโดยจะบริจาค 1% จากยอดขายทั้งหมดให้กับ Rare Impact Fund รวมทั้งยังระดมทุนเพิ่มเติมร่วมกับมูลนิธิเพื่อนการกุศลต่างๆ เพื่อให้คนที่กำลังประสบปัญหาสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิต
และนี่คือธุรกิจพันล้านของศิลปินหญิงเบอร์ต้นๆ ของโลก เป็นว่าใครเป็นแฟนของศิลปินท่านไหนหรือแบรนด์ไหนอยู่บ้าง คอมเม้นต์แลกเปลี่ยนความชอบกันนะคะ