หมอเจี๊ยบ-ลลนา

พรหมลิขิตรักของ หมอเจี๊ยบ-ลลนา จะไปง้อแฟนเก่า แต่! กลับพบแฟนใหม่

Alternative Textaccount_circle
หมอเจี๊ยบ-ลลนา
หมอเจี๊ยบ-ลลนา

เปิดเรื่องราวพรหมลิขิตรักของ หมอเจี๊ยบ-ลลนา จะไปซื้อลูกโป่งง้อแฟนเก่า แต่! แต่กลับได้พบกับ “ดียร์บุรา” แฟนสาวที่จะสร้างอนาคตด้วยกัน

เจี๊ยบ-ลลนา

หลังจากที่คบหาดูใจกันมาหลายปี ในที่สุดคู่รัก หมอเจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์ และนักธุรกิจสาว ดียร์บุรา สาคร ได้ตัดสินใจสร้างบ้านร่วมกัน ซึ่งมีมูลค่า 10 กว่าล้านบาท แม้กฎหมายสมรสเท่าเทียมยังไม่ผ่าน แต่ทั้งคู่ก็ตั้งใจว่าจะได้ใช้ชีวิตไปด้วยกันจนแก่เฒ่า ซึ่งล่าสุดทั้งคู่ได้มาเปิดใจในรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง One31 เปิดเผยเรื่องราวความรักตลอด 5 ปี รวมถึงพรหมลิขิตที่ทำให้ทั้งคู่ได้โคจรมาเจอกัน

จุดเริ่มต้นความรักของหมอเจี๊ยบและเดียร์เป็นอย่างไร?

หมอเจี๊ยบ : เรื่องเกิดมาจะ 5 ปีแล้ว ตอนนั้นอกหัก ปกติไม่เคยต้องเจ็บช้ำเรื่องความรัก พอเจอเข้าไปทีก็ไปไม่ถูก เราก็กะว่าจะไปง้อแฟนเก่าด้วยการซื้อลูกโป่ง เขาเปิดร้านขายลูกโป่ง เจี๊ยบว่ามันเป็นพรหมลิขิตเพราะปกติเขาบอกว่าเขาไม่เข้าร้านเช้า เจี๊ยบก็ไม่กะจะไปร้านเอง พอดีทำงานเสร็จช่วงเช้าพอดีเลยแวะร้านลูกโป่ง ก็เลยเจอเขาที่นั่นเลย เจอครั้งแรกยังร้องไห้ตาบวมใส่แว่นดำอยู่เลย พอเดินเข้าไปในร้านเจอเขาโผล่หน้าออกมาจากม่าน เราสตั๊นท์ไป 2 วินาที

หมอเจี๊ยบ : สมัยก่อนเจี๊ยบดูหนังโรแมนติก หนังรักเรื่องไหนก็ไม่เคยอิน แต่พอเจอเขา การดูหนังรักเรื่องไหนก็เข้าใจหมดเลย ยิ่งหนังรักที่เป็นพรหมลิขิตมันเข้าใจจริงๆ

ลลนา ก้องธรนินทร์ 

ความรู้สึกเดียร์ที่เจอกับหมอเจี๊ยบครั้งแรกเป็นอย่างไร?

เดียร์ : เหมือนเคยเห็นผ่านอินสตาแกรมว่าเป็นนักแสดง

หมอเจี๊ยบ : แต่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้คือก่อนที่จะเข้าไปที่ร้าน เจี๊ยบโทรสั่งลูกโป่งก่อน แล้วเสียงเจี๊ยบเวลาคุยในโทรศัพท์จะเหมือนเด็กมากคือพูดไม่รู้เรื่อง แล้วเดียร์เขานึกในใจว่าเหมือนเด็ก ม.3 เขาจะกำจัดเด็กคนนี้ไปให้เร็วที่สุด เดี๋ยวจะมาวุ่นวายให้เตรียมนั่นเตรียมนี่

ดียร์ : ได้ยินเสียงแล้วคิดว่าเหมือนเด็กเกรียน

หมอเจี๊ยบ : คือมันเหมือนเป็นพรหมลิขิตเหมือนกัน คือก่อนหน้าที่เจี๊ยบจะไปเจอเขา ก่อนหน้านั้นเป็นวันเกิดเจี๊ยบ แล้วมีคนจ้างเขาให้ไปจัดงานเซอร์ไพร้ส์เจี๊ยบ โดยที่เขาไม่ได้เจอ เขาไปจัดงานให้เฉยๆ แล้วมีวันเกิดปีหนึ่งเขาบอกว่าเขาจัดงานวันเกิดให้เจี๊ยบ 3 ปีแล้วนะ พอเจี๊ยบไปถึงร้านวันนั้นเจี๊ยบสั่งให้เขียนว่า I’m Sorry เขาก็เลยแซวว่าไปทำอะไรผิดมา เลยยิ่งสปาร์ค

ดียร์ : เราก็แซวว่าไปทำอะไรผิดมา เพราะเขาซื้อลูกโป่งหน้ายิ้มเป็นร้อยๆ ใบเลย แล้วจะเอาตอนนี้ เดี๋ยวนี้

หลังจากวันนั้นเกิดอะไรขึ้น ?

หมอเจี๊ยบ : สำหรับความรู้สึกเจี๊ยบตอนนั้นมันรู้สึกว่า ปกติเราไม่ได้เป็นคนจีบใครก่อน แต่วันนั้นเรารู้สึกเลยว่าคนคนนี้เราไม่อยากให้เขาหายไป จะทำยังไงดี จีบคนก็ไม่เคย ก็เลยบอกว่าจะบอกผลลัพธ์ว่าง้อสำเร็จหรือเปล่า ถ้าส่งไปในไลน์ร้านคนอื่นจะเห็นหรือเปล่า เขาก็เลยให้ไลน์ส่วนตัวมา

เรียกว่าลืมคนเก่าได้เร็ว ?

หมอเจี๊ยบ : ยังไม่ลืมนะ ความรู้สึกตอนนั้นยังไม่ได้คิดกระโดดขั้นว่าจะจีบ แต่พอสติมันมาครั้งแรกคืออยากได้คนนี้เป็นแฟนแต่หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าไม่อยากให้คนนี้หายไป แต่เราไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหน แต่เราเดินหน้าง้ออีกคนหนึ่งอยู่ พอเราได้ไลน์มาเราก็เนียนถามว่ามีแฟนยัง

ในใจลึกๆ รู้อยู่แล้วว่าการทะเลาะกับแฟนเก่าครั้งนั้น มันมีเปอร์เซ็นต์ที่จะกลับไปได้น้อยมาก ใช่หรือเปล่า?

หมอเจี๊ยบ : น้อยมาก แต่เราก็พยายามอยู่ พอเรามีปัญหากับใครอยู่ ชีวิตมันก็ต้องดำเนินต่อไป มันก็มีคนถูกใจถูกตาเราได้ ถ้าเราง้อเขาสำเร็จเราก็จะกลับไปเหมือนเดิม แต่พอดีมันไม่สำเร็จ แล้วมันก็เป็นจังหวะพอดีที่ถามเขา ส่งไปว่ามีแฟนยัง สรุปคำตอบคือมีแล้ว ก็เลยแกล้งบอกว่า ดูแลแฟนดีๆ จะได้ไม่ต้องเป็นแบบเรา

เดียร์-บุศรา

พอถามไปว่ามีแฟนแล้วยังงี้ก็จบเลยใช่ไหม?

หมอเจี๊ยบ : จบ เราก็ไม่ได้คิดเรื่องที่เขาจะมาเป็นแฟนอะไรเลย เราคบกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ มันไม่ได้ผิดหวัง ก็แค่ยูเทิร์นแบบเอี๊ยดเลย แต่เขาก็น่ารักมาก เขากลายเป็นที่ปรึกษาเรา เขาก็เล่าให้ฟังว่าเขาเคยมีปัญหาคล้ายๆ เรา แฟนเขาเคยทำอะไรผิดแล้วแฟนเขาพยายามง้อยังไง เราก็เลยขอคำแนะนำว่าเราจะเดินหน้ายังไงเพื่อการง้อ เขาก็บอกว่าให้ทำทุกอย่างให้เหมือนพระเอกเกาหลี ให้ง้อทุกอย่าง ทำดีทุกอย่าง เจี๊ยบก็ทำทุกอย่างจริงๆ แอบเข้าไปในห้อง เอาของที่เขาชอบไปไว้ แล้วทุกครั้งที่เราทำอะไรดีๆ เราก็ถ่ายรูปส่งมารายงานผลเขาว่าวันนี้เราง้อแบบนี้ๆ เจี๊ยบว่าเขาคงหลงรักเจี๊ยบเพราะทำตัวเหมือนพระเอกเกาหลีแหละ

แล้วหลงรักจริงไหมช่วงนั้น ?

ดียร์ : จริงๆ ดียร์ชอบนะ แต่อาจจะไม่รู้ตัวด้วยความที่ไม่เคยชอบผู้หญิงมาก่อน

แต่ฝั่งเดียร์ก็มีแฟนอยู่แล้ว ไปจีบกันยังไงถึงมาลงตัวกัน ?

ดียร์ : วันหนึ่งดียร์เลิกกับแฟน เป็นปีถึงจะมาคบกับพี่เจี๊ยบ

หมอเจี๊ยบ : ช่วงที่ปรึกษากัน เจี๊ยบเลิกคิดแล้ว เพราะเขามีเจ้าของ กลายเป็นว่าเรารักเขาแบบบริสุทธิ์ใจ ที่ผ่านมาเวลาเราชอบใครก็จีบ แบบปิ๊งกัน เดินหน้าจีบ สองอาทิตย์เป็นแฟน แต่สำหรับคนนี้เรารู้สึกว่าเรารักเขาด้วยบริสุทธิ์ใจ เราไม่ได้ต้องการครอบครองหรือหวังเขา เรารู้สึกขอบคุณเขา เขาอยู่ตรงนั้นเพื่อเราแล้วเขาทำให้เราหลุดมาจากตรงนั้นได้ เพราะเจี๊ยบทำทุกทางแล้วที่จะง้อ มีคำพูดหนึ่งที่เขาส่งไลน์มาหาเจี๊ยบว่า เก็บสิ่งที่เราทำให้กับคนที่เขาเห็นค่าดีกว่า เพราะเรามีค่าพอที่จะไปทำให้คนอื่น วันนั้นเป็นวันที่ดึงสติเจี๊ยบกลับมาเลย เราพอแล้ว เราหยุดแล้ว

คุยกันตั้งแต่ร้านลูกโป่ง คุยกัน มีไลน์กัน อยู่ประมาณกี่ปี ?

หมอเจี๊ยบ : ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ง้อ พอง้อไม่สำเร็จ เจี๊ยบก็แยกย้ายไปสอบ ไปทำงาน ไปทำมาหากิน มีคนเข้ามาก็ไปคุยกับคนอื่น ไปเปิดใจกับคนอื่นหลายๆ คน ตอนนั้นตั้งปณิธานกับตัวเองเลยว่าเราจะครองตัวเป็นโสด จะไม่ยอมเป็นแฟนใครหรือจะไม่ขอใครเป็นแฟน จนกว่าจะมั่นใจว่าคนนั้นคือคนที่ใช่จริงๆ เราก็เคยทำคนเสียใจมาเยอะแล้ววันหนึ่งที่เรามาเสียใจเอง เรารู้สึกว่ามันเป็นความเจ็บปวดที่น่ากลัวและทรมานมาก เราจะรู้สึกเลยว่าเราไม่อยากเจ็บปวดแบบนั้นและที่สำคัญเราไม่อยากทำให้คนอื่นเจ็บปวดเช่นกัน

แล้ววันดี คืนดีมาขอเป็นแฟน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

หมอเจี๊ยบ : ก็เหมือนเป็นพรหมลิขิตอีกแล้ว ถ้าเราสอบผ่าน เขาเคยสัญญากับเราไว้ตั้งนานแล้วว่า ถ้าสอบผ่านเดี๋ยวให้รางวัล เราก็ส่งไปบอกว่าสอบผ่านแล้วไหนสัญญาว่าจะให้รางวัล เขาก็นัดกินข้าว แล้วช่วงนั้นเขาก็เลิกกับแฟนเขาไประยะหนึ่งแล้ว อยู่ดีๆ ก็เปิดความในใจกันว่า

เดียร์ : ตอนนั้นที่คุยกันก็ดีนะ ต่างคนต่างรู้สึกดี

หมอเจี๊ยบ : คือเจี๊ยบไม่เคยรู้เลยว่าเขารู้สึกดีกับเรามาก่อนในทางนั้น ไม่ได้คาดคิดแบบนั้นเลย แล้วเขาก็มาบอกว่าเขาชอบเรานะ เขาเสียใจนะที่เราหายไปช่วงหนึ่ง เราก็งงๆ เลย อึ้ง เขาชอบเรา ทั้งที่เราเคยชอบเขาและไม่คิดว่าจะเป็นไปได้แล้ว เราก็ดีใจส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งคือเรามั่นใจตัวเองแล้วหรือยัง คือตอนนั้นมันก็มันยังเพราะเป็นช่วงที่เราไม่มั่นใจตัวเองว่าเราจะดูแลคนนี้ได้ ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนเด็กๆ ก็ไปเลย เป็นแฟนเลย ไม่ได้คิดหวังดีอะไรกับเขา คิดแต่ตัวเองเป็นหลัก แต่ทุกวันนี้เราต้องมั่นใจ เราต้องดูแลคนนี้ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่ได้รักเขาแบบฉาบฉวย เรารู้สึกรักเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจเพราะเขาเคยช่วยเหลือเรามาก่อน เราก็จะไม่กล้าว่าเป็นแฟนกันเลย เราจะต้องมั่นใจตัวเองแต่มันเป็นช่วงไม่มั่นใจ

ขอเป็นกันด้วยวิธีไหนใช้วิธีไหน ?

หมอเจี๊ยบ : ไปเรียนมาจากคนอื่น ก็เขียนขอเป็นแฟนบนกระดาษซับมัน แล้วส่งให้เขา แล้วเขาก็หยิบมาใช้แล้วเห็น

ฝั่งคุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างไรบ้าง ?

หมอเจี๊ยบ : คุณพ่อ คุณแม่ น้องดียร์น่ารักมาก การที่คบกับเขาสิ่งหนึ่งที่โชคดีมากก็คือครอบครัวเขา ครอบครัวเขาน่ารักมาก คือให้การต้อนรับเราอย่างน่ารักมาก อย่างคุณยายเขาก็ใส่ชุดเหมือนรับปริญญาหลานมารอรับเรา

เดียร์ : แม่ก็จะคอยเตรียมอาหารให้พี่เจี๊ยบกิน ถามว่าพี่เจี๊ยบไปทำงานกี่โมง คอยเตรียมโน่นเตรียมนี่ไว้ให้

บ้าน หมอเจี๊ยบ

บ้านหลังที่สร้างอยู่เรือนหอหรือเปล่า ?

หมอเจี๊ยบ : คำว่าเรือนหอเป็นคำที่สื่อตั้งให้ เพราะตอนที่เราสร้างกันเราไม่คิดว่ามันจะเป็นเรือนหอ เราแค่คิดว่าหลังนี้จะเป็นหลังที่เราจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต เป็นบ้านที่เราจะสร้างด้วยกันอยู่ด้วยกันจนแก่ สร้างทุกอย่าง ฟังก์ชั่นมันตอบโจทย์เราสองคน หลายๆคนบอกว่าสร้างบ้านชอบทะเลาะกัน ของเราโชคดีที่เราแบ่งกัน แบ่งห้องแต่งตามสไตล์ใคร สไตล์มัน แต่สุดท้ายเราก็มาจูนกันได้ตรงกลาง

หวังไว้ในอนาคตไหมว่าจะมีงานแต่งกัน ?

หมอเจี๊ยบ : หวังอยู่แล้ว สมัยก่อนเจี๊ยบไม่เคยเชื่อเรื่องการแต่งงานเลย คิดว่าจะแต่งทำไมก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว แต่พอเราเจอคนที่เรารักจริงๆ มันคือการแสดงสถานะจริงๆ ต่อคนอื่น เพราะคนที่จะเข้ามาหาเราเขาหรือเข้ามาหาเราก็จะมีความเกรงใจมากขึ้นมากกว่าการเป็นแฟนกัน

ถามเดียร์อยากแต่งงานมั้ย มีภาพในหัวเป็นยังไง ?

เดียร์ : อยากค่ะ จริงๆ เดียร์มีภาพในหัวแล้วคงเป็นงานเล็กๆ ที่มีแค่ครอบครัวกับเพื่อนสนิท อาจจะจัดที่บ้านด้วยซ้ำ

หมอเจี๊ยบ : แต่เรื่องที่มันสำคัญกว่าการแต่งงานก็คือเรื่องกฎหมายของกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ ถ้าคนที่ไม่ได้มาเป็นอย่างพวกเราคงไม่รู้หรอกว่ามันสำคัญขนาดไหน เรื่องการตัดสินใจร่วมกัน การรักษา การวางแผนอนาคต การเงินต่างๆ มันต้องยึดจุดกฎหมายเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเจี๊ยบว่าอยากให้มีกฎหมายนี้ออกมาเร็วๆ


 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up