account_circleกลับการมาอีกครั้งของ คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล ในบทบาทสุดดาร์ก แนนโน๊ะ ในผลงานซีรีส์ เด็กใหม่ (Girl from Nowhere The Series) ซีซั่น 2
หลังจากผลงานซีรีส์ เด็กใหม่ (Girl from Nowhere The Series) ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม จนกลายกระแสทอคออฟเดอะทาวน์ ล่าสุดแฟนคลับก็ได้ดีใจกันอีกครั้งเมื่อ เด็กใหม่ ซีซั่น 2 ได้ฤกษ์ฉายแล้วทาง Netflix และแน่นอนว่างานนี้นักแสดงสาวผู้เคยตีบทบาทได้แตกกระจุยอย่าง คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล ก็จะกลับมารับบท แนนโน๊ะ เหมือนเดิม
โดยก่อนหน้านี้คิทตี้ได้เคยให้สัมภาษณ์กับ “แพรวดอทคอม” เกี่ยวกับการมารับบทนี้ว่าบทที่ได้รับถือว่าเป็นอะไรที่เธอรู้สึกภูมิใจมากๆ ซึ่งกว่าที่จะเล่นบทนี้มันไม่ง่ายเลย เพราะเธอต้องผ่านการแคสติ้งหลายรอบมาก แต่ก็ไม่ได้ย่อท้อ เพราะรู้สึกว่าบทนี้มันสนุกตั้งแต่แรกที่เห็น จนคิดว่าหากไม่ได้เล่นครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีบทแบบนี้มาอีกเมื่อไหร่
คิทตี้เล่นละครมาเยอะ แต่เรื่องนี้ถือเป็นจุดพีคเลยหรือเปล่า?
“ถือว่าเป็นอันที่คิทภูมิใจค่ะ และคนอื่นก็คงรับรู้ถึงความภูมิใจของเรา เราอยากอวด อาจจะด้วยตัวละครที่หลุดโลกประมาณหนึ่ง”
เห็นว่าต้องผ่านการแคสติ้งหลายรอบมากๆ เพราะอะไรถึงอยากฝ่าฟันและจะทำงานนี้?
“คิดชอบงานแสดงตรงที่สามารถเป็นใครก็ได้ ไม่ผิด บทนี้มันสนุกตั้งแต่ตอนแรกที่เห็น มันเหมือนกับว่าถ้าไม่ได้เล่นบทนี้ครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเจอบทนี้อีกเมื่อไหร่”
กลัวไหมที่จะกลับไปเล่นบทนางเอกอีกไม่ได้?
“จริงๆ คิทก็เคยเล่นบทนางเอกมา แต่ก็รู้สึกว่ามันอาจจะไม่ใช่ตัวเราก็ได้ คิทอยากจะแสดง มากกว่าที่จะเป็นนางเอกหรือนางร้าย แต่อยากเป็นนักแสดงที่เล่นได้ทุกบท”
เนื้อหาค่อนข้างเสียดสีสังคมเยอะมาก มีความคิดเห็นอย่างไร?
“ก็รู้สึกว่ามันทำให้นึกถึงการ์ตูนแก๊กในหนังสือพิมพ์เมื่อก่อนที่ล้อเลียนการเมือง ตีความได้หลากหลาย อยู่ที่มุมมองของคนอ่านว่าอยากจะมองอย่างไร เห็นมันยังไง มันก็เป็นเรื่องที่ดี ต่อให้จะไม่ใช่ทุกคนที่ชอบ แต่อย่างแรกที่มันทำได้คือทำให้คนมีการวิเคราะห์เชิงสร้างสรรค์กัน ในตัวซีรีส์เองเราไม่ได้บอกว่าคำตอบของใครถูกหรือผิดกันแน่”
แนนโน๊ะกับคิทตี้มีอะไรที่คล้ายกันบ้าง?
“คิทอาจจะเป็นคนโชคดีที่ไม่มีภาระที่บ้าน ซึ่งมันทำให้เราเข้าใจแนนโน๊ะส่วนหนึ่ง ที่ว่าพอเราไม่ได้มีภาพอะไรในชีวิตเราก็เลยไม่ได้ทำบางอย่างเพื่อให้ได้บางอย่าง เพื่อให้ชีวิตอยู่รอด ซึ่งหลายๆ ครั้งคิทว่าบางคนเขาเก่งมาก เขาสู้ชีวิต ทำไมเราขี้เกียจอย่างนี้ แต่ความแนนโน๊ะก็จะเป็นแบบพวกมนุษย์”
“มันก็มีมุมมองหลายอย่างที่เปลี่ยนไป เหมือนมุมมองที่ปล่อยวางกับโลกกับสังคม กับสิ่งที่เกิดขึ้น คิทก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าแนนโน๊ะจะมีอิทธิพล ด้วยความที่แนนโน๊ะอยู่กับเรามาเยอะ ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งนี้มันไม่มีจีรัง” มันเกิดขึ้นเราดีใจแต่เดี๋ยวมันก็จะจบไปไม่ต้องไปคาดหวังอะไรกับมันนะ”
เมื่อเสิร์ชชื่อของคิทตี้ก็จะเห็นแต่ข่าว จนกลายคนมองว่าคิทตี้เป็นคนแรง ส่วนตัวรู้สึกอย่างไรที่คนมองแบบนั้น?
“เอาจริงๆ ถ้าพูดแล้วก็จะดูแรง ก็ไม่ได้แคร์เท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าขณะที่เราอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ต คนบนโลกจำนวนมากยังไม่เคยเจอเราเป็นๆ ด้วยซ้ำ มันเหมือนพระจันทร์ คนเราเห็นทุกคนแค่ด้านใดด้านหนึ่ง ไม่เคยได้เห็นเขาทั้งหมดพร้อมๆ กัน เพราะฉะนั้นการที่ถูกวิจารณ์มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกันเราก็ต้องยอมรับว่า เรามีด้านที่คนเห็นเพียงแค่ด้านนั้นหรือเปล่า การที่เรามานั่งคิดว่าทำเขาไม่เห็นอีกด้านหนึ่ง ทำไมไม่สนใจว่าเรามีมุมอื่นนะ ก็อาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้นำเสนอมันให้ชัดเจน พอที่คนอื่นจะเข้าใจ”
สมัยเด็กคุณพ่อ-คุณแม่ปลูกฝั่งเราอย่างไร?
“คุณพ่อคุณแม่ก็จะมีคอนดิชั่นต่างๆ อย่างเกรดห้ามตก เขาไม่เคยบอกว่าทำดีแล้ว เขามักจะบอกว่าถ้าทำดีแล้วให้ทำต่อไป ขณะเดียวกันท่านก็ให้อิสระว่าอยากทำอะไรก็ได้ แต่ว่าสิ่งที่ต้องทำก็ต้องโอเคด้วย”
คิทตี้ชอบผู้หญิงด้วยกันหรือเปล่า?
“ผู้หญิงหลายคน จะมีเพื่อนสนิทสักคนมากๆ ถ้าวันหนึ่งเราแต่งงาน เพื่อนคนนี้ก็ต้องอยู่ ต้องรับผิดชอบชีวิตเรา เราก็รักเขาจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปมีสัมพันธ์เชิงลึกซึ้งกับเขา คนอาจคิดกันไปว่านั่นคือเลสเบี้ยน แต่เรากลับมองว่าไม่อยากให้ไประบุเพศของใคร ต้องเป็นผู้หญิงชอบผู้ชาย ผู้ชายชอบผู้หญิง เลสเบี้ยนต้องชอบผู้หญิง คิทว่าความรักมันเปิดกว้างกว่านี้ ความรักเป็นสิ่งที่ดี มันไม่ได้ทำร้ายใคร”
ความรักที่ผ่านมาคบแล้วเลิก คนคนมองว่าเป็นคาสโนวี่?
“คือคิทมองว่าเราเป็นคนสตรอง เราไม่จำเป็นต้องร้องไห้ให้ใครเห็น เราไม่ต้องแสดงความเสียใจให้ใครเห็น คิทไม่ได้อยากให้คนเห็นว่าคิทอ่อนแอขนาดนั้น ก็เข้าใจได้ว่าเมื่อคนไม่เห็นเราอ่อนแอก็เลยรู้สึกว่าทำไมถึงผ่านไปได้เร็วจัง ทำไมดูไม่เห็นเป็นอะไรเลย แต่จริงๆ แล้วคิทแค่เลือกที่จะไม่แสดงออกกับคนที่ไม่สนิทมากกว่า”
แล้วเวลาที่คิทตี้เสียใจคิทตี้เป็นอย่างไร?
“เราก็ทิ้งดิ่งเหมือนกัน ร้องไห้ไม่ออกไปไหน คิทมองว่าเวลาเราผิดหวังกับความรักทุกๆ ครั้งไม่ว่าเราจะเลิกกับใครหรือเหตุผลอะไรก็ตาม การเกลียดเขาเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด แต่การที่เรายังรู้สึกดีๆ กับเขา แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้วมันยากกว่า แต่มันก็ดีกว่าในระยะยาว เพราะเราไม่จำเป็นต้องสูญเสียคนที่เรารู้สึกดีด้วย เพียงเพราะเราเลิกกัน”
ในวันนี้คิทตี้ให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุดในชีวิต?
“เราก็ทิ้งดิ่งเหมือนกัน ร้องไห้ไม่ออกไปไหน คิทมองว่าเวลาเราผิดหวังกับความรักทุกครั้ง ไม่ว่าเราจะเลิกกับใครหรือมีเหตุผลอะไรก็ตาม การเกลียดเขาเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด แต่การที่เรายังรู้สึกดีๆ กับเขา แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้วมันยากกว่า แต่มันก็ดีกว่าในระยะยาว เพราะเราไม่จำเป็นต้องสูญเสียคนที่เรารู้สึกดีด้วย เพียงเพราะเราเลิกกัน”