เตนล์ แสดงศักยภาพเต็มสิบ ! ผสานเรื่องราวและการแสดงสุดตื่นตะลึงในคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งแรก
2025 TEN CONCERT 1001 MOVEMENT ‘STUNNER’ IN BANGKOK
เตนล์ วง NCT แสดงศักยภาพเต็มสิบในฐานะศิลปินเดี่ยว ผสานเรื่องราวและการแสดงสุดตื่นตะลึงในคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งแรก 2025 TEN CONCERT 1001 MOVEMENT ‘STUNNER’ IN BANGKOK สะกดสายตาผู้ชมตลอดทั้งสองรอบการแสดงในวันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2025 เวลา 18:00 น. และวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2025 เวลา 16:00 น. ณ อิมแพ็ค อารีน่า

โดยวันที่ 18 เมษายน 2025 ‘1001 MOVEMENT’ เปรียบเสมือนแบรนด์ทัวร์เฉพาะตัวที่สะท้อนตัวตนพร้อมสื่อถึง เตนล์กับแฟนคลับคนสำคัญอันดับหนึ่งอย่าง NCTzen และ WayZenNi อีกทั้งยังถ่ายทอดความหมายลึกซึ้งผ่านนิยามที่ว่า “ทุกการเคลื่อนไหว อธิบายและเติมเต็มตัวตนของฉัน” การแสดงในครั้งนี้จึงเผยให้เห็นอัตลักษณ์ทางศิลปะของ เตนล์ผ่านการแสดงที่หลากหลาย ผสานด้วยโปรดักชันแบบ 3 มิติ อาทิ โครงสร้างเวที LED ทั้งแบบยกและเลื่อน, ลิฟต์ที่ยื่นออกมาเป็นขั้นบันได, สายพานลำเลียง รวมถึงสเปเชียลเอฟเฟกต์แสง สี เสียง และเลเซอร์สุดล้ำ ที่ช่วยเสริมมิติทางอารมณ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การเคลื่อนไหวอันน่าหลงใหลและเป็นเอกลักษณ์ของ เตนล์ถูกถ่ายทอดผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ ของคอนเสิร์ต ตั้งแต่วีซีอาร์ที่นำเสนอตัวเขาในคอนเซปต์การถือกำเนิดใหม่เป็น “ไซเรน” (Siren) สิ่งมีชีวิตลึกลับผู้เปี่ยมเสน่ห์ตามเทพปกรณัมกรีก-โรมัน พร้อมระเบิดความร้อนแรงด้วยเพลงสุดทรงพลังอย่าง ‘Nightwalker’ ตามด้วยความหนักแน่นในเพลง ‘ON TEN’ ตลอดจนการเผยมาดวายร้ายสุดอันตรายในเพลง ‘Dangerous’, การเล่นกับแสงและเงาสะท้อนเพิ่มความเซ็กซี่ในเพลง ‘Shadow’, การปรากฏตัวกลางอ่างน้ำบนเวทีพร้อมลีลาอันพลิ้วไหวในเพลง ‘Water’ และเทคนิคการเต้นอันน่าทึ่งในเพลง ‘Birthday’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เตนล์ได้สร้างสรรค์ความแปลกใหม่ให้กับแต่ละโชว์ด้วยการปรับรายละเอียดอย่างมีลูกเล่น ทั้งรูปแบบการแสดง, ดนตรี, ท่าเต้น และการจัดวางตำแหน่งที่สอดคล้องกัน ล้วนแสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันและศักยภาพที่เหนือชั้นของเขาในฐานะ ‘Artistic Performer’ หรือศิลปินที่ผสานศิลปะเข้ากับการแสดงได้อย่างลงตัว

ไม่เพียงเท่านี้ เตนล์ยังนำเพลงจากมินิอัลบั้มชุดที่ 2 มาแสดงเป็นครั้งแรก ทั้งเพลงเปิดตัวสุดตื่นตะลึงอย่าง ‘STUNNER’ และเพลงแดนซ์จังหวะสนุก ๆ ชวนเต้น ‘BAMBOLA’ รวมถึงเพลงอื่น ๆ อย่าง ‘Sweet As Sin’ ที่มีการสวมผ้าปิดตา เพิ่มอารมณ์ดาร์กให้ยิ่งเข้มข้น แล้วก้าวไปสู่ความเท่อีกระดับด้วยการใช้บันไดประกอบการแสดงเพลง ‘Enough For Me’ ไปจนถึงบรรยากาศแสนละมุนของเพลงช้า ‘Butterfly’ ที่มาพร้อมเอฟเฟกต์เหล่าผีเสื้อโบยบินบนผ้าม่านโปร่งแสงยาว 16 เมตรที่ทิ้งตัวลงมาโอบล้อม เตนล์และเพลง ‘Waves’ ที่อบอวลไปด้วยความร่าเริงและพลังบวก
ไฮไลต์ที่เรียกเสียงตอบรับอย่างถล่มทลาย คือ เมดเลย์เพลงฮิตของ NCT อย่าง ‘Baby Don’t Stop’, ‘Steady’, ‘Smoothie’, ‘영웅 (英雄; Kick It)’ และ ‘Baggy Jeans’ ตลอดจนเพลง ‘Call Me’ ของ WayV ที่เปลี่ยนสไตล์การแรปใหม่ให้เข้ากับตัวเอง และเวทีพิเศษกับการคัฟเวอร์เพลงโปรด ‘Die With A Smile’ ของ Lady Gaga กับ Bruno Mars ซึ่งเนื้อหาเปี่ยมไปด้วยสิ่งที่ เตนล์อยากบอกกับแฟนคลับที่คอยรัก สนับสนุน และยังสร้างความประทับใจให้กับเขาในคอนเสิร์ตครั้งนี้จากการเตรียมแฟนโปรเจกต์มากมาย ได้แก่ การแปรกล่องไฟ TEN ERA (ยุคของเตนล์), ONLY TEN (มีเพียงเตนล์คนเดียว) รวมถึงแบนเนอร์และป้ายข้อความ “Millions of stars here will always shine for TEN.” (ดาวหลายล้านดวงตรงนี้จะส่องสว่างเพื่อเตนล์เสมอ), “We always shine for each other.” (เป็นดาวส่องสว่างซึ่งกันและกัน), “Through seasons change, our hearts remain. A love that blooms against the rain.” (ฤดูกาลเปลี่ยนไปแต่หัวใจยังคงมั่น ความรักเบ่งบานท่ามกลางสายฝน), “Every bloom says ‘I love you’ just for you.” (เปรียบเสมือนดอกไม้เบ่งบานเพื่อเตนล์)

ตลอดระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง คอนเสิร์ตนี้ได้ตอกย้ำสถานะ ‘Artistic Performer’ อันยืนหนึ่งของ เตนล์ที่เปล่งประกายในทุกการเคลื่อนไหวอันสง่างาม ยิ่งไปกว่านั้น ยังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อคู่ตัวเลขอย่าง ‘10’ และ ‘01’ เคลื่อนที่มารวมกันจะก่อให้เกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหนือสิ่งอื่นใด เตนล์กับแฟนคลับได้กลายมาเป็น ‘STUNNER’ ที่ต่างมอบความตะลึง และความทรงจำอันงดงามให้แก่กันได้สมบูรณ์แบบเต็มสิบอย่างแท้จริง