ข่าวนี้เรียกได้ว่าเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในประเทศเกาหลีใต้ ทำเอาแฟนๆ หลายคนเห็นใจ อีซึงกิ หลังจากที่ ดิสแพทได้ออกมาเผยว่า อีซึงกิ ไม่เคยได้รับเงินสักวอนเดียว
ดิสแพท เผยคลิปเสียง ซีอีโอ HOOK Entertainment ขู่ฆ่า อีซึงกิ
สำหรับผลงานเพลงของเขาที่ถูกปล่อยออกมาตลอดระยะเวลา 18 ปี ภายใต้สังกัด HOOK Entertainment นับตั้งแต่ที่เขาเดบิวต์ในปี 2547 กับอัลบั้มเต็มชุดแรกอย่าง The Dream Of A Month ซึ่งผลงานเพลงที่สร้างชื่อให้เขาอย่าง “Because You’re My Girl” และ “Delete” ได้รับรางวัล Rookie of the Year จากงาน Seoul Music Awards, SBS Gayo Daejeon และ MBC Gayo Daejejeon รวมไปถึง เทศกาลดนตรีของ SBS และ MBC ก็ได้มอบรางวัลให้เขาด้วย
ตลอดระยะเวลาการเป็นนักร้องของอีซึงกิ เขามีผลงานเพลงออกมาทั้งหมด 137 เพลง ซึ่งเพลง “Because You’re My Girl” ที่ PSY เป็นโปรดิวเซอร์ให้นั้นได้รับค่าลิขสิทธิ์จากการขายและการสตรีมเพลง แต่ในทางกลับกันรายได้ที่เกี่ยวข้องกับเพลงของอีซึงกิกลับเป็น 0 วอน
ทั้งนี้ ดิสแพทได้รับคำชี้แจงจากช่องทางการจัดจำหน่ายที่จำหน่ายเพลงของอีซึงกิ ระหว่างปี 2549 ถึง 2565 ซึ่งปรากฏว่าเขาทำรายได้มากกว่า 9.60 พันล้านวอน หรือประมาณ 268 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนเดียวกันนี้ได้ถูกบันทึกเป็นยอดขายในบัญชีบริษัท Hook Entertainment
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลรายรับ รายจ่ายที่บันทึกไว้สูญหายทั้งหมด จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าแท้จริงแล้วรายได้ทั้งหมดที่อีซึงกิที่ได้รับนั้นเป็นตัวเลขเท่าไหร่กันแน่ แต่สันนิษฐานได้ว่ายอดขายเพลงของอีซึงกิน่าจะทะลุ 10.0 พันล้านวอน
ขณะที่ ซีอีโอของ HOOK Entertainment กล่าวว่า เขาเป็นนักร้องติดลบ ตลอดระยะเวลาที่ผลงานเพลงของอีซึงกิถูกปล่อยออกไปนั้นไม่สามารถสร้างรายได้ อีกทั้ง ควอนจินยอง ยังพูดว่าแฟนเพลงของเขานั้นไม่ซื้ออัลบั้ม ซึ่งคำว่านักร้องติดลบ เป็นคำที่อีซึงกิได้ยินมาตลอดระยะเวลา 18 ปี
ขณะที่ล่าสุด สื่อเกาหลี โดยเว็บไซต์ Koreaboo รายงานว่า Dispatch ได้เผยแพร่คลิปเสียง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็น ควอนจินยอง ซีอีโอของ HOOK Entertainment โดยเธอขู่ว่าจะใช้เวลาที่เหลือในชีวิตเพื่อพยายามฆ่า “อีซึงกิ” ซึ่งจากข้อมูลของ Dispatch เสียงดังกล่าวถูกบันทึกโดยพนักงานในระหว่างการประชุม โดยการประชุมเกิดขึ้นหลังจากที่ HOOK Entertainment ได้ให้บันทึกบัญชีตามคำขอของอีซึงกิ
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวของ HOOK Entertainment แต่อีซึงกิก็เป็นนักแสดงมืออาชีพ โดยเขายังไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ชื่อว่า Large Family ทั้งนี้คนใกล้ชิดอีซึงกิเผยว่า
“อีซึงกิพยายามอย่างดีที่สุดในระหว่างการถ่ายทำและไม่ปล่อยให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมากวนใจเขา ท่ามกลางความขัดแย้ง การถ่ายทำยังคงดำเนินต่อไปตามกำหนด”