ใหญ่กว่าทุกข์คือความรัก ย้อนดูการเปิดใจครั้งแรกในแพรวของคุณแม่ คริส เบญจกุล

 คริส เบญจกุลดาราหนุ่มนิสัยดี ที่ช่วยเหลือผู้อื่นจนตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด เวลาที่ยากลำบากในวันนั้น เขาผ่านมาได้ ก็เพราะผู้หญิงที่รักเขาที่สุด ซึ่งก็คือ คุณแม่ของเขานั่นเอง

เรื่องที่ทุกข์ที่สุดในชีวิต แต่ละคนก็คงเจอไม่เหมือนกัน การสูญเสียสิ่งที่รัก การไม่สมหวังในสิ่งที่รัก หรือการต้องเห็นคนที่เรารักต้องอยู่กับความทรมาน ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะไหน ก็ล้วนแต่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ต่างกัน อย่างเช่นผู้หญิงคนนี้ เอพริล แอน เบญจกุล คุณแม่ของอดีตดาราหนุ่มลูกครึ่ง คริส เบญจกุล เธอคือกำลังใจหลักที่ช่วยฟื้นฟูชีวิตของเขาให้กลับมาปกติได้อีกครั้ง หลังจากที่หนุ่มคริสประสบอุบัติเหตุเมื่อปี 2542 ซึ่งในตอนนั้นคงไม่มีใครคิดว่าลูกชายของเธอจะหายได้

คริส เบญจกุล

ห่างหายไปนานหลังจากข่าวอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่สุด ที่เกิดกับครอบครัวเบญจกุล ในวันนั้นลูกชายคนโตของครอบครัวอยู่ในช่วงวิกฤติที่เป็นตายเท่ากัน จะกลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่ก็ไม่มีใครกล้ารับปาก หัวใจของคนเป็นแม่แน่นอนว่าเมื่อเห็นลูกต้องเจ็บปวดอยู่บนเตียง คำว่าหัวใจแทบสลายคงเป็นสิ่งที่บรรยายความรู้สึกขณะนั้นได้ดีที่สุด ผ่านมาจนวันนี้ หนุ่มคริสแข็งแรงขึ้น และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข พร้อมกับการทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้กับร้านเบเกอร์รี่ วันนี้แพรวดอทคอมจึงขอหยิบเรื่องราวจากบทสัมภาษณ์เมื่อหลายปีก่อนของเขาและคุณแม่มาให้อ่านอีกครั้ง เพราะกว่าที่หนุ่มคริสจะใช้ชีวิตได้ปกติอย่างทุกวันนี้ กำลังใจที่สำคัญก็คือผู้หญิงที่รักเขามากที่สุด ซึ่งก็คือ คุณแม่ เอพริล แอน เบญจกุล ที่คอยดูแลหนุ่มคริสตลอด 24 ชั่วโมงนานกว่า 2 ปี หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุในคราวนั้น

4

 ลูกชายของแม่ “คริส เบญจกุล”

ความตั้งใจที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในวันนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะต้องนำมาสู่เรื่องโชคร้ายจนกลายเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้ชีวิตของหนุ่มคริสเปลี่ยนไปทันที ซึ่งความเป็นคนดีของเขาก็ล้วนเกิดมาจากการปลูกฝังของครอบครัวของคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง

“เคยมีคนถามว่าเลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นคนจิตใจดี ฉันได้แต่ตอบว่า ฉันกับสามีแค่พยายามเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด พ่อของคริสเขาสอนลูกเสมอว่าควรจะช่วยเหลือโดยไม่หวังอะไรตอบแทน และฉันว่าเขาเห็นตัวอย่างขากพ่อเขาด้วย อย่างเวลาฝนตก น้ำท่วม ถ้าพ่อเขาเห็นใครรอรถเมล์ จะหยุดถามเลยว่าไปไหน ไปด้วยกันไหม หรือพาไปส่งที่ป้ายรถเมล์ไหม และคริสเองเขาเป็นเด็กดีมาก ชอบคิดสร้างสรรค์ เป็นคนเรียบง่าย ชอบถ่ายรูป อ่านหนังสือ และเขาเป็นคนไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่เลย”

3

ฝันร้ายของครอบครัวเบญจกุล

แม้จะเป็นผู้หญิงคนเดียวในบ้าน แต่วินาทีนั้นก็ต้องเข้มแข็งให้มากที่สุด เพราะหลังจากที่ทราบข่าว และเห็นลูกชายในสภาพที่กระดูกสะโพกแตก เลือดตกใน หัวใจก็แทบจะสลายไม่มีชิ้นดี

“พอเห็นสภาพคริสตอนนั้นก็ช็อค ได้แต่เรียกชื่อเขา กอดเขาไปร้องไห้ไป แต่เขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรเลย ภาพนั้นติดในใจตลอดเวลา มันเป็นสิ่งที่ทารุณความรู้สึกของฉันมาก แต่ก็พยายามคิดว่ามันเป็นเพียงฝันร้าย คริสได้รับการผ่าตัดหลายครั้ง พ่อเขาเองก็เสียใจร้องไห้ตลอดเวลาที่ดูแลลูก เราต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะหัดให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้ ขณะเดียวกันเขากลายเป็นคนความจำสั้นมาก  บางอย่างจำได้เป็นอาทิตย์เป็นเดือน แต่บางอย่างก็จำไม่ได้เลย”

2

ผู้หญิงคนแรกที่คริสจำได้

หลังจากที่ต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อหนุ่มคริสฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าสมองของเขาจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างมาก แต่คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตอย่าง พ่อและแม่ ก็คือสิ่งแรกที่เขาจำได้

“เขาจำฉันไม่แม่น เพราะที่ทที่คริสยังไม่รู้ตัว ฉันนั่งอยู่ข้างๆ และคอยคุยกับเขา เรียกชื่อเขาบอกเขาตลอดว่า “คริส ตื่นเถอะ ไปทำโน่นทำนี่กันเถอะ” แต่ฉันไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เพราะมัวแต่คิดว่าเขาจะต้องตื่นขึ้นมาทำทุกอย่างได้เหมือนเดิม และทุกอย่างจะเรียบร้อย ไม่ว่าจะต้งใช้เวลานานเท่าไหร่ ฉันยินดีทำเพื่อให้คริสกลับมาเหมือนเดิม”

1

รักของแม่ไม่มีวันหายไป

ในช่วงที่หนุ่มคริสป่วย คนที่เขาอยากเจออยากให้อยู่ด้วยมากที่สุดคือแฟนของเขา นี่เป็นอีกเรื่องที่หนุ่มคริสบอกว่าเสียใจมาก แต่เขาก็ไม่อยากจะร้องไห้อีกแล้ว เพราะท้ายที่สุดผู้หญิงที่ไม่มีวันหายไปจากชีวิตในวันที่เขาย่ำแย่ที่สุดก็คือคุณแม่ของเขานั่นเอง

“ช่วงที่คริสป่วย 3 เดือนแรก แฟนคริสยังมาเยี่ยมทุกวัน หลังจากนั้นระยะเวลาการมาเยี่ยมก็เริ่มห่างไปเรื่อยๆ จากสัปดาห์ละครั้งเป็นเดือนละครั้ง เป็นทุก 3 เดือนครั้ง จนกระทั่งไม่กลับมาเยี่ยมอีกเลย เช่นเดียวกับเพื่อนๆ ของคริส ฉันคิดว่าแฟนคริสคงไม่เชื่อว่าเขาจะหายเป็นปกติ เพราะเขาคงไม่อยากมีแฟนป่วยแบบนี้ ฉันเลยได้แต่บอกคริสว่าแฟนเขาไม่ดีพอที่จะอยู่กับเขา เพาะเวลาที่คริสป่วย เขาเป็นคนเดียวที่คริสต้องการ แต่เขากลับไม่อยู่ เพราะฉะนั้นอย่าเสียใจเลย ถ้าเขาไม่รักเพียงเพราะเราป่วย เขาก็คงไม่ใช่ “คนที่ใช่”

คริส เบญจกุล

ทุกวันนี้ คริส เบญจกุล สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติแล้ว แม้จะไม่ 100 % เหมือนเมื่อก่อน แต่เขาก็สามารถทำงาน ช่วยเหลือตัวเองได้ อีกทั้งยังเป็นกำลังใจสำคัญในการช่วยเหลือสังคมและผู้พิการอีกมากมาย สำหรับใครที่คิดถึงเขา ก็สามารถไปอุดหนุนร้านเบเกอร์รี่ 60 Plus Bakery  (ติดกับบ้านราชวิถี) หรือติดต่อที่เบอร์ 0-2354-8634

 

เรื่อง : sriploi

ภาพ : นิตยสารแพรว,นิตยสารHealth&Cuisine

Praew Recommend

keyboard_arrow_up