อดีตนางเอกดังดีกรี (ว่าที่) ด็อกเตอร์ “ จอย – ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ” หลังหายหน้าจากจอแก้วไปนานถึง 4 ปี ล่าสุดเธอเตรียมหวนคืนวงการอีกครั้งหลังจากจบปริญญาเอก
หลังจากที่ฝากผลงานในละครเรื่อง “รับแซ่บ MY BOSS” เมื่อปี 2558 เธอก็หายหน้าหายตาไปเลย สำหรับอดีตนางเอกดัง “ จอย – ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ” นักแสดงสาวในความทรงจำของหลายคน จากผลงานที่มีชื่อเสียง อาทิ รักเดียวของเจนจิรา, สาวน้อยคาเฟ่, ราชินีหมอลำ, เสน่ห์นางงิ้ว ฯลฯ ซึ่งล่าสุดเธอได้เปิดเผยกับ “แพรวดอทคอม” ขณะเดินทางมาโปรโมทธุรกิจใหม่ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบรนด์ “จีวานี่” (Jivany) ว่าสาเหตุที่ไม่ค่อยได้ทำงานในวงการบันเทิงเท่าไหร่นั้น เนื่องจากเธอต้องทุ่มเทให้กับการเรียน ซึ่งในไม่ช้านี้เธอจะจบการศึกษาในระดับปริญญาเอก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเนื่องจากเธอทุ่มเทอย่างหนักมากๆ
หายหน้าจากหน้าจอโทรทัศน์ไปนานถึง 4 ปี หลายคนอยากรู้ว่าจอยหายไปทำอะไรมา?
“ก็เป็นช่วงที่จอยเรียนปริญญาโทกับปริญญาเอก”
แรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้เราเลือกเรียนด้านอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม?
“จริงๆ ตอนปริญญาตรีจอยไม่ได้เรียนเกี่ยวกับด้านนี้เลย และไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะมาในเส้นทางนี้ ด้วยความที่เราเองทำกิจกรรมเยอะเลยได้เจอคนที่หลากหลาย บางคนมีปัญหาเขามาปรึกษาเรา และด้วยความที่ชอบเห็นใจคนอื่น อยากเข้าใจคนอื่น ว่าทำไมเลือกแบบนั้น และเราเองก็รู้สึกอยากช่วยเขาอยากให้คำแนะนำเขา แต่การแนะนำแบบไม่มีทิศทางมันเสี่ยง จึงคิดว่าอันนี้เป็นอันที่หนึ่งที่เราต้องไปเรียนรู้หลักการของมันอย่างจริงๆ จังๆ บวกกับเรามองเห็นว่ามันมีช่องว่างของคนไม่เท่ากัน ทั้งๆ ที่มันควรจะเท่ากัน เราจึงอยากค้นหาว่าอะไรคือความยุติธรรม นิยามมันคืออะไร นิยามของใคร และเป็นแบบไหน เราก็รู้ว่าเราอยากเข้าไปรู้ในเรื่องนี้ เพื่อช่วยคนที่เขาเข้าไม่ถึงได้ พอคิดได้เราก็ลุยกับมันเลย เริ่มจากการลงเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พอเรียนไป 2 ปีแรกความรู้สึกมันไวมากมันเหมือนฉันเพิ่งจะรู้ เหมือนเหล็กมันเพิ่งตีมันกำลังจะร้อน มันรู้สึกว่าเราต้องไปต่ออีก จึงตัดสินใจสอบเข้าไปเรียนในระดับปริญญาเอกต่อ”
ยากไหมสำหรับการเรียนในด้านนี้?
“ยากมากค่ะ อาจารย์เขาประเมินหลายอย่าง พอเข้าไปได้เลยคิดว่าจะต้องทำให้ดีที่สุด จึงทำให้ไม่ได้รับงานละครเลย เพราะอยากทุ่มเทกับตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน และเราเป็นประเภทที่ทุ่มอะไรก็ทุ่มอยู่อย่างนั้น ซึ่งมันเป็นข้อดีเวลาที่เราทำงาน เวลาที่เรารับงานเราก็จะทุ่ม ซึ่งมันเลยทำให้ผลงานที่ออกมามันดี พอมาเรียนก็เหมือนกันเราก็ทุ่มจนไม่ได้รับงานละครเลย”
ตอนนี้ใกล้จะจบแล้วหรือยัง?
“อันนี้คือจบแล้ว แต่ในหลักสูตรของมหาวิทยาลัยมหิดล มันต้องได้รับการตีพิมพ์ในต่างประเทศด้วย ตอนนี้เป็นช่วงของการนำเสนอให้ต่างประเทศตีพิมพ์ให้ ซึ่งสำนักพิมพ์ก็ต้องมีอยู่ในลิสต์ของมหาวิทยาลัยด้วย เลยจะค่อนข้างยากนิดหนึ่ง”
จากนี้เราจะผันตัวเองไปทำงานในด้านที่เรียนอย่างเต็มตัวเลยหรือเปล่า ?
“จริงๆ ทุกอย่างเราทำงานควบคู่กันได้ จอยมองว่าทุกคนมีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง อย่างเมื่อก่อนจอยทุ่มเทให้กับวงการมาเป็นสิบๆ ปี แล้วเบรกไปเรียน ตอนนี้มันถึงจุดที่อยากทำอะไรก็ทำแล้วเราแค่จัดสรรให้สมดุลกับชีวิต เช่น อยากมีเวลาดูแลคุณแม่เราก็ต้องจัด อยากมีเวลาลงละคร ลงประมาณไหนที่เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย ไม่เครียดเกินไป สุขภาพโอเค อยากจะไปทำอะไรบ่อยๆ กับเพื่อนสายบุญเราก็มีเวลาไป จะไปเที่ยวก็ไปในวัยที่เราแข็งแรงอยู่ รวมถึงการทำธุรกิจด้วย”
ดูเหมือนว่าพี่จอยเป็นหนึ่งในคนดังที่มักถูกชมเรื่องหน้าเด็กตลอด แม้ปัจจุบันจะอายุ 42 ปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นผู้หญิงหลักสี่ที่สดใส?
“รู้สึกว่าต้องส่องกระจกแล้วบอกกับตัวเองว่า ใช่ใช่ไหม (หัวเราะ)”
พอได้รับคำชมเยอะๆ มันทำให้เรากดดันไหม?
“ไม่นะคะ เรารู้สึกว่าเราขอบคุณเป็นคำอวยพร ดีกว่าโดนทักว่าเธอหน้าเธอไปโดนอะไรมามันก็ไม่โอเคนะ แต่ทางกลับกันโดนชมทำไมหน้าเด็กจัง ยังสวยเหมือนเดิม เรารู้สึกว่ามีคนชอบ พอมีคนชอบเราก็รู้สึกว่ามันมีพลังบวก เวลาที่ใครจะสวยหรือทุกเพศทุกวัยเวลามันสวยจากความอิ่มใจข้างในมันมีความสุข”
อีกเรื่องที่หลายคนอยากรู้ก็คือ จะมีโอกาสกลับมาเล่นละครอีกไหม?
“จริงๆ ก็มีติดต่อมาเข้ามาเรื่อยๆ จอยมีผู้ใหญ่ที่หยิบยื่นโอกาสมาให้เพราะเขาอยากให้กลับมาปัง แต่ตอนนั้นถ้าเรียนไม่จบก็พัง ดังนั้นเรื่องปังเลยต้องเอาไว้ก่อน จึงต้องปฏิเสธผู้ใหญ่ไป อันนี้ต้องขอโทษจริงๆ เพราะการที่เราจะรับงานสักหนึ่งงานเราต้องมีความเต็มที่ ทุกครั้งที่มีผู้ใหญ่ติดต่อมาเราจะคิดจากตัวเราก่อนว่าเราเต็มที่ให้เขามากแค่ไหน ดังนั้นเหตุที่ไม่รับงาน เพราะกลัวว่าจะไม่เต็มร้อย แต่ตอนนี้ถ้าอะไรลงตัวก็คิดว่าน่าลงละคร เพราะเราเองยังรักในงานละครอยู่ รักบรรยากาศ อยากเจอเพื่อนในกอง”
ละครหลายเรื่องของพี่จอยถูกนำมารีเมค แต่เวอร์ชั่นที่พี่จอยแสดงก็ยังอยู่ในใจคนมากกว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่คนก็ยังคิดถึงเสมอ?
“ต้องขอบคุณมากๆ นะคะ อันนี้เป็นในมุมของคนที่ชอบเนอะ ทั้งบทและทีมตัวละครที่แตกต่าง ส่วนตัวจอยเองเวลาที่มีคนพูดถึงก็กลับไปดูผลงานเก่าของตัวเองเหมือนกัน คืออยากรู้ว่าเขาคิดถึงเราตอนไหน พอกดดูกลายเป็นติดไปเลย ดูตั้งแต่หนึ่งถึงจบเลย”
เอาเป็นว่าอ่านบทสัมภาษณ์นี้ให้คลายคิดถึงกันเล็กๆ น้อยๆ ไปก่อน เพราะเชื่อว่าหลังจบโปรเจ็กต์ปริญญาเอก นักแสดงสาวคนนี้คงมีผลงานมาฝากแฟนคลับที่ตั้งตารอคอยอย่างแน่นอน