ทำงานใหญ่ ใจต้องนิ่ง…คิดแบบ ‘นิค- แนต’ 2 พี่น้องสุดสตรอง! ทายาทสื่อยักษ์ ‘วัชรพล’

เป็นอีกครั้งสำหรับ Exclusive Talk ที่วันนี้พิเศษสุดๆ กับการมาพูดคุยกับสองสาวทายาทรุ่นที่ 3 ของสื่อยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ นิค – จิตสุภา และ แนต-ธนวลัย ลูกสาวของคุณยิ่งลักษณ์ วัชรพล
ถึงจะไม่ได้ออกงานสังคมจนมีภาพบนหน้าสื่อปรากฏให้เห็นบ่อยๆ เหมือนบรรดาสาวสังคมคนอื่นๆ แต่สองสาวตระกูลวัชรพล ก็ถูกพูดถึงอยู่ไม่น้อย เพราะด้วยบทบาทการทำงานในฐานะผู้บริหาร ทั้ง2 สาวก็เปรียบเสมือนมือซ้าย และมือขวาของพี่ชายคนโต (จูเนียร์- วัชร วัชรพล) นานๆ จะออกสื่อทั้งที แพรวดอทคอมก็ไม่พลาดที่จะถามไถ่ ทั้งเรื่องงาน และไลฟ์สไตล์ของพี่น้องบ้านนี้

_MG_4839
หน้าที่ของแต่ละคนตอนนี้รับผิดชอบอะไรกันอยู่บ้าง
นิค : ของนิคเองมีรับผิดชอบในส่วนของการขายและการตลาด เรื่องคอนเท้นต์ ผังรายการ และการวางกลยุทธ์ภาพรวมขององค์กรทั้งของออนไลน์และทีวี ส่วนหนังสือพิมพ์ก็มีเอาตัวเข้าไปทำบ้างนิดหน่อย

งานแต่ละอย่างที่ทำ ถือว่าเกินตัวเราไหม
นิค : คือนิคมองว่ามันเป็นประสบการณ์มากกว่า เพราะแต่ละสื่อที่เรามีมันมีจุดที่เหมือนและแตกต่างกัน คือเราต้องคุยกับคนหลายแบบ หลายทัศนคติ จะยากก็คงต้องนี้ เราต้องจูงใจให้ทุกคนอยู่ในจุดร่วมเดียวกันให้ได้
แนตเสริม : 3 สื่อที่เรามี อย่างหนังสือพิมพ์ คือเราต้องเปลี่ยน Mindset ของคนที่เขามาทำงานมาเกือบหกสิบปีแล้ว ส่วนออนไลน์กับทีวีมันเป็นการสร้างใหม่ อุปสรรคในการทำงานมันคนละแบบกันค่ะ

เข้ามาเป็นบริหารเต็มตัวแล้ว มองเห็นการทำงานที่ผ่านมาของตัวเองอย่างไรบ้าง
นิค : ส่วนใหญ่คนจะพูดถึงคือเรื่องคุณภาพของภาพและเสียง รวมถึงการนำเสนอเรื่องข่าวมันก็ได้รับคำชม เรื่องเทคโนโลยีเยอะ ซึ่งถามจริงๆ มันก็เป็นเทคโนโลยีที่ทุกช่องมีแหละ แต่ช่องอื่นอาจไม่ได้มองว่าเป็นจุดเด่น เรามาทีหลังก็ต้องพยายามหาช่องว่างในตลาดที่มันยังมีอยู่ ส่วนใหญ่มันก็จะมีฟีตแบคมาว่าเออไทยรัฐตั้งใจทำดี คนดูรับรู้ได้

แล้วตัวคุณแนตได้เข้ามาช่วยงานอะไรพี่สาวบ้าง
แนต : มาเป็นลูกน้องพี่นิคค่ะ (หัวเราะ) แนตจะดูฝ่ายรายการ ดูการขาย และดีลกับต่างประเทศ การเลือกซื้อซีรีส์เข้ามาฉายในช่อง และการทำการตลาดกับต่างประเทศค่ะ

_MG_4903

ทำงานด้วยกันมีทะเลาะกันบ้างไหม
นิค : ก็มีตลอด (ยิ้ม) อย่างเรื่องผัง แนตก็จะมาเข้าร่วมประชุมด้วย มันก็ไม่เชิงความเห็นไม่ตรงกัน แต่ต่างคนต่างความคิด ต่างมุมมอง
แนต : มันมีแต่เราอธิบาย โต้แย้งกันด้วยเหตุผลกันไป

กับพี่ชาย (คุณจูเนียร์) 3 พี่น้องมีปรึกษาเรื่องงานอะไรบ้างไหม
แนต : มีอยู่แล้วค่ะ คือกับทั้งกับเรื่องงานและเรื่องทั่วๆ ไปเราคุยกันตลอด
นิค : มันมีหลายเคสที่แบบเราคิดมาแล้ว บางทีให้แนตเป็นคนเคาะก็มี หรือนิคกับแนตคิดกันมาแล้วไปให้พี่เนียร์เคาะเลือกก็มี บางทีก็มานั่งรวมหัวกัน แล้วแต่เรื่องจริงๆ บางทีเราคุยกันสองคนหาทางออกไม่ได้ ก็ไปหาพี่เนียร์ เพราะเขาก็มีมุมมองในแบบผู้ชาย มันก็ได้ความคิดเห็นอีกแบบ กลยุทธ์จ๋ามาก เขาก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งไปเลย

_MG_4778
ทำงานด้วยกัน สองสาววางตัวกันยังไง ตั้งกำแพงกันไหม
แนต : แนตมองว่าการวางตัวของพี่นิค เขาทำได้ดีนะคะ คือแนตก็เชื่อและให้ความเคารพในแบบนั้นได้
นิค : คือเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นแบบนั้นนะ

งั้นแอบถามคุณแนตหน่อย พี่สาวดุไหมเวลาทำงาน
แนต : แซ่บค่ะ (หัวเราะ) ดุไหมหรอ ไม่รู้นะ แต่เป็นคนชอบเก็บรายละเอียด ต้องมีเหตุผลนะเวลาทำงานกับเขา แต่ถ้าพี่เนียร์ใจดีเกินนนนนนน (หัวเราะ) พี่นิค จะซีเรียสกับการทำงานมากกว่า
นิค : ไม่รู้สิ นิคว่าทุกคนโตๆ กันแล้ว ทุกคนมาทำงาน ก็ต้องเอาสมองมาด้วย อย่าเอามาแต่ตัว และนิคค่อนข้างเป็นคนพูดตรง แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีมารยาทหรือไม่สุภาพนะ
แนต : คือพี่นิคตรงก็จริง แต่แนตว่าทุกคนที่ทำงานกับพี่นิคก็สามารถเข้าถึงพี่นิคได้นะ มีความเป็นกันเอง แต่แค่มีความเป็นมืออาชีพในการทำงานแค่นั้นเอง

_MG_4943

3 พี่น้องดูทำงานเข้าขากันขนาดนี้ สมัยเด็กๆ เป็นไงบ้าง คุณแม่มีปลูกฝังอะไรเป็นพิเศษไหม
นิค : อันนี้ไม่รู้ว่าคุณแม่เขายังไง แต่ว่าเท่าที่รู้สึกก็คือเลี้ยงเหมือนๆ กันนะ แต่แค่ว่าใครจะหยิบจับจุดไหนมาได้เองมากกว่า และด้วยความที่3คน 3บุคลิก 3คาแร็กเตอร์เลย เพราะฉะนั้นคุณแม่จะมีวิธีการเข้าหาลูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขาจะมีเรื่องบางเรื่องที่พูดได้กับพี่เนียร์คนเดียว บางเรื่องก็แนตคนเดียว บางเรื่องก็มาหานิค เลยไม่รู้ว่ามันเป็นการเลี้ยงลูกที่ต่างกันไปหรือเปล่า แต่เรื่องการปลูกฝังค่านิยมอะไรบางอย่างก็มีอยู่แล้วตามปกติ

ไม่ถามคงไม่ได้ว่าการถูกจับตามองว่าเป็นทายาทสื่อยักษ์ใหญ่ ส่วนตัวรู้สึกอย่างไรบ้าง
นิค : เป็นคำถามเบสิกมาก แต่ก็มันกดดันอยู่แล้วค่ะ คนบางคนมันเทิร์นความกดดันไปเป็นแรงขับที่ต่างแตกต่างกัน ถามว่านิคกดดันไหม ก็กดดันนะ แต่ไม่ได้เอามาบีบตัวเองจนเสียสุขภาพจิต
แนต : ไม่กดดันเท่าพี่นิคนะ คือเรายังไม่ได้รับภาระอะไรมากเท่าเขา แต่ก็แค่เหมือนเขาตรงที่ก็เอาความกดดันมาไดรฟ์ให้เราก้าวไปข้างหน้า และทำมันออกมาให้ดีที่สุดดีกว่า แต่เอาจริงๆ ทุกวันนี้ที่ทำงานก็ไม่ได้รู้สึกบีบคั้นเลยนะ อยากสู้มากกว่า รู้สึกว่าต้องทำให้ได้สิ

_MG_4816

ทำแต่งาน จนไม่ค่อยออกงานสังคม ไม่มีเวลาหรือเป็นสไตล์อยู่แล้วหรือเปล่า

นิค : เป็นธรรมชาติของคนที่บ้านนี้ค่ะ รู้สึกว่าอยากให้คนรู้จักเราจากความสามารถในการทำงานมากกว่า ไม่ได้อยากให้คนรู้จักจากการที่เราไปออกงานสังคมจนทุกกคนจำหน้าได้ ไปไหนก็เจอ ก็เป็นอีกระบบความเชื่อว่า เราอยากให้คนเห็นเรา และยอมรับจากการทำงานมากกว่า โดยนิสัยส่วนตัว นิคจะไม่ค่อยเจ๊าะแจ๊ะจิ๊จ๊ะอะไรมากนักด้วย

2 สาวนอกจากเรื่องงานที่เราคุยกัน เรื่องส่วนตัวเราสนิทกันไหม

นิค : มีค่ะ จะบอกกันตลอด ยืมเสื้อผ้ากัน กระเป๋า รองเท้า

งานอดิเรกทำอะไรเหมือนๆ กันไหม สองพี่น้องคู่นี้

นิค : เอาจริงๆ นิคว่า นิคไม่ค่อยมีงานอดิเรกนะ ถ้ามีเวลาว่าง คือนอน ดูหนัง คือแต่ก่อนนิคเป็นคนดูทีวีดูละคร เป็นราชินีรีโมทตั้งแต่เด็กๆ เลย (หัวเราะ) แต่พอมาทำงานแล้วรู้สึกว่า แม้แต่สื่อบันเทิงสื่อเดียวที่มีอยู่ในบ้านก็ไม่พ้นเป็นงาน คือต่อให้ไม่ตั้งใจจะทำ แต่การนอนดูทีวีอยู่บ้าน มันก็วิเคราะห์คิดตลอดเวลา ทั้งที่ในใจไม่อยากคิดเรื่องงานเลย

แนต : ออกกำลังกายค่ะ ก็อยู่กับเพื่อน ไปช้อปปิ้ง นอนดูหนัง ดูทีวี

สไตล์การแต่งตัวแต่ละคนเป็นแบบไหน
แนต : เราว่าเรามีหลายสไตล์มาก อย่างเพื่อนก็ยังทักว่าเราเป็นคนที่ต่างตัวหลายแบบ คือเปลี่ยนลุคได้หลายลุค เสื้อผ้าคือล้นห้องมาก ใครเข้ามาตกใจ (หัวเราะ)
นิค เสริม : ถ้าเรื่องการแต่งตัวคงคล้ายกัน แต่นิคจะเป็นคนไม่ซื้ออะไรบ่อยๆ อารมณ์การช้อปปิ้ของนิคจะมาเป็นระลอกมากกว่า ถ้าช้อปก็ตั้งใจไปเลย ถือเป็นการพักผ่อนเหมือนไปทริปต่างประเทศเลยค่ะ

_MG_4775

มีหลายเรื่องที่บอกว่าคล้ายกัน แล้วอย่างการใช้ชีวิต แต่ละคนมีมุมมองอย่างไรบ้าง
นิค : มันมีหลายเรื่องที่คอยเตือนสติเรา คงไม่ใช่แค่คติ หรือปรัชญาอันใดอันหนึ่ง สำหรับนิคคือตั้งใจทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด ทำแล้ว ต้องไม่รบกวนหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร และก็นิคเป็นคนง่ายๆ ไม่ซับซ้อนพิธีรีตองเยอะ ไม่ชอบความดราม่า อย่ามาวุ่นวาย มันเสียเวลาชีวิต จะทะเลาะกันไปทำไม คือมองโลกในแง่ดี ถ้ามีโอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ก็จงทำ
แนต : ยากเลย (หัวเราะ) แนตว่าท้ายที่สุดแล้ว ต่อให้เรามีคติการดำเนินชีวิตอะไร หรือมีปัญหาอะไรเข้ามาก็ตาม แนตคิดว่าเราเปลี่ยนที่ตัวเราเองง่ายกว่า เมื่อก่อนจะเป็นคนที่ปะทะและแรง จะไฟต์ทุกสิ่ง และมันก็ทำให้เราเครียดเอง ก็เปลี่ยนมุมมองพยายามมีสติ เหตุผลมากขึ้น ถ้าเปลี่ยนใครไม่ได้เปลี่ยนความคิดตัวเองง่ายกว่า

เรื่องงานก็มุ่งมั่นมีหลักการที่ชัดเจน เรื่องการใช้ชีวิตก็เรียบง่าย แบบนี้เรื่องหัวใจมีคิดไหมว่าคนที่เข้ามาจะต้องเป็นแบบไหน

นิค : อืม…คนๆ นั้นคงต้องสร้างแรงบันดาลใจและทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ด้วย ต้องทำให้เราศรัทธา อย่ามาแค่ให้เราศรัทธาว่ายูรวย ยูเรียนจบจากโรงเรียนดัง คือนิครู้สึกว่าชีวิตคนเรามันไม่ได้มีแค่นั้น

แนต : คงต้องเป็นผู้ที่โลกสวยมากๆ (หัวเราะ)

_MG_4804

เข้ามาทำงานกันได้พักใหญ่แล้ว มีตั้งเป้าหมายกับตัวเองไว้บ้างหรือเปล่า ว่าในรุ่นของเรา ธุรกิจนี้จะเป็นไปในทิศทางใดบ้าง
นิค : ส่วนตัวมีความอยากที่จะพาไทยรัฐออกไปในระดับอินเตอร์ ก้าวไปอีกขั้น แต่จะด้วยเรื่องอะไรค่อยว่ากัน อินเตอร์ในที่นี้คืออยากลดการทำงานแบบลูกทุ่งลงบ้าง แต่ก็อยากให้มีความอบอุ่น ทำงานเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิมอยู่นะคะ นิคว่าระบบระเบียบอะไรต่างๆ มันต้องพัฒนาให้ทันยุคสมัย มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทันโลกมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่อยากให้ไทยรัฐเป็น และทุกวันนี้ก็พยายามทำอยู่
แนต : แนตมองว่าถึงหนังสือพิมพ์กำลังจะลง แต่เราจะต่อยอดหรือทำอะไรก็แล้วแต่ให้ชื่อเสียงมันยังอยู่เหมือนที่คุณตาสร้างเอาไว้ด้วยการใช้สื่ออื่น หรือวิธีใดก็ตามให้เขาอยู่และมีความสตรอง มีพาวเวอร์เหมือนที่คุณตาสร้างมา

_MG_4798

หมายความว่าจะมีการลงทุนมหาศาลอีกแน่นอนในอนาคต
นิค : คือเรื่องลงทุนมันก็คงมี แต่เรื่องระบบภายใน โครงสร้างองค์กร มุมมองการทำธุรกิจมันก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ก้าวต่อไปข้างหน้าด้วย

เราจะได้เห็นเซอร์ไพรส์อะไรในปีนี้อีกบ้าง
นิค : ก็อาจมีแต่คงไม่ถึงขั้นเซอร์ไพรส์อะไรค่ะ คงจะทำธุรกิจของเราครบวงจรมากขึ้น ในจุดที่เรายืนอยู่เพื่อให้มันส่งเสริมกันและกัน ส่วนอนาคตคงต้องดูกันอีกยาวไกล เพราะธุรกิจสื่อมันมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ในระยะ4-5 ปีนี้คงยังตอบอะไรมากไม่ได้

 

เรื่อง : SRIPLOI

ภาพ : วาระ สุทธิวรรณ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up