แฟนนางงามไทยเต็มสนามบินสุวรรณภูมิ ต้อนรับการกลับมาของ บิ๊นท์-สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์ มิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019 ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นสาวไทยคนแรกที่พิชิตมงกุฎนี้
เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ บิ๊นท์-สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์ มิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019 ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นสาวไทยคนแรกที่พิชิตมงกุฎได้สำเร็จ โดยวันที่ 21 พ.ย. 2562 เมื่อเวลา 18.00 น. เธอได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ซึ่งกองประกวดนางสาวไทย ได้จัดงานแถลงข่าวต้อนรับโดยมีครอบครัวและแฟนคลับมาต้อนรับเป็นจำนวนมาก โดยหลังจากเสร็จพิธีการบนเวที สาวงามได้เปิดใจถึงความรู้สึกกับสื่อมวลชนไทยด้วย
ความรู้สึกตั้งแต่ลงเครื่องบินมาเป็นอย่างไรบ้าง ?
“ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร บรรยากาศตอนที่มาจากญี่ปุ่นก็จะเงียบๆ แต่พอเครื่องบินแลนดิ้งก็มีคนมาต้อนรับ ตอนนั้นเราก็ตื่นเต้นระดับหนึ่งแล้ว แต่พอเดินออกมาที่หน้าประตู เจอคนมาต้อนรับเยอะมากรู้สึกใจเต้นแรงและน้ำตาจะไหลตลอด บิ๊นท์ขนลุกเลยไม่คิดว่าชีวิตจากเด็กธรรมดาทั่วไป ไม่เคยคิดว่าจะมีใครมารอ แต่พอวันนี้มีคนมาต้อนรับก็รู้สึกน้ำตาจะไหลตั้งแต่ก้าวแรกเลย บิ๊นท์ดีใจและมีพลังมาก แล้วก็ภูมิใจว่าเราทำหน้าที่ให้ประเทศไทยได้แล้วนะ เพราะแฟน ๆ ก็รอมงกุฎจากเวทีนี้มานาน”
คุณพ่อ-คุณแม่ก็ร้องไห้ด้วย?
“คุณพ่อเซนซิทีฟมากเพราะบิ๊นท์ไม่ได้เจอคุณพ่อมาร่วม 2 เดือนแล้ว เพราะติดภารกิจตั้งแต่เวทีนางงามกรุงเทพฯ นางสาวไทย จนมาถึงมิสอินเตอร์เนชั่นแนล หนูเองก็เหมือนคุณพ่อคือค่อนข้างเซนซิทีฟร้องไห้ง่าย น้ำตาจะไหลตาม ต้องบอกให้คุณแม่ช่วยปลอบคุณพ่อหน่อยเพราะไม่อย่างนั้นบิ๊นท์จะร้องไห้ตาม คือช่วงที่แข่งขันจะไม่ค่อยโทรศัพท์หาครอบครัวเพราะว่ากลัวจะคิดถึงมากและหลุดโฟกัสจากการทำงาน ก็เลยคิดว่าไม่โทรดีกว่าและรอกลับมาเจอทีเดียว ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ตำแหน่งที่หนึ่ง เดี๋ยวก็ได้กลับมาสู่อ้อมอกคุณพ่อ-คุณแม่แล้ว แต่พอมันได้ปุ๊บมันก็ดีใจแต่คุณพ่อ-คุณแม่ก็บอกว่าทำไมไปไกลขนาดนี้”
ก่อนจะไปคาดหวังกับมงกุฎมากน้อยแค่ไหน?
“คือเป็นคนที่มักจะกำหนดเป้าหมายของตัวเองไว้ไกลๆ คือที่ประกวดเราก็อยากได้ที่หนึ่งนะแต่ว่าไม่ได้หวังมากว่าจะต้องได้ ที่ไม่ได้หวังไว้มากเพราะว่ากองประกวดเขาเก็บทุกอย่างเงียบมากไม่บอกไม่หลุดเลยอะไรเลย ไปรู้พร้อมกันวันสุดท้ายจริงๆ ส่วนตัวก็มองว่าตัวเองน่าจะเป็นม้ามืดเพราะตอนที่เก็บตัวมีตัวเก็งเยอะมาก แล้วปีนี้ผู้เข้าแข่งขันสวยและมีความสามารถมาก ๆ นั่นจึงเป็นอันนึงที่ทำให้เราไม่คิดว่าจะเป็นเรา จริงๆ ตอนแรกบิ๊นท์ก็เตรียมจับมือกับเวียดนามแล้ว เพราะคิดว่าอีกคนจะได้เพราะเขาตอบคำถามดี แต่พอประกาศว่าเป็นชื่อเราก็เลยตกใจ แว๊บแรกคือสมองไม่สั่งการแล้วจนเพื่อนเข้ามากอดก็เลยเป็นโมเมนต์ที่แบบดีใจมาก”
จำคำตอบบนเวทีของตัวเองได้ไหม?
“คำถามคือเชียร์ผู้หญิงให้ได้ทำสิ่งต่างๆ ซึ่งบิ๊นท์ได้เลือกการเชียร์จากประสบการณ์ของตัวเองเพื่อเป็นแรงบันดาลใจว่า ถ้าเกิดผู้หญิงธรรมดาอย่างบิ๊นท์ทำได้ พวกคุณก็ทำได้เหมือนกัน บิ๊นท์รู้สึกว่าความเป็นคนธรรมดาทุกคนต้องเคยเป็นมาก่อนไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็นดาราเลยหรือไม่มีใครเกิดมาแล้วประสบความสำเร็จเลย บิ๊นท์คิดว่าเป็นคำตอบที่น่าจะให้แรงบันดาลใจกับผู้หญิงคนอื่นๆได้ ตอนนั้นเราก็แค่อยากสื่อสารออกไปว่าเราอยากให้ผู้หญิงทุกคนกล้าในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ และลงมือทำเลยถ้ามันเป็นความฝันเรา”
รู้สึกอย่างไรบ้างที่เอาชนะคำสบประมาทได้?
“ไม่เชิงคำสบประมาทหรอก เพราะว่าจริง ๆ บิ๊นท์ก็เข้าใจว่าทุกคนอยากได้ตัวแทนประเทศที่ดีที่สุด คงไม่มีใครอยู่ดีๆลุกขึ้นมาด่าเพราะเราไม่สวยมันคงไม่ใช่เหตุผล บิ๊นท์มองว่าเขาอยากได้ตัวแทนที่ดี แต่ตอนนั้นก็ยอมรับว่าเรายังขาดในหลายจุดในเวทีนั้นเพราะเราเพิ่งจะเริ่ม”
มีท้อแท้บ้างไหม?
“ไม่ค่อยท้อค่ะ เพราะบิ๊นท์เป็นคนที่ถ้ามีอะไรที่เข้ามาแล้วทำให้เราเครียด เราจะทิ้งเร็วมากเพราะเรารู้สึกว่ามันจะทำให้เราไม่พัฒนาและมันจะทำให้เราทำเป้าหมายที่หวังไว้ไม่สำเร็จ ก็เลยเลือกทิ้งไปก่อน แต่เราก็เก็บคำติมาปรับปรุงนะ ซึ่งวันนี้มันก็เป็นบทพิสูจน์นึงที่บิ๊นท์ทำให้ทุกคนเห็นได้แล้ว ไม่ใช่ความรู้สึกสะใจแต่เป็นความรู้สึกว่าอยากให้คนภูมิใจในตัวฉัน บิ๊นท์เสียใจแค่วันแรก หลังจากได้ตำแหน่งและโดนด่าบิ๊นท์ตกใจร้องไห้ แต่พอวันที่สองเราก็คิดได้ว่าเขาคงติเพื่อก่อ ฉะนั้นเราเลยคุยกับทีมว่าต้องเพิ่มตรงนั้นตรงนี้ พัฒนาไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็อย่างที่ทุกคนเห็นว่าไม่มีใครเกลียดขนาดนั้นหรอกถ้าเราพัฒนาแล้ว สุดท้ายทุกคนก็กลับมารักเราบิ๊นท์รู้สึกภูมิใจมากๆ”
คำวิจารณ์ไหนที่กระทบกับจิตใจมากที่สุด?
“จำไม่ได้ เพราะบิ๊นท์รู้สึกว่ามันเป็นคำวิจารณ์ภายนอกรูปลักษณ์เราอาจจะยังไม่ดี และบิ๊นท์เองก็ไม่ได้เป็นคนที่มายด์เรื่องรูปลักษณ์ขนาดนั้น บิ๊นท์ไม่ได้แคร์ว่าเราต้องสวยที่สุดในการแข่งขัน เรามองว่ามันเป็นความท้าทายที่ว่าฉันจะทำดีให้ดูเองว่าบิ๊นท์ทำได้”
สวยขึ้นมั่นใจขึ้น?
“สวยขึ้นก็ต้องขอบคุณคุณหมอจริงๆ บิ๊นท์ไม่ได้ศัลยกรรมแต่จะเป็นการปรับแต่งรูปหน้า ฟิลเลอร์ ไฮฟู เทอร์มาจ คือคุณหมอจะออกแบบและคุยกับเราตลอดว่าโอเคไหม ซึ่งหลายอันเรากลัว แต่หัวใจก็คิดอย่างเดียวเลยว่าเราจะเป็นตัวแทนประเทศนะ จะไม่ทำเหรอ บิ๊นท์ไม่เคยไปทำอะไรกับหน้าเลยจนกระทั่งครั้งนี้ที่เราต้องปรับรูปหน้านิดนึง เพราะเวลาออกกล้องหน้ามันจะขยาย ต่อให้หน้าจริงเราจะเข้ารูปแต่พอออกทีวีมันจะขยาย ซึ่งมันก็เป็นส่วนหนึ่งในงานเราบิ๊นท์จึงยอมเจ็บตัว ปกติแล้วบิ๊นท์จะกลัวมาก และค่อนข้างพอใจในหน้าเดิมของตัวเองอยู่แล้ว”
ลงทุนลงแรงไปทุกอย่างภูมิใจไหมกับความสำเร็จ?
“ภูมิใจมากที่สุดในชีวิตแล้ว บิ๊นท์ก็เคยคิดตั้งแต่เด็กๆ เวลามองนักกีฬาโอลิมปิคหรือนักกีฬาระดับชาติเขาได้เหรีญทองรู้สึกว่าเขาเท่จังเลย เขาเป็นตัวแทนประเทศ เขาขลังมาก แล้วเราอยากทำอะไรให้ประเทศอย่างนั้นได้บ้าง แต่ตอนเด็ก ๆ เราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะทำได้จนกระทั่งเราได้ลองเดินตามความฝันที่เราอยากทำจริงๆ และมันทำได้ ก็เลยมีความสุขและอิ่มใจมาก ยิ่งวันนี้เห็นทุกคนมาต้อนรับก็ยิ่งดีใจมากๆ”
ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไร?
“บิ๊นท์เพิ่งกลับมาไทยยังไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงถึงแม้ทุกคนจะบอกว่าชีวิตเปลี่ยนแล้วนะ แต่เรายังรู้สึกว่าเป็นตัวเราเยอะอยู่ดี แต่ถ้ามาถามหลังจากนี้อาจจะเปลี่ยนคำตอบ แต่ตอนนี้ยังเป็นคนเดิมยังเหมือนเดิม”
ภารกิจหลังจากนี้ต้องทำอะไรบ้าง?
“หลักๆก็จะมีงานด้านการกุศล แล้วก็มีออกรายการต่างๆนะคะ ก็ติดตามรอชมสัมภาษณ์ได้ช่วงเวลานั้นอาจจะเหนื่อยและเปลี่ยนคำตอบได้”
วันนี้นำมงกุฎกลับมาบ้านเกิดด้วย?
“ต้องขอบคุณทีมไทยมากๆนะคะที่ทำให้เรานำมงกุฎนี้มาได้ คือเราพาคนดูแลมากับเราเลย ถ้าเกิดว่าไม่มีคนดูแลจากฝั่งเขามาเขาจะไม่อนุญาตให้เอาออกมา เขาเคยเล่าว่าหลายครั้งเขาต้องนอนกอดมงกุฎหลับบนเครื่องเลยไหม เขาบอกว่าเขาแทบจะล่ามมงกุฎไว้กับตัวเอง เพราะราคา 17 ล้านมันสูงมาก ซึ่งทางมิกิโมโตเขาก็กังวล แต่ตอนนี้ก็ทำประกันเรียบร้อยแล้ว มงกุฎนี้จะอยู่กับเรา 5 วันจนถึงวันอาทิตย์ก็อาจจะได้เห็นในหลาย ๆ รายการ
จะมีการแห่รอบเมืองไหม?
“ก็มีแฟน ๆ เรียกร้องมาว่าอยากเห็นสักครั้ง เพราะสมัยรุ่นพี่สองคน ก็มีการแห่ซึ่งทางทีมงานก็ได้สรุปว่าเป็นวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ 16.30 น.แถวช่วงสวนสวนลุมพินีถึงงานกาชาติไปเจอกันได้ เดี๋ยวจะแจ้งรายละเอียดอีกที”
มีโครงการอะไรที่อยากสานต่อบ้าง?
“บิ๊นท์ยืนตรงนี้สิ่งที่ดีที่สุดคือคำพูดและกระบอกเสียง ที่ง่ายที่สุดเป็นกระบอกเสียงเลย ตัวบิ๊นท์เป็นเภสัชดังนั้นจึงมีความสนใจในเรื่องสุขภาพของคนไทย ซึ่งช่วงเวลาที่ไปเก็บตัวที่ประเทศญี่ปุ่น บิ๊นท์ก็ได้อะไรหลายๆอย่างในด้านนี้เพราะบิ๊นท์ไปเยี่ยมชมเขาดำน้ำเก็บไข่มุกและคนที่ดำน้ำอายุ 60กว่าหมดเลย แต่เขาสามารถดำน้ำเย็นประมาณ 10องศาได้ บิ๊นท์ก็เลยถามเขาว่าเขาทำอย่างไร ซึ่งบิ๊นท์ว่ามันน่าสนใจมาก การกินการออกกำลังกายมีผล การกินของประเทศญี่ปุ่นแตกต่างจากการกินของไทยเยอะ การกินของไทยยังมีส่วนประกอบที่ทำให้คอเลสเตอรอลสูง บ้านเขาซีเรียสเรื่องแคลอรี่มากซึ่งมันดีเพราะมันทำให้อายุเขายืนมันเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประเทศไทย และบิ๊นท์ก็อยากสานต่อโครงการอะไรแบบนี้ที่จะทำให้สุขภาพคนไทยดียั้งยืนได้”
และภารกิจที่ญี่ปุ่นยังต้องบินกลับไปทำอะไรบ้าง?
“เดี๋ยวเขาจะแจ้งเรื่อย ๆ แต่ภารกิจหลักคือมอบมงกุฎให้มิสอินเตอร์เนชันแนลประเทศต่างๆ อันนี้แฟนคลับจากต่างประเทศเขาก็รอเจอเราเหมือนกัน ก็ดีใจนะคะที่จะได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมประเทศอื่นๆดูวัฒนธรรมเขา มันมีประโยชน์กับตำแหน่งเราเพราะตำแหน่งเราต้องมีความรู้ของชาติอื่นๆเพื่อที่จะมาปรับปรุงประเทศเราด้วย”
งานวงการบันเทิง?
“ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีโอกาสใหม่ ซึ่งบิ๊นท์ก็มีโอกาสด้านนี้เข้ามาทางด้านวงการบันเทิงและงานการกุศลบิ๊นท์ก็สนใจด้านนี้ บิ๊นท์อยากตักตวงสิ่งที่เราเคยอยากทำตอนเด็กๆ ส่วนเรื่องเภสัชมันอยู่ในตัวบิ๊นท์อยู่แล้วบิ๊นท์ไม่ได้กลัวว่ามันจะหายไปเลยเพราะเราไม่มีทางทิ้งอาชีพนี้ได้ เพราะก็มีแพลนว่าในอนาคตถ้าอยู่ตัวอายุมากหน่อยก็อยากทำร้านยาชุมชนแต่ก็ต้องดูกันต่อไปเพราะมันก็เป็นแพลนในระยะยาว แต่ตอนนี้เราก็โฟกัสกับโอกาสใหม่ที่เข้ามาด้วย ส่วนตัวก็สนใจเพราะตอนเด็กๆก็ชอบดูละคร บิ๊นท์ไม่ได้มองบทนางเอกแต่มองบทนางร้ายเพราะมันดูสนุก แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ความเหมาะสม”
สุดท้ายให้ขอบคุณแฟนนางงามที่ติดตามบิ๊นท์มาตลอดสักหน่อย?
“ก็ขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยทุกคนจริง ๆ เพราะตอนที่บิ๊นท์อยู่ญี่ปุ่นมันคือการอยู่คนเดียว แต่ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้นอกจากครอบครัวและทีมงานก็คือแฟนๆชาวไทย บิ๊นท์เข้าไปอ่านคอมเมนต์และได้พลังกลับมาเยอะมาก บิ๊นท์ไม่เคยคิดว่ากำลังใจจากคอมเมนต์จะมีอิมแพ็คกับเรามากขนาดนี้จนกระทั่งอยู่คนเดียว มันอิ่มใจจนไม่กลัวอะไรเลยเพราะรู้สึกว่าเราเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวของประเทศไทย แล้วข้างหลังมีคนสนับสนุนเราเต็มเลยเราต้องกลัวอะไร มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามั่นใจและได้มงกุฎมาด้วย”
ภาพ : เอกชัย สายสุวรรณ