ชัชพล เจียรวนนท์

‘สบาย’ คำนี้ไม่เคยอยู่ในสายเลือด เปิดใจ “พล-ชัชพล เจียรวนนท์” ผู้บริหารหนุ่มรูปหล่อไฟแรง

Alternative Textaccount_circle
ชัชพล เจียรวนนท์
ชัชพล เจียรวนนท์

“ชีวิตผมตอนนี้ไม่มี Work-Life Balance มีแต่ Work อย่างเดียว”…คำสารภาพของ คุณพล-ชัชพล เจียรวนนท์ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงวัย 27 ที่ชีวิตของเขาตอนนี้ทุ่มให้กับงาน 100 เปอร์เซ็นต์ในตำแหน่ง Co-Founder & Director แห่งแอพพลิเคชั่น Craze (เครซ) ที่ฉีกแนวจากแอพทั่วไป

อเมริกาฝึกให้แกร่ง

“หลังจากเรียนจบเกรด 8 จากโรงเรียนนานาชาติ ISB ผมสมัครเรียนต่อมัธยมที่โรงเรียน Choate Rosemary Hall รัฐคอนเนตทิคัต จากนั้นสอบเข้าเรียนต่อที่ Columbia University ที่นิวยอร์ก เรียกว่าครึ่งชีวิตของผมอยู่ที่ต่างประเทศ ซึ่งหล่อหลอมให้โตขึ้นมาแบบใช้ชีวิตไม่ขึ้นกับใคร และต้องไขว่คว้าโอกาสให้ตัวเองค่อนข้างมาก เริ่มตั้งแต่หาบริษัทฝึกงานต่างๆ รวมไปถึงการเข้าทำงานตั้งแต่อายุ 21 ปี ทางด้าน Investment Banking ทีม Consumer & Retail ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก Bank of America Merrill Lynch ทำหน้าที่ดูแลการซื้อขายบริษัท การนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ดีลเรื่องหุ้นและหนี้ ซึ่งเป็นงานที่หมกมุ่นและอยู่ใต้ภาวะความกดดันพอสมควร เข้างาน 9 โมงเช้า กลับบ้านก็ยังทำต่อ กว่าจะเข้านอนเกือบตี 4 แล้วต้องตื่นไปทำงานตอน 9 โมงเช้า บริษัทให้โทรศัพท์แบล็คเบอร์รี่มาเครื่องหนึ่ง เวลามีอีเมลเข้ามาผมต้องตอบกลับทันที ถ้าตอบช้ากว่า 3 นาที เจ้านายจะเริ่มตามแล้ว ผมจึงชินกับวัฒนธรรมการทำงานที่ไม่เหมือนงานทั่วไป ได้เรียนรู้โลกของการทำงานที่กดดันมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ ทำอยู่ 3 ปี ก่อน จะกลับเมืองไทยเพราะอยากเริ่มธุรกิจกับน้องชาย”

ชัชพล เจียรวนนท์

Craze Club หากองทัพนักขาย

ปี 2016 คุณพลและน้องชาย (คุณภีมพล เจียรวนนท์) จับมือทำธุรกิจแอพพลิเคชั่น Craze ที่เริ่มต้นด้วยการเป็นแอพช็อปปิ้งที่ขายทั้งโปรดักต์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมทั้งแก็ดเจ็ต แอ๊กเซสซอรี่ส์จาก 250 แบรนด์ดังนับหมื่นชิ้น ตอนนี้ Craze ขยับไปอีกขั้น กลายเป็นแอพที่ทำให้คุณกลายเป็นผู้แนะนำสินค้าและหารายได้ได้จริงจากการเป็น Craze Club Member ในแอพ

“Craze ไม่ใช่แอพช็อปปิ้งอีคอมเมิร์ซทั่วไป ที่ผ่านมาตลอด 2 ปี เราปูพื้นฐานให้ Craze สามารถพัฒนาต่อยอดไปยังหัวใจหลักของแอพ ซึ่งก็คือ Craze Club ที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจในองค์รวมได้ด้วยการสร้างรายได้ให้ผู้ใช้บริการที่เข้ามาเป็นสมาชิก หรือ Craze Club Member ทุกคนมีอำนาจที่จะหาเงินได้ โดยผันตัวมาเป็นผู้ขายหรือแนะนำสินค้าหลากแบรนด์ เราจะมีค่าตอบแทนให้ โดยที่สมาชิกไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่แชร์อย่างจริงใจ ก็จะได้เงินอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันทางแบรนด์สินค้าต่างๆ ก็จะได้ลูกค้า หน้าใหม่โดยไม่ต้องคิดโปรโมชั่นกระหน่ำลดราคาสินค้าอีกต่อไป กลายเป็น ‘Virtual Sales Force’ ก็ว่าได้

“วิธีการคือ Craze จะสุ่มเชิญผู้ใช้แอพ ซึ่งตอนนี้เรามีอยู่เป็นแสนๆ คนเข้ามาอยู่ใน Craze Club ด้วยการแจก Passcode ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับนะครับ เรามีวิธีแจกพาสโค้ดหลากหลายวิธี เช่น แจกผ่านทางโฆษณาออนไลน์ ถ้าใครสนใจก็กดเข้ามาสมัครเป็นสมาชิก หรือแจกพาสโค้ดให้ผู้ใช้งานแอพหรือฐานข้อมูลลูกค้าจากแบรนด์ต่างๆ ซึ่งการสมัครเป็น Craze Club Member นั้นคุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังได้สิทธิพิเศษเพียบ

“คุณสามารถแชร์สินค้าที่น่าสนใจในแอพไปให้เพื่อนผ่านทางไลน์เฟซบุ๊กไลฟ์ หรือช่องทางการสื่อสารใดๆ ก็ได้ ถ้าเพื่อนซื้อ คุณจะได้รับเงินเป็นค่าตอบแทนเข้าทาง E-Wallet สูงถึง 12 – 14 เปอร์เซ็นต์ต่อชิ้นเลยทีเดียว และสามารถถอนเงินจากธนาคารกว่า 10 สถาบันเมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการ มากกว่านั้นคือ ถ้าเพื่อนโหลดแอพ Craze จากลิ้งก์ที่เราเคยแชร์ไปแล้วเพื่อซื้อสินค้าต่อ ไม่ว่าชิ้นไหนในแอพ Craze เราจะให้เงินคุณทุกครั้งที่เพื่อนซื้อของ ถือว่าเป็นโบนัสตอบแทนคำขอบคุณที่ชักชวนเพื่อนเข้ามาร่วมสนุกกับโปรแกรมของเรา นอกจากนี้ Craze Club Member ยังจะได้รับส่วนลดในการซื้อสินค้าภายในแอพในราคาที่ถูกกว่าปกติ และทางแอพจะนำเสนอโปรโมชั่นที่ดีในเวลานั้นๆ ให้สมาชิกเสมอ ซึ่งเขาจะนำไปแนะนำต่อให้เพื่อนก็ได้ ถ้าเพื่อนซื้อ เขาก็จะได้สตางค์กลับมาอีก เรียกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

“ผมมองไว้ว่าคนที่จะเข้ามาเป็น Craze Club Member นั้นแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ด้วยกันคือ ลูกค้านักช็อปทั่วไป กลุ่มที่ 2 คือ ตัวแทนขายหรือแม่ค้าออนไลน์ ที่ปกติเขาต้องเปิดบิลซื้อสต๊อกสินค้าเพื่อไปขายต่อ เรียกว่าต้องควักสตางค์ลงทุนเยอะก่อนจะได้เงินกลับ แต่ถ้าเข้ามาอยู่ใน Craze Club เขาไม่ต้องเสียเงินเพื่อซื้อสต๊อกสินค้า เพียงแค่แนะนำสินค้าแล้วมีคนซื้อก็ได้เงินแล้ว กลุ่มที่ 3 คือ บล็อกเกอร์ ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ชอบโพสต์แชร์กับรีวิวสินค้าอยู่แล้ว เขาสามารถแชร์ สินค้าลงในเฟซบุ๊กไลฟ์หรือไอจีสตอรี่ให้คนมาตามซื้อได้

“วิธีการนี้จะทำให้ทุกๆ คนโตไปพร้อมกัน เมื่อคุณแนะนำสินค้าที่ถูกต้องให้เพื่อนถูกคน เพื่อนก็ชอบที่ได้ของถูกใจ ทางแบรนด์ก็ชอบที่ได้ลูกค้าใหม่ แล้วคนที่อยากทำธุรกิจทางออนไลน์ก็ไม่ต้องเสี่ยงกับการไปซื้อของค้างสต๊อกซึ่งในอนาคตผมอยากให้แอพนี้ไปไกลกว่าการซื้อขายของ ผมมองภาพไปถึงว่าเราสามารถซื้อตั๋วหนัง ตั๋วเครื่องบิน หรือรถก็ยังได้ เพราะเราจะกลายเป็นพลังแห่งการแนะนำ ไม่ใช่แค่แอพซื้อขายเท่านั้น”

ชัชพล เจียรวนนท์

ชีวิตนี้มีแต่ Work

“ช่วงแรกของการทำธุรกิจนี้ยอมรับว่าต้องปรับตัวเยอะมากครับ เพราะผมชินกับสไตล์การทำงานที่นิวยอร์ก ชอบความเร็ว จนมีคนแซวว่าทำงานกับผมต้องเร็วมากๆ แล้วผมค่อนข้างบ้างาน ทุกวันพยายามจัดเวลาประชุมกับทีมต่างๆ คุยกับลูกค้าหลายเจ้า กว่าจะเลิกงานก็ดึก แทบจะพกถุงนอนมาที่ออฟฟิศแล้ว (หัวเราะ) บางคืนยังฝันถึงเรื่องงานเลย จึงแทบไม่ได้จัดเวลาสำหรับพักผ่อนส่วนตัว เพราะจะรู้สึกผิดถ้าไม่ทุ่มกับงานให้เต็มที่ เนื่องจากเราลงทุนทั้งเวลา ทั้งเงิน ทั้งไอเดีย ถ้าไม่ตั้งใจ เราจะพลาดได้ เพราะโลกสมัยนี้ไปเร็วมาก แถมไร้ขอบเขตด้วยเทคโนโลยี คู่แข่งเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ถึงอย่างนั้นผมไม่เคยเหนื่อยเลยนะ แม้ทุกวันจะมีโจทย์ใหม่ๆ ให้หาคำตอบมากมาย แต่ผมคิดว่าปัญหามีไว้ให้แก้

“ถ้ามีเวลาว่างบ้าง ผมจะออกกำลังกายครับ ตอนอยู่อเมริกาผมเล่นทั้งมวยปล้ำและเป็นนักกีฬารักบี้ประจำมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ก็ยังชอบเล่นเปียโนและเล่นกีตาร์ด้วย”

ครอบครัวคือพลัง

“สมัยเด็กที่บ้านเคี่ยวเข็ญเรื่องเรียนมาก ซึ่งผมก็ไม่เคยเกเรในเรื่องนี้ เพราะสนใจการเรียนอยู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่ (ดร.ประทีป – คุณจริยา เจียรวนนท์) ยังเป็นต้นแบบให้ผมในเรื่องของการทำงานหนัก คำว่าสบายไม่เคยอยู่ในสายเลือด เราทำงานกันจริงจังมาก อย่างคุณแม่ท่านทำงานเป๊ะมาก ไม่ใช่แค่ 99 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ ท่านทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้ายาวไปจนถึงเที่ยงคืน ทำให้ทั้งผมและน้องชายตั้งใจทำงานเต็มที่ ถ้าคุณแม่เหนื่อย เราต้องเหนื่อยมากกว่า เราไม่ยอมอยู่สบายๆ ในขณะที่คนที่เรารักยังคงทำงาน เวลาที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาคือหลังจาก 4 ทุ่มเป็นต้นไป ซึ่งเป็นโมเมนต์ที่ผมมีความสุขที่สุดในแต่ละวัน ครอบครัวเราใกล้ชิดกันมาก บางคืนผมไปดูมวยที่ห้องคุณพ่อคุณแม่แล้วเผลอหลับไปเลยก็มี อย่างล่าสุดเราเพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมา เป็นการเที่ยวครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีตั้งแต่ที่ผมเรียนเกรด 6 เราไปเที่ยวกันแค่ 5-6 วัน แต่ก็มีความสุขที่สุด เป็นช่วงเวลาที่รีแล็กซ์จริงๆ ทริปนี้กลายเป็นพลังให้ผมอย่างมาก

“ผมว่าการพูดคุยเป็นเรื่องสำคัญ ครอบครัวเราคุยกันทุกเรื่อง ไม่เคยมีความลับ ไม่ว่าผมจะมีเรื่องน่าปวดหัวที่สุด เครียดที่สุด ดีใจที่สุด ผมเล่า ให้ที่บ้านฟังเสมอ สิ่งนี้ทำให้ผมประสบความสำเร็จในการทำงาน เพราะได้รับคำแนะนำและความใส่ใจจากครอบครัวเต็มที่ ทำให้รู้สึกมีพลังใจในการทำงานและมุ่งมั่นที่จะทำต่อไปครับ”


 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 943

Praew Recommend

keyboard_arrow_up