พลอย - เฌอมาลย์

บทนี้ไม่ต้องกำกับ! “พลอย เฌอมาลย์” ขอชัดเจน ถูกผิดเอาที่สบายใจ

Alternative Textaccount_circle
พลอย - เฌอมาลย์
พลอย - เฌอมาลย์

หากบอกว่านี่คือ การสัมภาษณ์นักแสดงหญิงที่มีลักษณะการตอบคำถามคล้ายผู้ชายมากที่สุด ก็คงไม่ผิดจากนั้น ตรง ชัดเจน ไม่ต้องถามซ้ำ ยังใช้ได้เสมอเวลาคุยกับ พลอย – เฌอมาลย์ นักแสดงมากฝีมือ ที่หากอยู่ในโลกของละคร เธอสามารถเล่นเป็นใครก็ได้ แต่ในชีวิตจริง พลอยไม่เคยเล่นตามบทใคร ไม่เคยเปลี่ยนตัวเองในสิ่งที่คนอื่นอยากเห็น เธอเลือกเขียนบทและกำกับชีวิตในแบบที่ต้องการ ส่วนใครจะถูกใจหรือไม่…ไม่เป็นไร เอาที่สบายใจ

ถ้าคุณอยากอ่านชีวิตของนักแสดงที่ตอบคำถามตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ชีวิต ความรัก จนถึงข่าวคราวต่างๆ แบบไม่ต้องเติมน้ำตาล หรือผ่านก้นกรอง จะมีใครชัดเจนกว่านี้อีกล่ะ

ที่ผ่านมาน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราเห็นข่าวพลอยตามสื่อน้อยมาก

“ไม่ดีตรงไหน พลอยว่าดีนะ” (ยิ้ม)

นี่คือสิ่งที่ตามมา หลังจากเมื่อหลายเดือนก่อน พลอยโพสต์ในไอจีว่า หลังจากนี้จะสัมภาษณ์เฉพาะช่อง 3 สื่อบันเทิงบางช่อง และนิตยสารเท่านั้น

“ใช่ จริงๆ เป็นความตั้งใจนานแล้ว ประมาณปีกว่าๆ ที่ไม่ค่อยได้ออกสื่อ แต่แบบนี้ดีนะคะ ชีวิตไม่วุ่นวาย สงบมาก ไม่มีใครมาคอยกล่าวหาว่าพลอยไม่มากองถ่าย เดี๋ยวไปขโมยเงินคนนั้น แย่งผัวคนนี้ ตบดารา ไปทำแท้งในวัด หรือทำโน่นนี่นั่น ไม่ต้องตอบในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ให้ตัวเอง กับคนที่ติดตามผลงานของพลอย รวมถึงคนที่ติดตามวงการบันเทิงด้วย

พลอยทำงานในวงการนี้มาตั้ง 22 ปีแล้ว พอแล้วกับการเจอเรื่องแบบนั้น ไม่อยากเป็นข่าวไร้สาระ ดราม่า พลอยอยู่ตรงที่ที่ทำให้ตัวเองมีความสุข ไม่จำเป็นต้องมีกระแสอะไรมากมายนัก แบบนี้แฮ็ปปี้กว่า”

หมายความว่า การเป็นกระแสไม่ได้จำเป็นสำหรับพลอยอีกแล้ว

“ใครให้ค่าพลอย พลอยอยู่ตรงนั้น ถ้าใครไม่ให้ค่า พลอยก็ไม่อยู่ แค่นั้นเอง อย่างการให้สัมภาษณ์สื่อ ถ้าเป็นสิ่งพิมพ์ พลอยจะให้สัมภาษณ์นิตยสารมากกว่าแนวแท็บลอยด์ เพราะดูเป็นเรื่องเป็นราวกว่า ดีกว่ามาพูดไร้สาระ และไม่ต้องโดนจ่อไมโครโฟนถามเหมือนเราเป็นนักโทษ อย่างเมื่อคืนก่อน พลอยดูข่าวของ…(นักแสดงชายคนหนึ่ง) ที่ต้องตอบผู้สื่อข่าวในงานอีเว้นต์ว่า “ไม่ครับ…ไม่จริงครับ ผมไม่ได้คุยแล้วครับ…ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ได้ยุ่งครับ ไม่ได้ซื้ออะไรให้เขาครับ” พลอยสงสารมาก เขาพยายามเบือนหน้าหลบแล้ว แต่ก็ถูกถามคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมา”

ดูแล้วเห็นภาพตัวเองในอดีตใช่ไหม

“ใช่ พลอยเห็นใจหลายคนที่โดนอะไรแบบนี้อยู่ พลอยจึงตัดสินใจไม่ให้สัมภาษณ์สื่อบันเทิง ไปอีเว้นต์ก็ขอไม่สัมภาษณ์ ไม่เดินไปที่แบ็กดร็อป ซึ่งคนจัดงานรู้ตั้งแต่แรกเพราะเราคุยกันชัดเจน เขาบอกว่าไม่เป็นไร ยังอยากจ้างพลอยอยู่ ขอให้มา คือเขาไม่ได้จ้างเราเพราะอยากได้กระแส แต่จ้างเพราะให้เกียรติจริงๆ อยากให้พลอยไปทำงานด้วย

จริงๆ พลอยยังมีงานอีเว้นต์เยอะเหมือนเดิมนะ แค่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในวงสัมภาษณ์ ตอนนี้นักข่าวทุกคนรู้ว่า ถ้าเป็นทีวี พลอยให้สัมภาษณ์เฉพาะช่อง 3 เท่านั้น ถ้าเป็นหนังสือแท็บลอยด์จะไม่มีคำสัมภาษณ์จากพลอย บางทีมีเรื่องที่เราเป็นข่าว แล้วเขาขอสัมภาษณ์ พลอยก็ไม่ให้ ใครจะพูดอะไรก็พูด ว่าอะไรก็ว่า เราไม่มีความเห็นอะไรทั้งสิ้น อยากคิดอะไรก็คิด เอาที่สบายใจ หลังๆ ก็เหมือนเขาเหนื่อยๆ กันไปเอง

จริงๆ แล้วพลอยไม่ใช่คนเยอะ มีช่วงหนึ่งที่ถามพลอยได้ทุกเรื่อง ตอบได้หมด ให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่พอง่ายก็โดนเหยียบหัว เขาแค่อยากใช้เราในจุดหนึ่งเท่านั้นเอง จึงทำให้พลอยคิดว่า แล้วทำไมต้องไปง่ายกับเขา เราทำดีแค่ไหนก็ไม่มีใครเห็น เพราะฉะนั้น อย่าเสียเวลาเลย ไม่อยากให้ใครมาทำอย่างนั้นกับเราอีก เพราะฉะนั้นก็อย่าเอาตัวเข้าไปยุ่ง ตัดเลย ขอทำงานและอยู่ในที่ที่เราควรอยู่ดีกว่า”

ถ้าอย่างนั้น ช่วงที่เงียบหายไป ชีวิตพลอยเป็นอย่างไรบ้าง

“สะดุดเยอะเหมือนกันค่ะ มีเรื่องของงานที่ไม่ลงตัว ทำให้หลายคนอาจคิดว่าพลอยหายไปไหน ซึ่งจริงๆ ก็ทำงานแทบทุกวัน ถ้าไม่นับอีเว้นต์ ก็มีถ่ายภาพยนตร์ แต่ฉายปีหน้า เพราะรอเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ รวมถึงละครอีกหนึ่งเรื่อง ซึ่งจริงๆ ต้องเปิดกล้องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน แต่นักแสดงคนหนึ่งหายไปไหนไม่รู้ ไม่มากองเลย ทีมงานต้องใช้เวลากว่า 2 เดือนหานักแสดงใหม่ ตารางจึงถูกเลื่อนออกไป แล้วตอนนี้ละครถ่ายทำด้วยระบบเอชดี ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากเหมือนถ่ายภาพยนตร์ กว่าจะปิดกล้องก็คงเดือนกุมภาพันธ์นี้ คือครบรอบหนึ่งปีพอดี งานของพลอยจึงเหมือนดีเลย์ออกไป ซึ่งไม่ใช่ความผิดของพลอยนะ

สำหรับช่วงนี้มีถ่ายละครวันจันทร์ อังคาร พุธ นอกจากนี้มีถ่ายแฟชั่น อีเว้นต์ ซึ่งพลอยจะอัพเดตชีวิตผ่านอินสตาแกรม แต่ไม่ถึงขนาด
ว่าโพสต์ทุกอย่างแบบสด ๆ ตามเวลานั้น”

ชอบแฮชแท็คในอินสตาแกรมของพลอยมาก เช่น #สวยที่สุดในโลกส่วนตัว #อดีตเคยแรง #ตลกสายดาร์ก ทั้งหมดนี้สื่อถึงตัวตนได้ไหม

“(หัวเราะ) เป็นตัวพลอยในมุมขำๆ ที่เขียนแฮชแท็คแบบนั้นตั้งใจให้สนุก เป็นคำที่พลอยกับเพื่อนๆ เล่นกันมา 6 – 7 ปีแล้ว อารมณ์เหมือนสติ๊กเกอร์ติดท้ายรถบรรทุก สมัยก่อนเรานำคำพวกนี้ไปตัดสติ๊กเกอร์แล้วมาแจกกันเอง แปะตามคอมพิวเตอร์บ้าง อย่างเช่น อดีตเคยแรง ทิ้งกูละน่าดู (หัวเราะ)

พอตอนนี้เป็นยุคของโซเชียลมีเดีย พลอยจึงเขียนแฮชแท็คขำๆ บางทีเราเขินด้วย อย่างเวลาโพสต์รูปถ่ายเซลฟี่ จะให้พลอยพิมพ์ว่าอะไรล่ะ…วันนี้แต่งตัวดีจัง สวยไหมคะ ก็ไม่ใช่เนอะ (หัวเราะ) พลอยขอเขียนขำๆ ให้คนอ่านได้หัวเราะดีกว่า ซึ่งการมีอินสตาแกรมก็ดีนะ แฟนคลับของนักแสดงสามารถรู้ชีวิตส่วนตัวของศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบได้ว่าเขาทำอะไรบ้าง มีเรื่องไหนจริงหรือไม่จริงก็เปิดดู ไม่ต้องมานั่งอ่านจากหนังสือแท็บลอยด์ เพราะเป็นโลกของเราจริงๆ แม้กระทั่งหนังสือพวกนั้น ยังต้องมาเอารูปจากอินสตาแกรม เอาเรื่องราวของเราไปเป็นข่าวเลย เพราะฉะนั้นจุดที่พลอยเลือกอยู่ตรงนี้ถือว่าดีแล้ว โคตรมีความสุขเลย หลังจากก่อนหน้านั้นเจอเรื่องหนักมากมาตลอด”

ภาพหนักๆ ที่คนภายนอกเห็นคงเป็นการที่พลอยโพสต์รูปตัวเองร้องไห้ผ่านอินสตาแกรมเมื่อต้นปี 2558 หลังจากเจอข่าวแย่ๆ ต่อเนื่อง แต่ในสิ่งที่คนไม่เห็น…หนักกว่านั้นไหม

“ถ้าเป็นดาราบางประเทศคงฆ่าตัวตายไปแล้ว อย่างที่เล่าว่า พลอยต้องเจอข่าวอะไรมาบ้าง หรือเวลาเสิร์ชชื่อตัวเองในกูเกิล จะมีคำอะไรตามมาบ้าง ช่วงนั้นหดหู่มาก พอเห็นข่าวดาราต่างชาติฆ่าตัวตาย จึงเข้าไปหาอ่านในอินเทอร์เน็ตว่า ทำไมเขาตัดสินใจอย่างนั้น ต้องเจอเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งพออ่านก็มีทั้งพออายุมากขึ้นแล้วไม่ได้เป็นที่ยอมรับ รับไม่ได้กับข่าวเสียหาย โดนผู้ใหญ่รังแกบ้าง หรือทำผิดนิดเดียว แต่ประชาชนกล่าวโทษเยอะ”

ไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดีใช่ไหม

“ไม่ค่ะ เพียงแต่ช่วงนั้นจิตตก อยากรู้ว่าทำไมคนต้องฆ่าตัวตายและสงสัยว่าทำไมพลอยยังอยู่ได้ เราอึดเหมือนกันนะ…แต่นิสัยพลอย ถ้าอยากรู้อะไรจะหาคำตอบ แล้วไม่กลัวด้วย เปิดดูเลย บางครั้งดูภาพศพ จนแฟนพลอยต้องพูดว่า พอเถอะ อย่าดูได้ไหม แต่พลอยบอกว่า ไม่ อยากรู้ เพราะพลอยจะได้ไม่ทำแบบนั้น หรือตอนพี่สาวผ่าท้องคลอด พลอยก็เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนในห้องผ่าตัด คนรอบตัวยังบอกว่า เดี๋ยวไปเป็นลมในห้อง แล้วจะดูแลพี่ได้หรือ พลอยก็บอกว่า ได้ค่ะ เพราะก่อนหน้านั้นซ้อมดูการผ่าตัดทำคลอดในอินเทอร์เน็ตมา 6 – 7 รอบแล้ว (พลอยเล่าเรื่องประกอบกับการเปิดยูทูบที่เคยดูในโทรศัพท์มือถือ หัวข้อคือ ผ่าตัด คุณลูกๆ ดูไว้ 20+ ด้วยนะ) พอเพื่อนรู้ก็บอกว่า พลอยโรคจิตมาก อ้าว…ทำไมเราต้องกลัวความจริงล่ะ ต้องเผชิญหน้าสิว่า เราจะอยู่กับมันได้หรือเปล่า”

แล้วอะไรที่ทำให้พลอยผ่านเรื่องราวหนักๆ ทั้งหมดมาได้

“พลอยคิดว่าตัวเองโชคดีนะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ทั้งที่เจอเรื่องหนักมาก แต่ไม่ตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ผิด ถ้าจิตไม่แข็งพอ คงฆ่าตัวตายไปแล้ว พอผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้ ก็ต้องขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณเบื้องบนที่ทำให้แข็งแรง ให้พลอยยังสู้ไหว เพื่อนสนิทยังบอกว่ามึงนี่ฆ่าไม่ตาย พอฟังแล้วก็ได้คิดว่า…นั่นสิ”

แต่วันที่อ่อนแอมากกว่าเข้มแข็งก็มีใช่ไหม

“มี พลอยทรุดหลายทีเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้บอกใคร ไม่ให้คนที่บ้านเห็น ทั้งที่ความจริงเหนื่อยมาก เคยนั่งร้องไห้เป็นวัน ตั้งแต่บ่ายสามถึงเที่ยงคืน จิตตกโดยไม่รู้สาเหตุ นั่งตาลอย ไม่ออกจากบ้าน ไม่พูดกับใคร บางทีดื่มไวน์เมามากๆ ก็ร้องไห้กับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแบบจะเป็นจะตาย เพิ่งกลางปีก่อนนี้เองที่กลับมาร่าเริงสดใสได้ หลังจากดาร์กมาเกือบ 2 ปี”

แล้วดึงตัวเองกลับมาได้อย่างไร

“จู่ๆ ก็หาย อาจเพราะสองปีที่ผ่านมา พลอยพยายามจัดการระบบความคิดและจิตใจของตัวเองให้ดีขึ้น จริงๆ คนไม่ค่อยรู้ว่าพลอยหดหู่กับข่าวที่เกิดขึ้นมาก และพยายามรักษาตัวเองด้วยการดูโน่นดูนี่ อ่านๆทำไมเขาฆ่าตัวตาย เฮ้ย…เรื่องแค่นี้เองหรือ ไม่ได้สิ เราอยู่มาขนาดนี้ แล้วจะตัดสินใจแบบนั้นไม่ได้ ต้องแข็งแรง มีคำที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งสอนว่า “พลอย…ให้ค่าเฉพาะคนที่ให้ค่าเรา ใครไม่ให้ค่าก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เขาจะว่าอะไร หนูก็หันหลังกลับ ปิดหู ปิดตา” ซึ่งพลอยก็ทำตาม เพราะบางทีโลกก็ไม่ยุติธรรม แต่พลอยคิดว่าถ้าโลกที่อยู่ตรงหน้าไม่ยุติธรรม เราก็แค่หันหลังให้มัน แล้วเดินต่อไปไม่ต้องไปยุ่งหรือเกี่ยวข้องด้วย”

ดาราบางคนยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่ออยู่ในวงการได้นานๆ เช่น ลดความแรง ไหลตามน้ำบ้าง แต่เหมือนพลอยเลือกเป็น
ตัวเองตลอดเวลา

“เอาจริงๆ ที่ผ่านมา พลอยปรับเยอะนะ บางเรื่องที่ทำผิดก็ขอโทษ เพราะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่เหมือนสิ่งที่พยายามปรับโดยที่ไม่เสียความเป็นตัวเองจะไม่เวิร์ค เพราะสังคมมักมองเราอีกแบบ แต่พลอยเชื่อว่าพอเวลาผ่านมา หลายๆ อย่างในสังคมเปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้ที่คนไทยไม่ได้เสพข่าวบันเทิงแบบเก่าๆ หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าบางเรื่องก็เกินไป หรือบางทีก็ไม่เป็นเรื่องอะไรเลย
แล้วเรื่องเป็นตัวเอง พลอยก็เป็นแบบนี้มาตลอด แฟนคลับยังเคยบอกว่า เวลาอ่านสัมภาษณ์พี่พลอย ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน เล่มแรกตอบแบบไหน เล่มอื่นๆ ก็ตอบแบบนั้น พูดเหมือนกันทุกเล่ม นั่นเพราะพลอยไม่มีการสร้างคำพูดที่สวยงามหรือให้ดูดี คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ค่อนข้างซื่อสัตย์กับความคิดของตัวเองมาตลอด”

วันนี้พลอยไม่มีผู้จัดการส่วนตัว ดูแลตัวเองอย่างไร

“พลอยทำเองทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่ว่าละคร อีเว้นต์ ธุรกิจอาหารเสริม งานเอกสาร บัญชี ขับรถ วุ่นวายเหมือนกัน แต่ลงตัวมากกว่า ต่างจากก่อนหน้านี้ที่มีผู้จัดการ แต่เขาไม่ได้ดูแลปกป้องเราจริงๆ เวลาเกิดปัญหา เพราะเขาคงกลัวโดนคนเกลียด จึงไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราตรงๆ ทำให้เกิดปัญหาที่หน้างาน แต่พอใช้ระบบจัดการด้วยตัวเอง พลอยเคลียร์ทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้น ทำให้ปัญหาน้อยลง ยกตัวอย่างถ่ายแฟชั่น พลอยจะถามละเอียดว่า ถ่ายประมาณไหนคะ โลเกชั่นที่ไหน ช่างหน้าช่างผมคือใคร เคลียร์เช็คกับใคร จะทำทุกอย่างเป็นขั้นตอน เวลาทำงานจะได้รู้ว่าเราต้องเจออะไรบ้าง แล้วพลอยได้ยินทุกอย่างเองกับหูด้วย เวลาที่เขาถามรายละเอียดด้านต่างๆ จึงตอบได้ทันทีว่า อันนี้โอเคค่ะ เรื่องนั้นไม่โอนะ แต่พอรับงานเองก็เหนื่อยเหมือนกัน บางทีวันอาทิตย์ตอนเที่ยงคืนมีโทรศัพท์เข้าว่า ขอคิวพี่พลอยหน่อยค่ะ แล้วก็เงียบ พลอยต้องถามกลับว่า ต้องให้พลอยถามต่อไหมคะว่า ทำอะไร ที่ไหน อะไร อย่างไร บอกมาสิคะว่าทำอะไรบ้าง ทำไมหนูไม่พูดล่ะ เลยกลัวพลอยเป็นแถวเลย พลอยโหดไง”

ถามจริงๆ ตอนที่ตอบกลับไปแบบนั้น โมโห หงุดหงิด หรืออะไร

“จริงๆ ไม่เลยนะ (ยิ้ม) แต่พลอยเป๊ะไง เป็นสายเมเนเจอร์ที่ดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ถึงที่ผ่านมาจะมีผู้ช่วยคอยประสานงาน แต่พลอย
ตัดสินใจเองว่า จะเลือกรับ หรือไม่รับงานไหน พลอยเป็นบอสตัวเองมาตลอด แต่ไม่เคยคิดว่าเราเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับบอสซี่ อยากเอาโน่น อยากได้นี่ ไม่ใช่ ไม่เคยรีเควสต์ขนาดนั้น แต่อยากคุยทุกอย่างให้ชัด จึงถามตรงๆ แต่จะให้ดัดจริตพูดหวานๆ ก็ไม่ใช่นิสัย บุคลิกพลอยชัดเจน ไม่ตอแหล ไม่ปากหวานไปทั่ว แต่สุดท้ายก้นเปรี้ยว”

วงการบันเทิงยังเป็นพื้นที่ที่ทำให้พลอยมีความสุขอยู่ไหม

“มีค่ะ ถ้าได้ทำงานพลอยก็มีความสุข ถ้าทำแล้วเหนื่อยคงไม่อยากทำ แต่จริงๆ เริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เพราะอยู่มานานเกิน อยากมีโมเม้นต์ที่ได้ใช้ชีวิต หรือทำสิ่งที่ตัวเองต้องการบ้าง อย่างตอนนี้พลอยกำลังวางแผนเรียนต่อปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วงนี้พลอยสอบ CU-tep (การทดสอบความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อการศึกษาทางทักษะการอ่าน การเขียน การฟัง และการพูด) ตั้งใจยื่นสมัครภายในปีนี้ จึงเรียนพิเศษภาษาอังกฤษอยู่ด้วย”

ทำไมอยากกลับไปเป็นนักเรียนครับ

“เพราะสมัยเด็กพลอยไม่มีโอกาสเรียนหนังสือเหมือนนักแสดงสมัยนี้ ในยุคพลอย ถ้าเลือกทำงานในวงการบันเทิงก็แทบไม่มีโอกาสเรียน เพราะเวลาทั้งหมดจะถูกบีบให้การทำงาน แต่พอหลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป พลอยจึงอยากเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไป ส่วนจะใช้ความรู้ต่อยอดทำอย่างอื่นไหมก็เป็นอีกเรื่อง เพราะความตั้งใจแรกคือ อยากมีชีวิตที่ได้เรียนหนังสือบ้าง หลังจากที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จเรื่องงานมาเยอะแล้ว อยากเรียนปริญญาโทอีกสักใบ ให้คุณยายชื่นใจด้วย ตอนนี้คุณยายพลอยอายุจะ 90 ปีแล้วนะ (ยิ้ม)

ช่วงหลังพลอยมีเวลาให้ตัวเองกับครอบครัวมากขึ้น ทุกคนแฮ็ปปี้มาก แม่บอกว่า แม่ดีใจนะ ปกติเวลาพลอยเลิกงานดึกๆ จะไปกินข้าวกับเพื่อน แล้วโพสต์รูปลงไอจี แต่เดี๋ยวนี้พลอยพาแม่ไปกินข้าว มีเวลาได้นั่งคุยกับยาย ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่น้อยมาก ในหนึ่งหรือสองเดือนจะมีวันพักแค่หนึ่งวัน เป็นแบบนี้มา 20 ปีแล้ว เพิ่งมามีเวลาให้ตัวเองเมื่อสองปีมานี้เอง”

ไม่ได้หมายความว่าพลอยจะรับงานน้อยลงใช่ไหม

“ไม่รู้…ตอบไม่ได้ ถ้ามีโอกาสที่ดีอยู่ก็ยังทำ แต่ถ้าวันหนึ่งไม่มีแล้วก็ไม่เป็นไร ทุกคนต่างมีช่วงเวลาของตัวเอง พลอยอยู่ด้วยตัวเองมาได้ขนาดนี้ถือว่านานกว่าคนอื่น ครองแชมป์แล้วนะ หลังจากนี้ก็ให้เป็นไปตามอนาคต ชีวิตคงไม่ได้ดีหรือพีคอย่างนี้ไปตลอดหรอก แล้วทางในวงการนี้ก็ไม่ได้ง่ายเลย อย่างน้อยก็ดีใจที่ทำมาได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่มีหลายคนที่เข้ามาแล้วก็ออกไป แต่เรายังอยู่ตรงที่เดิม พลอยโชคดีที่ได้สัมผัสกับความสำเร็จมาเยอะ ทั้งเรื่องอาชีพและชีวิต แค่นี้ก็น่าดีใจมากแล้ว

แล้วจริงๆ ช่วงหลังมีงานเสนอเข้ามาเยอะ แต่ด้วยข้อจำกัดบางอย่างทำให้รับไม่ได้ เสียดายเหมือนกัน แต่พลอยมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่นะ คือพลอยอยู่มานานแล้ว คนรู้จักเรา ยังไงก็มีที่ยืน แต่ถ้าเป็นคนที่นิสัยไม่ดี ทำงานไม่เก่ง แล้วยังโน่นนี่นั่น หลงไปกับชื่อเสียง วันหนึ่งก็ถูกลืม จบแค่นี้”

พลอยล่ะ เคยเฉียดกับความเหลิงหรือลืมตัวบ้างไหม

“มีบ้างค่ะ แต่โชคดีที่แม่คอยเตือนตลอด แม่จะคิดไปข้างหน้าให้พลอยหลายสเต็ป ท่านจะเน้นเรื่องความอดทนมาก ซึ่งพลอยก็บอกแม่ว่าไม่ต้องห่วงนะ พลอยยังเหมือนเดิมแน่นอน ไม่มีอะไรทำลายตัวตนพลอยได้ หรือช่วงหลังที่ใช้เงินเยอะขึ้น แม่ก็ห่วงว่า เก็บไว้เผื่ออนาคตบ้าง พลอยก็ตอบว่า เก็บมาเยอะมากแม่ พลอยให้แม่ดูแลเงิน ไม่น่าห่วง แล้วพลอยคิดว่า ถ้าไม่ใช้เงินเลย ตอนแก่จะมีเรี่ยวแรงนำเงินที่สะสมมาทั้งหมดไปใช้จ่ายให้ตัวเองมีความสุขได้ไหม ในเมื่อตอนนี้ยังมีแรงทำงาน มีพลังเดินทางไปต่างประเทศไกลๆ ก็ควรให้รางวัลตัวเองบ้าง”

ช่วงนี้ใช้เงินหนักไหม

“กลางๆ นะ แต่ถามว่า ใช้ไหม…ใช้ค่ะ เสื้อผ้าหรือของแบรนด์เนมก็มีบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นซื้อถล่มทลาย พลอยมองถึงอนาคตเหมือนกันว่าต้องเก็บเงินไว้เผื่อบ้าง ส่วนมากจะใช้ไปกับสิ่งที่มีคุณค่าทางใจมากกว่า แล้วก็เป็นของที่มีคุณค่า อย่างนาฬิกาที่ซื้อเป็นของขวัญให้ตัวเอง หลังจาก 20 ปีมานี้ทำงานทุกวัน บางปีมีทั้งละครกับภาพยนตร์ถ่ายติดกัน 4 เรื่อง เวลาเกือบทั้งหมดอยู่แต่ในกองถ่าย แทบไม่มีเวลาให้ใครเลย มีแฟนก็ต้องเลิก”

แสดงว่าสองปีที่กระแสน้อย แต่พลอยมีความสุขมากขึ้น

“แฮ็ปปี้! แต่เอาจริงๆ งานไม่ได้น้อยลงเลย ยุ่งจะตาย เปิดสมุดงานมาจะเห็นคิวแน่นทุกวัน เพียงแต่พลอยคิดว่า งานอะไรที่บีบหัวใจหรือบังคับมากเกินไปก็ไม่อยากทำ เน้นความสบายใจดีกว่า จะได้นำเวลามาใช้กับคนที่เรารัก คนที่เรารู้สึกดี อย่างปีนี้ได้ไปร่วมงานแต่งเพื่อนเป็นสิบงานแล้ว ซึ่งถ้าเป็นชีวิตปกติของสมัยก่อนไม่ค่อยได้ไปหรอก ไม่เคยว่างเลย”

พูดเรื่องแต่งงาน ก่อนเจอกันวันนี้ พลอยถามทางโทรศัพท์ว่าจะสัมภาษณ์อะไรพลอยบ้าง แต่เรื่องแต่งงานไม่ตอบนะ เบื่อแล้ว

“ใช่ (ยิ้ม) พลอยตอบเรื่องนี้มาตลอด ตั้งแต่อายุ 24 จนปีนี้จะ 34 แล้ว จะให้พูดอะไรล่ะ ก็ตอบเหมือนเดิม และก็ไม่ได้ปิดบัง ตอนนี้ยังคบคนเดิมอยู่ เวลาเลือกศึกษาใคร พลอยคบเป็นคนๆ โอเคว่าที่ผ่านมาพลอยอาจผ่านอะไรมาบ้าง อายุขนาดนี้แล้ว คงไม่ใช่ผู้หญิงที่
ไม่เคยเจออะไรมาเลย แต่ก็ไม่ได้ใช้ร่างตัวเองเปลืองเหมือนแจกใบปลิว”

คำนี้ใช้เป็นโค้ดรณรงค์ได้เลยนะ

(หัวเราะ) “เอาจริงๆ ก็มีใครมาเฉี่ยวมาชนในชีวิตบ้าง แต่สุดท้ายเราคือผู้หญิง ถ้าไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วผู้ชายคนไหนจะมาเห็นคุณค่า หรือถ้ามัวแต่แบบ อ๋อ…ฉันสวย จะเลือกใครก็ได้ ก็อาจใช่ แต่คนอื่นจะมองเราอย่างไรล่ะ”

คุณแม่ห่วงลูกสาวเรื่องคู่ครองบ้างไหม

“แม่ไม่ซีเรียสเลยค่ะ แค่พูดว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแล้วกัน (หัวเราะ) แต่พลอยรู้สึกว่า ถ้าอยากอยู่กับใครสักคน เขาต้องทำให้พลอยรู้สึกว่าเออ…โลกสีชมพูว่ะ”

วันนี้สีชมพูไหม

“ยังค่ะ”(ยิ้ม)

แล้วสีอะไร

“ไม่รู้…(ลากเสียง) ยังไม่มีใครทำให้เราจี๊ดได้ขนาดนั้น ต้องมีคนที่ทำให้รู้สึกว่า เขารักเราเท่ากับที่เรารักตัวเอง ซึ่งหายาก กับคนที่มีความสม่ำเสมอ และทำให้รู้สึกดี หรือตื่นเต้นตลอดเวลา แต่เดี๋ยวก็คงมีมั้ง ส่วนเรื่องแต่งงาน พลอยไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้อยู่แล้วว่า เจอกัน พบรักแล้วแต่งงาน เพราะคนแต่งแล้วเลิกกันเยอะแยะ แม่พลอยก็เลิก ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายนะ แต่โลกเป็นแบบนี้ ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าใครอยู่กับเราได้ ก็อยู่ไป แต่อยู่แล้วต้องทำให้มีความสุข ถ้าไม่เป็นแบบนั้น อยู่คนเดียวดีกว่าไหม”

แล้วความสุขของพลอยยากไหม

“ไม่ยาก ง่ายมากถ้าใส่ใจ แล้วถ้าพลอยรักใครแล้วจะเป็นฝ่ายให้ด้วย ทุ่มเทให้ความรักเหมือนผู้ชาย แต่ถ้าวันหนึ่งให้แล้วรู้สึกว่า ทำไมเขาไม่แชร์หรือทำให้เรารู้สึกดีบ้าง ความรู้สึกที่เคยมากจะน้อยลง ถึงบอกว่าความรักเป็นเรื่องสำคัญมาก มันไม่ง่ายเลยสำหรับยุคนี้ที่มีทั้งอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก หรือองค์ประกอบอีกมากมายที่ทำให้มนุษย์หลายใจได้ง่ายขึ้น ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ถ้าไม่จีบใคร ก็อาจไม่ได้เรียนรู้กันเลย หรือถ้าชอบกันแล้วก็อยู่ด้วยกันตลอดไป โลกเปลี่ยนไปแล้ว พลอยเลยคิดว่า ถ้าชีวิตนี้ไม่แต่งงาน ก็ไม่เห็นเป็นไร”

แล้วแฮชแท็คไหนที่เหมาะกับผู้หญิงอายุ 33 คนนี้มากที่สุด

“แป๊บนะ ขอดูก่อนได้ไหม (พลอยอมยิ้มแล้วเปิดอินสตาแกรมของตัวเองเพื่อดูแฮชแท็คที่เคยเขียน) อืม…เอาเป็นว่า #ฆ่าไม่ตายสักทีละกัน (หัวเราะ) หรือถ้าใครจะคิดแบบอื่นก็ได้นะ แต่พูดเลยว่า ชีวิตช่วงหลังของพลอยดีมาก ฟินมาก”

คิดเล่นๆ ถ้าชีวิตของพลอย – เฌอมาลย์ ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยเก็บเรื่องราวทั้งหมด ทั้งวงการบันเทิง ความรัก น้ำตาจนถึงข่าวต่าง ๆ นานา น่าจะเป็นเรื่องแนวไหน

“โอ้โฮ…คงดราม่าสุดๆ มีหลายเรื่องที่เข้ามาเยอะ เหนื่อยกับชีวิตมาตลอด ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายจริงๆ แต่เรื่องราวทั้งหมดก็ทำให้เรา
แข็งแรงขึ้น ทำให้ในวันนี้ถ้าเจอปัญหาหรือเรื่องแรงๆ พลอยสามารถวางเรื่องเครียดไว้ที่จุดอื่น แล้วหาความสุขให้ตัวเองได้

เรื่องราวทั้งหมด 33 ปีบอกว่า พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว พรุ่งนี้คือวันใหม่ ต้องเดินไปต่อ เป็นช่วงชีวิตที่ต้องแข็งแรง อาจมีอนาคตที่เราอยู่ได้รออยู่ ใครจะรู้ อย่างช่วงที่พลอยเครียดมากๆ ถ้าตัดสินใจทำอะไรโดยไม่ใช้สมองไตร่ตรองให้ดี หรือฟังแต่หัวใจอย่างเดียวก็คงพัง พลอยได้เรียนรู้ว่า ชีวิตต้องใช้เหตุผลและหัวใจเดินทางไปคู่กัน จะใช้อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ถ้าใช้เหตุผลอย่างเดียวก็คงเป็นแค่หุ่นยนต์ แต่ถ้าใช้ใจมากเกินไปก็แย่ ต้องบาลานซ์จึงทำให้เดินได้ตรง หรือถ้าสะดุดล้มก็ไม่เป็นไรหรอก แค่ทำแผลแล้วลุกขึ้นมาเดินใหม่ อย่าไปคิดอะไรมาก”


บทสัมภาษณ์จาก : นิตยสารแพรว ปี 2559 ฉบับที่ 874 (25 ม.ค. 59) หน้า 114-121
ภาพ IG : chermarn

Praew Recommend

keyboard_arrow_up