account_circle
เริ่มจากหนุ่มแอนดริว พระเอกของซีรีย์ตอนปัจจุบัน ‘แรด’ ซึ่งถือเป็นการหวนกลับมาเล่นละครอีกครั้งในรอบหลายปี
“กลับมาเล่นละครครั้งนี้บรรยากาศยังสนุกเหมือนเดิมครับ ครั้งนี้หัวเราะหนักกว่าเดิมอีกเพราะเพื่อนเยอะมาก”
เคน ช่วยเสริมย้ำเรื่องบรรยากาศ “กองนี้สนุกสนานมากจริงๆ โดยเฉพาะสนุกปาก(หัวเราะ) ซึ่งเราไม่แกล้งกันเองแน่นอน ส่วนใหญ่จะแกล้งคนอื่น อย่างเจนี่ที่เข้าฉากกับพวกเราบ่อยสุด ก็โดนบ่อยสุด แต่กับเชอร์รี่นางเอกของผม รายนั้นต้องชวนคุยเรื่องธรรมะครับ เขามาทางนั้น หรือเรื่องอะไรที่ต้องใช้ความคิดหน่อย”
อนันดา เล่าต่อแบบไม่ให้ทิ้งช่วง “ตอนทำงานแรกๆ บอกเลยว่าหวั่นใจพอสมควร ผมรู้จักพี่ติ๊ก กับบอย มาก่อน แต่พี่เคนเพิ่งได้มาเจอกันเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไง เห็นแต่เวลาถ่ายรูปหน้าเขานิ่งๆ เล่นละครก็มีแต่บทซีเรียส แต่พอได้มาเจอตัวจริง ไม่ใช่เลย ภาพที่นึกไว้ตรงข้ามกันสุดๆ”
แอนดริวคอนเฟิร์มทันที “ต้องยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้พี่เคนเลยครับ พาหัวเราะได้ทั้งวัน ภาพเขาจะดูนิ่งๆ แต่ความจริงฮามาก ปล่อยมุกตลอดเวลา ไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไร จะมีมุกที่ฉีกขึ้นมา อย่างตอนถ่ายแบบแพรว พวกผมต้องถอดรองเท้า พี่ติ๊กบอก… ยังไม่ได้ตัดเล็บเลย พี่เคนรับต่อทันทีว่า เออใช่…ไม่ได้ทำเล็บมาเลย ซึ่งผมมองว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวนะ ขำแบบไม่ต้องพยายามคิด แล้วยิ่งเวลาเราอยู่ด้วยกันหลายๆ คน พอคนนี้เล่น อีกคนก็ยอมไม่ได้ ผมหัวเราะจนเหนื่อยอ่ะ (หัวเราะ) เคยแบบวันนี้อยู่บ้าน รู้สึกว่าทุกอย่างนิ่งมาก เพราะเมื่อวานขำหนักมาก กลายเป็นวันนั้นแห้งเหี่ยวเลย”
แต่ในละคร แฟนๆ เห็นแอนดริวพริ้วมาก คงมุกเพียบล่ะสิ
“ผมเหรอ(ถามกลับเสียงสูง) เล่นแล้วไม่ค่อยขำหรอกครับ แป้กตลอด (หัวเราะ) ไม่เหมือนพี่ติ๊กเขามีมุกแบบของเขาเอง ที่คนอื่นเล่นไม่ได้”
อนันดา ยกมือขอพูดเอง “ชื่อว่ามุก โรแมน ‘ติ๊ก’ ครับ เป็นมุกแบบที่คนอื่นเล่นแล้ว Fail เป็นมุกแบบสุภาพ ติดเชยนิดๆ ที่ชวนให้คิดตามว่า พี่เล่นแบบนี้เลยหรือ พี่กล้าหาญมากเลยนะ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าถ้าเป็นพี่ติ๊ก ทำอะไรก็ดูดีหมด”
เจ้าของมุก โรแมนติ๊กซึ่งนั่งฟังอยู่นานยกมือขอโต้เบาๆ “ความจริงผมเล่นมุกกับใคร ถ้าเขาไม่ช่วยขำจริงๆ ก็เห็นนิ่งกันหมดนะครับ แต่ยืนยันครับว่า เราทำงานด้วยกันแล้วสนุกจริงๆ โดยเฉพาะฉากที่ต้องเล่นพร้อมกัน ซึ่งเป็นซีนที่ทุกคนตั้งความหวังไว้มากว่าต้องออกมาดี แต่ความเป็นจริงแล้วเละมาก ลืมบทกันหมด (หัวเราะ)”
อนันดา ช่วยเล่าความเละในวันนั้น “ขนาดพี่อ๊อฟ-ผู้กำกับเห็นเราอยู่ด้วยกัน ยังไม่ยอมไปนั่งกำกับเลยครับ เดินเข้ามาขอเล่นด้วยตลอด จนพวกผมต้องบอก พี่อ๊อฟครับ กลับไปกำกับได้แล้ว ซึ่งสไตล์กำกับของพี่เขาก็ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเล่นตามบทเป๊ะๆ อยู่แล้ว จึงมีพื้นที่ฟรีสไตล์ค่อนข้างเยอะ จนกลายเป็นนอกบทกันไปเรื่อย แต่พี่อ๊อฟก็ไม่สั่งคัทนะครับ ปล่อยให้ออกนอกเรื่องไปอย่างนั้น พอผมตั้งสติได้ก็จะดึงแอนดริวกลับเข้าเรื่อง เป็นอย่างนี้ตลอด จริงๆ เรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรกของผมด้วย โชคดีว่าพี่อ๊อฟปล่อยฟรีมาก บอกแต่ว่าเล่นแบบที่คนดูชอบ ก็เลยคิดแค่ว่า ทำเต็มที่ เราสนุก คนดูก็สนุก และผมค่อนข้างสบายใจที่ได้ทำงานกับพี่อ๊อฟ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีคุยกันเรื่องละครมาแล้วครั้งหนึ่ง ผมอยากเล่นเรื่อง ‘ไฟรักอสูร’ แต่ก็พับไป ยังไม่ได้เล่น และนี่คือเหตุผลที่เล่นเรื่องนี้กับคิมแล้วออกแนวตบจูบหน่อย เพราะเป็นภาพที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าอยากเล่นละครแนวนี้ ตบจูบๆ ทั้งเรื่อง (หัวเราะ)”
ติ๊กพยักหน้าเห็นด้วย “ลักษณะจะเป็นทางของเขาเลยครับ(หัวเราะ) แต่เรื่องนอกบทผมว่าเป็นกันหมด อย่างผมก็ไม่ค่อยแม่นบทอยู่แล้ว แม้บางเรื่องเขาบอกว่าให้พูดตามบทเป๊ะๆ แต่ผมก็ไม่เคยทำตาม ผมรับฟังนะครับ แต่เชื่อหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เพราะผมชอบนำเสนอ เพิ่มเติมอะไรใหม่ๆ เข้าไป และปรับให้เข้ากับเรา”
อนันดาเล่าต่อ “มีหลายครั้งมากที่ทีมงานเพิ่มบทกันสดๆ หน้างาน และในกองฯ ผมเป็นนักแสดงคนเดียวที่อ่านภาษาไทยไม่ออก พอได้บทใหม่ทุกคนก็จะถือบทของตัวเองคนละใบไปท่อง พอถึงเวลาเข้าฉากนับ 5 4 3 2 เริ่ม ทุกคนก็เล่นกันมาเต็ม พูดรับส่งบทกันสนุกสนาน แต่ผม…ยังงงอยู่เลย บอกรอก่อ…น ช่วยด้วย ไม่รู้เรื่อง อ่านไม่ออก (หัวเราะ) ในฉากผมพูดผิดเยอะสุด ต้องมี 2-3 เทคตลอด แต่ที่หนักคือไม่มีใครช่วยผมสักคน แถมยังหัวเราะเยาะอีก”
ติ๊กส่ายหน้าพลางชี้ไปที่อนันดา “เขาสับสนระหว่าง สมาคม กับ สมาพันธ์ พูดเป็น นายกสมาพันธ์ ตลอด (หัวเราะ) และยิ่งผู้กำกับปล่อยฟรี คนที่พาออกนอกเรื่องคือ แอนดริว ยิ่งถ้า 2 อ. แอนดริว กับ อนันดา อยู่ด้วยกันนี่ยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ”
อนันดาหัวเราะลั่น “แต่เรื่องฮาๆ ไม่ได้มีแค่นั้นนะครับ อย่างเวลาพัก เรายังมีกิจกรรมแข่งตดกัน ดเวย เริ่มจากที่พี่เคนชอบไปตดใส่เจนี่ พอผมรู้ว่า อ๋อ เล่นกันแนวนี้ ผมก็เอาบ้างและลามไปเรื่อยๆ จนตอนนี้พี่ติ๊กกลายเป็นเจ้าพ่อไปแล้วครับ เซียนขนาดที่ว่าตดโต้ตอบได้ (หัวเราะ) เล่นเอาบอยค่อนข้างเงียบ ผมว่าน้องคงตกใจว่าทำไมรุ่นพี่ถึงเป็นกันแบบนี้” ติ๊ก ยอมรับหน้าตาย “พวกเราแอดวานซ์กันหมดแล้ว”
และจากที่เห็นบรรยากาศวันนี้ ก็ดูจะจริงอย่างพี่ๆ ว่า เพราะน้องเล็กอย่าง บอย ดูจะพูดไม่ทันจริงๆ เป็นบอยเวอร์ชั่นนิ่ง ที่ทิ้งมาดเกรียนไปจนหมด แต่เรื่องนี้บอยมีคำอธิบาย
“พี่ๆ 4 คนเขาเป็นหัวหน้าแก๊ง ผมเลยไม่ค่อยได้เข้าฉากด้วย ก่อนหน้านี้ผมได้ดูละครที่พี่ๆ ทุกคน เล่นมาตั้งแต่เด็ก พอได้มาทำงานด้วยมันเป็นความรู้สึกปลื้มปริ่มดีใจ เพราะไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้มาทำงานกับพี่ๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นนักแสดงที่ผมชอบ โดยเฉพาะพี่จ่อย (อนันดา) นี่ผมยึดเป็นต้นแบบในการทำงานเลยนะ และทุกครั้งที่รวมตัวกัน รุ่นเก๋าเขาจะจับกลุ่มคุย โดยมีพี่เคนเป็นคนปล่อยมุกตลอด ผมยอมรับนะว่าตกใจเหมือนกัน อย่างพี่จ่อย ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาสนุกสนานเฮฮา แต่ไม่เคยนึกว่าพี่เคนจะเป็นได้ขนาดนี้ เซอร์ไพรส์มากครับ (หัวเราะ) แล้วทุกคนก็ให้ความเป็นกันเองมากๆ ซึ่งปกติเวลาผมทำงานกับคนรุ่นเดียวกันหรืออายุน้อยกว่า ผมจะค่อนข้างตลก เฮฮา เกรียนๆ ตามสไตล์ผม แต่เรื่องนี้ผมกลายเป็นเรียบร้อยไปเลย เพราะเกรงใจพี่ๆ เขา ส่วนใหญ่จะนั่งฟังเขาคุยกันมากกว่า เพราะแค่ฟังก็สนุกแล้ว เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง เพราะเขาชอบขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ มาคุยกัน เป็นเรื่องในอดีตของคนแก่น่ะครับ (หัวเราะชอบใจที่เอาคืนรุ่นใหญ่ได้บ้าง)”
ติ๊ก ตัวแทนแก๊งรุ่นใหญ่ฟังแล้วเอ่ยขรึมๆ ว่า “พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งบุคคลต่างๆ เหล่านี้ (พลางชี้ไปที่เพื่อนๆ) เราเจอกันตั้งแต่สมัยใส่ชุดนักเรียน และหนึ่งเรื่องที่ผมจำได้แม่นไม่ลืมเลยก็คือ สมัยนั้นผมปิ๊งผู้หญิงคนหนึ่ง แต่โดนแอนดริวแย่งไปต่อหน้าต่อตา ผมเลยแค้นฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ (ทำท่าทางโมโหจริงจัง)”
แอนดริวหัวเราะแบบผู้ชนะ “เรื่องนี้ช่วยไม่ได้จริงๆ ครับ ทุกคนเข้ามาหาผมเอง (หัวเราะ)”
โห… มีคุยเขื่องด้วย ทำเอาเราชักอยากรู้ดีเทลละเอียดแล้วสิ
“เอาจริงๆ ผมจำไม่ได้เลยนะว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่” หนุ่มแอนดริวตอบแล้วก็รีบเดินหนีหน้าตาเฉย ทำอีก 4 พระเอกสลายตัวตามด้วย แล้วอย่างนี้จะไปสืบจากใครล่ะ
สงสัยต้องมีแอบไปหลังไมค์กับหนุ่มติ๊กซะแล้ว
เรื่อง : Minim & Tomalin & Apin
ภาพ : โยธา