เปิดใจ เจมส์จิ -จิรายุ พระเอกดังช่อง3ยอมมารับบทรอง เพ็ชร-ฐกฤต ในละครเรื่องกงกรรมเพราะอะไร?

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้จัดมากฝีมือ อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ได้ฤกษ์บวงสรวงเรื่องกงกรรม ละครสะท้อนสังคมที่พูดถึงชีวิตของหญิงขายบริการที่พบรักกับหนุ่มคนหนึ่งและตัดสินใจเลิกอาชีพเพื่อมีครอบครัวอย่างคนปกติ แต่ต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆเมื่อคนรอบข้างไม่ยอมรับ ซึ่งในเรื่องนี้มีดารามากฝีมือมากมายรวมถึงคู่จิ้น เบลล่า -ราณี แคมเปน และ เจมส์จิ -จิรายุ ตั้งศรีสุข ทว่าแฟนคลับต้องผิดหวัง ในเรื่องนี้คู่ที่แท้จริงคือเบลล่ากับ เพ็ชร-ฐกฤต ตวันพงค ขณะที่ เจมส์จิ แม้จะเป็นนักแสดงนำร่วมอีกคนนึง แต่จากที่ดูเนื้อเรื่องแล้วปฏิเสธไม่ได้ว่างานนี้ เจมส์จิ รับบทรองเพ็ชรซึ่งเป็นที่น่าตกใจที่พระเอกดังยอมมารับบทนี้
ทั้งนี้ แพรวดอทคอม ได้มีโอกาสสัมภาษณ์นักแสดงหนุ่มถึงบทบาทที่ได้รับ รวมถึงสาเหตุที่ตัดสินใจมารับงานแสดงเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าตัวจะว่าอย่างไรนั้ยนไปติดตามในบทสัมภาษณ์นี้กันได้เลย
อยากให้เล่าถึงบทบาทในละครเรื่องกงกรรม?
“คือเป็นบทที่ดีมากๆครับแล้วอีกอย่างผมอยากร่วมงานกับพี่อ๊อฟ,พี่แดง เคยร่วมงานกันแว๊บๆตอนทองเนื้อเก้า แต่อันนั้นก็ไม่เยอะ สำหรับในเรื่องนี้รับบทเป็น เป็นลูกคนที่3ชื่อ “อาซา”หรือ “กมล”เป็นตัวละครที่มีความคิดในแง่บวกแล้วก็มีจิตใจที่ดีอยากให้ทุกคนมีความสุข พยามช่วยเหลือคนอื่นตลอดเวลา เล่นเป็นคนดีครับ(หัวเราะ)เป็นตัวเองอยู่แล้วเลยไม่ต้องปรับอะไรมาก”
บทคนดีแต่มีเมีย2คนเลยนะ?
“ไม่เชิงครับ คือเป็นคนที่ชอบกับเป็นคนที่พ่อ-แม่หมายมั่นปั้นมืออยากให้เป็นสะใภ้ แต่สุดท้ายผมต้องปฏิบัติตามที่คุณแม่ให้ทำ แต่มีบางอย่างที่ทำได้และทำไม่ได้ มันจะอยู่ในเนื้อเรื่องครับ”
บทอาจจะไปเด่นที่ “พี่ใหม่ เจริญปุระ”กับ “เบลล่า”มากกว่าตรงนี้ “เจมส์”กังวลไหม?
“ไม่กังวลครับ เพราะจริงๆแล้วในเรื่องนี้ตัวละครทุกตัวนั้น เด่นหมดอยู่แล้วเพราะมันมีบทบาทมีแง่คิดในทุกๆตัวละครที่ได้ทำออกมา”

ทำไมพระเอกระดับเจมส์ถึงยอมมาเล่นบทรอง?
“คือผมเองไม่รู้หรอกครับว่าเป็นอะไร เป็นพระเอกหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่ผมเป็นอยู่คือเป็นนักแสดง ซึ่งอย่างเดียวที่เราต้องทำคืออ่านบททำการบ้านเพื่อให้การแสดงออกมาดีที่สุด ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดกับคำว่าพระเอก ผมรู้สึกว่าเราชอบในงานแสดงเพราะฉะนั้นเราก็ต้องทำการแสดงไม่ว่าจะเป็นบทอะไรก็แล้วแต่”
เหมือนว่าเรื่องนี้เฉลี่ยๆบทกัน แล้วอย่างนี้แฟนๆจะได้เห็นพาร์ทของเจมส์เยอะไหม?
“ในทุกตัวละครจะเยอะอยู่แล้ว ซึ่งบทผมก็เยอะเหมือนกัน มีไปแจมกับคนอื่นเยอะด้วย เพราะเราต้องไปช่วยคนนั้นคนนี้ เดินมันทั้งตลอด เหมือนกับเด็กในตลาดทั่วไป”

เสน่ห์ตัวละครเรื่องนี้คืออะไร?
“เท่าที่ผมอ่านผมว่าตัวละครตัวนี้คือตัวละครที่น่ารักมาก เพราะเขาแบบใสๆพยามช่วยเหลือทุกคน ตอนที่อ่านก็หลงรักตัวละครตัวนี้ ซึ่งพี่อ๊อฟก็บอกว่าให้เราทำการบ้านมาให้ดีที่สุดแล้วมาสนุกกันในกอง เพราะเขาบอกว่ามันไม่ได้มีเอฟเฟ็คท์อลังการ ไม่ได้มีต่อสู้ เป็นละครชีวิต ซึ่งหัวใจของละครเรื่องนี้คือตัวละครกับตัวแสดงต้องเล่นให้เข้ากันและเป็นทีม”
ละครแต่ละเรื่องรับบทแต่คนดีส่วนตัวอยากเปลี่ยนหรือพลิกคาแร็คเตอร์บ้างไหม?
“ผมก็อยากพลิกคาแร็คเตอร์ครับ แต่จริงๆทุกบทในละครแต่ละเรื่องก็มีความแตกต่างกัน พอผมได้อ่านบทก็ได้ปลดปล่อยดีเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมามักได้รับแต่บทหล่อๆเท่ห์ๆคลูๆพูดไม่เยอะนิ่งๆต้องกดอารมณ์ตัวเอง แต่ในเรื่องนี้ก็จะมีความขี้เล่นหน่อยๆ”
ล่าสุดเห็นไปวิ่งกับ “พี่ตูน”มาด้วย?
“คือผมเป็นคนที่ชื่นชอบการวิ่งอยู่แล้ว เริ่มมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วแต่เพิ่งจะมาจริงจังเมื่อ6เดือนที่แล้ว ทุกวันนี้จึงบอกผู้จัดการส่วนตัวขอรับงานสายๆหน่อยเพื่อที่จะมีเวลาวิ่งตอนตี5ไปวิ่งที่สวยสาธารณะแถวบ้าน ใช้เวลาประมาณ ชม.กว่าๆ ระยะทาง10กิโลเมตรขึ้นไป แล้วแต่ว่ามีเวลามาน้อยขนาดไหน ซึ่งวิ่งแล้วก็เหนื่อยนะตอนแรกๆที่เริ่มวิ่งจะเหนื่อยมากก็ถามตัวเองเหมือนกันนะว่าตื่นมาวิ่งทำไม?แต่เรามาได้คำตอบหลังจากที่วิ่งเสร็จแล้วคือมันทำให้เรามีความสุข สามารถชนะใจตัวเองได้”
มีคนจำเราได้ไหม?
“มีครับผมเองก็มีแก๊งวิ่งเหมือนกัน เป็นแก๊งผู้สูงอายุเขาก็เป็นนักวิ่งและบางคนก็มาวิ่งเพื่อสุขภาพด้วยวิ่งไปก็คุยกันไป ในเชิงขอความรู้จากเขาด้วย อีกอย่างการวิ่งก็มีประโยชน์อยู่แล้วหนึ่งคือเราได้ออกกำลังกาย อีกอันที่ผมชอบคือเหมือนเราได้ฝึกสมาธิไปในตัว คือมันต้องอยู่กับลมหายใจของตัวเอง คุณลุง, คุณป้าเองก็บอกเหมือนกันว่าทุกวันนี้มีคนมาวิ่งเยอะขึ้น”
เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี?
“เราเข้าได้กับทุกคนครับ อีกอย่างเราเองก็ชอบอะไรเราก็อยากหาความรู้”

วิ่งปกติกับวิ่งกับพี่ตูนไม่เหมือนกันส่วนตัวเราได้อะไรจากการวิ่งในครั้งนี้บ้าง?
“การวิ่งกับพี่ตูนมันต่างจากการวิ่งทุกวัน มันไม่ได้สิ่งแบบเอาชนะสถิตติตัวเองแต่เป็นการวิ่งที่เพื่อให้คนอื่น พี่ตูนเขามีเป้าหมายคืองานเงินให้กับ11โรงพยาบาล, อยากให้คนลุกขึ้นมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจะได้ลดภาระของหมอ และมีเป้าหมายในการพิชิตใจตัวเองจากใต้สุดไปเหนื่อสุด สำหรับเจมส์คือการได้ไปวิ่งเพื่อเก็บเกี่ยวความสุขและความสนุกระหว่างทางที่มีคนมารอพี่ตูน นอกเหนือจากนี้คือได้วิ่งข้างๆไอดอลที่เราชื่นชอบผมศรัทธากับน้ำใจของพี่ตูนที่เขาทำให้ทุกๆคนอ่ย่างผมก็อยู้ในฐานะที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว เรารู้ว่าเวลาเจอคนเยอะๆ เหมือวิ่งเซอร์วิสแฟนทั่วประเทศต้องเจอคนหลายล้านคนมากกว่าจะไปถึงจุดหมาย ผมไม่รู้หรอกว่าวันนึงเราจะได้มีโอกาสทำแบบพี่เขาหรือเปล่า แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจถ้าผมมีโอกาสหรือมีกำลังพอ”