ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

39 เรื่องไม่ลับ ! เรื่องจริงชวนตรึงใจของ ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

account_circle
ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์
ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

คงไม่มีวันไหนที่เราไม่คิดถึง ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เจ้าหญิงที่อยู่ในความทรงจำที่สวยงามของคนทั่วโลก ถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วกว่าสองทศวรรษที่พระองค์จากไปแล้วก็ตาม

จะมีสักกี่คนบนโลกนี้ที่กายจากไป แต่ความสวยงามทั้งรูปร่าง หน้าตา และจิตใจ ยังคงเป็นที่ตราตรึงและจดจำไม่รู้ลืมของคนทั้งโลก ซึ่งเจ้าหญิงไดอานา ทรงเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น

 ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

ก่อนที่พระองค์จะก้าวมาเป็น สมาชิกราชวงศ์อังกฤษนั้น เจ้าหญิงไดอานาทรงใช้ชีวิตเหมือนเด็กสาวธรรมดาทั่วไป จนกระทั่งได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาลล์ เจ้าชายแห่งเวลส์ มกุฎราชกุมารอังกฤษ นั่นทำให้ชีวิตของพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง จวบจนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์ ก็มีกระแสข่าวมากมาย บางเรื่องก็เป็นเรื่องจริง แต่บางเรื่องก็เป็นแค่ข่าวลือ ข่าวโคมลอยที่ต่างพูดกันปากต่อปาก

ชีวิตของเจ้าหญิงบางครั้งก็ไม่ได้สวยงามเหมือนเทพนิยายที่หลายคนเคยอ่าน สำหรับ ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระองค์ทรงผ่านชีวิตทั้งสุขและทุกข์ มาหลายช่วงของชีวิต แพรวจะพาคุณไปรู้จักพระองค์ให้มากขึ้น กับ 39 เรื่องจริงที่น่าสนใจที่สุดในชีวิตของเจ้าหญิงผู้ทรงเป็นที่รักตลอดกาล

1.Ruth Roche พระอัยยิกา (ย่า) ของเจ้าหญิงไดอานา เป็นพระสหายคนสนิทของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เนื่องจากครอบครัวของพระองค์มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับราชวงศ์อังกฤษมานานหลายชั่วอายุคน คฤหาสน์พาร์กเฮาส์ที่เจ้าหญิงไดอานาทรงพำนักในวัยเด็กจึงตั้งอยู่ภายในอาณาเขตของตำหนักซานดริงแฮมด้วย

ทั้งนี้ครอบครัวสเปนเซอร์เช่าคฤหาสน์หลังนี้จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2  ว่าที่พระสัสสุ (แม่ยาย) ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่ คฤหาสน์อัลธอร์พ บ้านประจำตระกูลสเปนเซอร์ที่ตั้งอยู่ในมณฑลนอร์ทแธมป์ตัน ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตุว่า ย่าของพระองค์และควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเห็นดี เห็นงาม และสนับสนุนให้เจ้าหญิงไดอานาและเจ้าฟ้าชายชาลล์ทรงครองคู่กัน

เลดี้ไดอานา ในวัย 3 ขวบ (PA Images)

2.ในช่วงเวลาที่พระองค์ประสูติ พระบิดาและพระมารดาของพระองค์หวังว่าเด็กที่เกิดมาจะเป็นผู้ชาย เพื่อจะได้สืบทอดตำแหน่งขุนนางตระกูลสเปนเซอร์ต่อไป แต่เมื่อเกิดมาเป็นผู้หญิงพวกเขาจึงไม่ได้เตรียมชื่อไว้ นั่นทำให้พระองค์ไม่มีชื่อไปนานถึงหนึ่งสัปดาห์ ภายหลังจากนั้น ฟรานเซส โรช จึงตั้งชื่อให้กับลูกสาวคนที่สามว่า ไดอานา ฟรานเซส โดยชื่อนี้มาจากญาติห่างๆ ของเธอ ไดอานา รัสเซล ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ด

 

3.เจ้าหญิงไดอานาทรงสูญเสีย พระเชษฐา (พี่ชาย) John Spencer ในขณะที่เขาเกิดมาเพียง 10 ชั่วโมงในปี 1960

4.ครอบครัวของเจ้าหญิงไดอานานั้นสืบทอดเชื้อสายจากราชวงศ์อังกฤษโบราณ โดยพ่อของพระองค์ นาย จอห์น สเปนเซอร์ ไวท์เคานต์อัลธอร์พ หลังจากสืบทอดฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น เอิร์ลแห่งสเปนเซอร์ เมื่อปี 1975 จึงทำให้ไดอานา ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น “เลดี้” เป็นที่มาที่คนทั่วไปบางครั้งก็ยังเรียกพระองค์ในชื่อ เลดี้ไดอานา อยู่

5.พระบิดาและพระมารดาของพระองค์หย่าร้างกันในขณะที่พระองค์ทรงมีพระชันษาเพียง 7 ปี โดยพระมารดาของพระองค์ได้แต่งงานใหม่กับ ปีเตอร์ ชานด์ คิดด์ และได้พาพระองค์ย้ายไปอยู่ด้วยที่ลอนดอน แต่เจ้าหญิงไดอานาก็ยังทรงไปมาหาสู่กับพระบิดาสม่ำเสมอ

กระทั่งปี 1967 ในช่วงวันหยุดคริสต์มาส ลอร์ดอัลธอร์พ พระบิดาไม่ยินยอมให้ลูกสาวเดินทางกลับลอนดอนพร้อมกับพระมารดา จึงทำให้เกิดคดีความฟ้องร้องกัน ที่สุดลอร์ดอัลธอร์พชนะคดีฟ้องร้องสิทธิในการเป็นผู้ปกครองของเจ้าหญิงไดอานา

6.พระองค์ไม่ค่อยถูกชะตากับแม่เลี้ยงของพระองค์สักเท่าไหร่ เนื่องจากในปี 1976 พระบิดาของพระองค์ได้สมรสกับ  Raine เคาน์เตสแห่ง Dartmouth โดยที่ไม่ได้บอกพระองค์ รวมถึงพระเชษฐภคินีและพระอนุชาของพระองค์ด้วย นั่นจึงทำให้เจ้าหญิงไดอานาทรงไม่พอพระทัยสักเท่าไหร่ ถึงขนาดทรงตั้งฉายาให้กับแม่เลี้ยงคนนี้ว่า Acid Rain (ฝนกรด)

 ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

7.เช่นเดียวกับเด็กสาวหลายๆ คนที่อยากเป็นนักบัลเลต์ เจ้าหญิงไดอานาเอง ก็เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าพระองค์อาจจะไม่ค่อยทรงเชี่ยวชาญด้านวิชาการมากนัก แต่พรสวรรค์ในเรื่องกีฬา โดยเฉพาะการว่ายน้ำและดำน้ำ พระองค์ทรงเก่งไม่เป็นรองใคร นอกเหนือจากนี้ บัลเลต์ ยังเป็นกิจกรรมที่พระองค์ทรงชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดาย ที่พระองค์ทรงตัวสูงเกินกว่าจะเป็นนักบัลเลต์มืออาชีพได้

8.ในวัยเด็กพระองค์ และ Tilda Swinton นักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดัง เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน ทั้งคู่ได้เรียนที่เดียวกันคือ โรงเรียนสตรีเวสต์ฮีธ ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนนิวสกูลแอทเวสต์ฮีธ

 

9.ไม่เพียงทรงรักเด็กมาก พระองค์ยังทรงโปรดปรานสัตว์มากด้วย โดยเฉพาะเจ้าหนูตะเภาตัวนิ่มที่ชื่อว่า “พีนัท” ตอนเด็กๆพระองค์มักพาเจ้าพีนัทไปโรงเรียนด้วยเสมอ

10.ครั้งหนึ่งที่พระองค์ต้องไปเรียนที่โรงเรียนประจำเมื่อปี 1970 เจ้าหญิงไดอานาตรัสกับพระบิดาว่า หากพระบิดารักพระองค์ อย่าทรงทอดทิ้งพระองค์ไว้ที่นี่

11.อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าถึงแม้พระองค์จะไม่ค่อยเก่งเรื่องวิชาการ แต่เรื่องกีฬา และ ดนตรี พระองค์ทรงถนัดมาก โดยเฉพาะเปียโน พระองค์ทรงเล่นเปียโนได้เก่งราวกับนักเปียโนคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้พระองค์ยังมีพรสวรรค์ในการเต้นมากอีกด้วย

12.หลังจากเรียนจบ เจ้าหญิงไดอานาทรงเริ่มทำงานที่แรกด้วยการเป็นครูสอนเด็กๆ ในชั้นอนุบาล ที่โรงเรียนอนุบาล Young England นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นครูสอนเต้นรำ และยังทรงเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ผู้ช่วยครูโรงเรียนอนุบาล  ทรงรับจ้างทำความสะอาดให้พี่สาว รับจ้างดูแลแขก และเตรียมอาหารในงานปาร์ตี้ นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 300 ปี ที่หญิงชาวอังกฤษได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับมกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และยังเป็นพระสุณิสา(สะใภ้)  พระองค์แรกของราชงศ์วินด์เซอร์ที่มีอาชีพและรายได้เป็นของตัวเอง

13.สีที่พระองค์โปรดปรานที่สุดคือสีชมพู ซึ่งเป็นเป็นสีที่เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระราชนัดดา ของพระองค์ทรงชื่นชอบด้วยนะ

14.พระเนตรสีฟ้า สดใส เป็นประกายของเจ้าหญิงไดอานา เป็นอาวุธที่ทำให้ช่างภาพเหมือนถูกต้องมนต์ ทันทีที่พระองค์ทรงยิ้ม และมองมาที่กล้องนั้นพระองค์ทรงมีเสน่ห์มาก

15.ดีไซเนอร์ที่พระองค์ทรงโปรดปรานคือ แคทเธอรีน วอล์กเกอร์  ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสที่ออกแบบฉลองพระองค์ให้กับเจ้าหญิงไดอานามานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะชุดราตรีสีแดงเพลิงอันโดดเด่นที่พระองค์ทรงใส่เมื่อครั้งเสด็จเยือนเมือง บัวโนสไอเรส ประเทศอาเจนตินาร์ เพื่อร่วมเสวยมื้อค่ำ  แคทเทอรีน วอล์กเกอร์เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2010 แต่แบรนด์นี้ก็ยังคงอยู่ และยังเป็นแบรนด์ที่ดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์ ทรงเลือกที่จะนำมาใส่เสมอๆ ด้วย

16.อาจจะฟังดูแล้วแปลกๆ แต่นี่คือเรื่องจริง ก่อนที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงไดอานานั้น ในปี 1977 พระองค์เคยคบหาดูใจกับ เลดี้ซาราห์ แมคคอร์ควอเดล พระเชษฐภคินี (พี่สาว) ของเจ้าหญิงไดอานามาก่อน ภายหลังจากที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลล์ ทรงเลิกรากับเลดี้ซาราห์เมื่อปี 1980 พระองค์จึงได้ทรงสานสัมพันธ์ต่อกับเจ้าหญิงไดอานา โดยทั้งสองพระองค์ทรงพบกันในขณะที่เจ้าหญิงไดอานาเสด็จไปร่วมชมเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แข่งขันโปโล

17.โดยปกติแล้ว ทางราชวงศ์อังกฤษมักจะทำแหวนหมั้นวงใหม่ที่พิเศษ ไม่เหมือนใคร ให้กับว่าที่เจ้าสาวของราชวงศ์ แต่สำหรับเจ้าหญิงไดอานานั้น พระองค์ทรงเลือกเพียงแหวนทองคำขาว ประดับด้วยแซฟไฟร์สีน้ำเงิน ขนาด 12 กะรัต และล้อมด้วยเพชร 14 เม็ด จากแค็ตตาล็อก แบรนด์ Garrard

ในตอนนั้นแหวนหมั้นวงนี้มูลค่าอาจจะยังไม่สูงมาก แต่ปัจจุบันมีการประเมินมูลค่าอยู่ที่ 430,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 15,050,000 บาท) และที่สำคัญแหวนวงนี้ยังได้ถูกส่งต่อให้เป็นแหวนหมั้นของดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์ นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งแหวนหมั้นในประวัติศาสตร์

18.นอกจากแหวนหมั้นของพระองค์จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์แล้ว ชุดแต่งงานของพระองค์ก็ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน ชุดแต่งงานผ้าแพรสีขาวงาช้าง ชายกระโปรงมีความยาวถึง 25 ฟุต ออกแบบโดย David & Elizabeth Emanuel เรียกได้ว่าเป็นุดแต่งงานที่ยาวที่สุดในประวัติการแต่งของราชวงศ์อังกฤษเลยก็ว่าได้

19.ตามประเพณีแล้ว เจ้าสาวจะต้องพูดคำสาบานว่าจะ “เชื่อฟัง” สามี หน้าแท่นพิธี แต่สำหรับเจ้าหญิงไดอานา พระองค์ทรงเลือกที่จะไม่ทำตามประเพณี เช่นเดียวกับดัชเชสเคท แห่งเคมบริดจ์ พระองค์ก็ทรงไม่ตรัสคำนี้เช่นกันในพิธีเสกสมรส

 

20.ในขณะที่พระองค์ทรงตั้งครรภ์พระโอรสองค์แรก เจ้าชายวิลเลียมเพียง 12 สัปดาห์  เจ้าหญิงไดอานา ทรงประสบอุบัติเหตุลื่นล้มตกบันไดอย่างแรง ในตำหนักซานดริงแฮม เซอร์จอร์จ พิงเกอร์ แต่ถือเป็นความโชคดีเป็นอย่างมาก ที่พระโอรสของพระองค์ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด มีเพียงพระองค์เท่านั้น ที่มีบาดแผลฟกช้ำขนาดใหญ่

21.พระองค์ทรงได้รับความทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอด โดยเจ้าหญิงไดอานาเคยประทานสัมภาษณ์กับ มาร์ติน บาเชียร์ ในปี 1995 ว่า หลังจากที่เจ้าชายวิลเลียมประสูติในปี 1982 พระองค์ทรงต้องตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงรู้สึกว่า “พระองค์ทรงเป็นราชวงศ์อังกฤษ องค์แรกที่กรรแสง ให้ผู้อื่นเห็น”

22.การแต่งงานไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ในช่วงแรกเจ้าหญิงไดอานาทรงไม่สามารถปรับพระองค์ให้เข้ากับชีวิตการเป็นเจ้าหญิงได้ พระองค์ทรงทำร้ายพระวรกายตัวเอง โดยเฉพาะที่แขนและขา พระองค์ต้องทรงรับมือกับความกดดันรอบข้าง และนั่นก็นำพาพระองค์ให้เผชิญกับสภาวะ “ผู้ป่วยโรคบูลิเมีย” ส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว แต่อาการเหล่านี้หายไปหลังจากที่พระองค์ประสูติเจ้าชายวิลเลียม

23.ถึงแม้ว่าพระองค์จะมีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าหญิง แต่ในทางกลับกันพระองค์ทรงดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย โดยเฉพาะทรงดูแลพระโอรสทั้งสองด้วยพระองค์เอง เจ้าหญิงไดอานา ทรงพาเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ ออกนอกเขตพระราชฐานเพื่อไปเยี่ยมชมตามที่ต่างๆ เฉกเช่นสามัญชนทั่วไปอยู่เสมอ

พระองค์ไม่ทรงทำตามกฎของราชวงศ์ โดยเฉพาะ กฎที่ต้องมีพระพี่เลี้ยงไว้คอยดูแลพระโอรส นอกจากนี้พระองค์ยังทรงตั้งชื่อแรกของเจ้าชายทั้งสองด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังทรงเลือกโรงเรียน เลือกฉลองพระองค์ และหากทรงมีเวลาว่าง พระองค์ก็มักจะทรงขับรถไปส่งพระโอรสทั้งสองที่โรงเรียนด้วยพระองค์เองเสมอ รวมถึงยังจัดสรรเวลาในการทำพระกรณียกิจให้ตรงกับเวลาเรียนของเจ้าชายทั้งสองพระองค์ เพื่อจะได้มีเวลาว่างตรงกัน

24.พระองค์ทรงมีคำเรียกน่ารัก เวลาที่เรียกเจ้าชายวิลเลียมว่า “เจ้าวอมแบท” โดยเจ้าชายวิลเลียมเคยประทานสัมภาษณ์ว่า… เมื่อครั้งเสด็จเยือนประเทศออสเตรเลียพร้อมกับพระมารดาและพระบิดา ทรงมีรับสั่งเล่าขำๆ ว่า

“วอมแบทเป็นสัตว์ท้องถิ่นของที่นั่น แต่ไม่ใช่ว่าผมจะเหมือนวอมแบทนะแบบที่แม่บอกนะ หรือ บางทีผมอาจจะเหมือน !”

25.ในช่วงปี 1992-1993 พระองค์ทรงฝึกการพูดในที่สาธารณะกับปีเตอร์ เซทเทิลเลน เป็นเวลาถึง 18 เดือน

26.เจ้าหญิงไดอานาไม่ทรงสวมพระมาลาเมื่อทรงทำพระกรณียกิจที่โรงพยาบาล โดยพระองค์ให้เหตุผลว่า เป็นช่วงเวลาอันอบอุ่นที่จะได้พูดคุยกับเด็กๆ และคนป่วย อย่างใกล้ชิด

27.ปี 1992 เจ้าหญิงไดอานา เสด็จเยือนประเทศอินเดีย และในครั้งนี้พระองค์ยังได้เสด็จไปเยี่ยมแม่ชีเทราซา ในสถานสงเคราะห์เมืองโกลกาตา  พระองค์ยังได้พบกับผู้ป่วยที่ใกล้เสียชีวิตถึง 50คน ในการเสด็จเยือนครั้งนี้ทำให้พระองค์ทรงเริ่มติดต่อกับแม่ชีเทเรซาแบบไม่เป็นทางการเรื่อยมา ภายหลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ ห้าวันถัดมาแม่ชีเทเรซาเองก็เสียชีวิตเช่นกัน

28.อีกหนึ่งพระกรณียกิจที่พระองค์สามารถเปลี่ยนความคิดของคนในโลกก็คือ การที่พระองค์ประทานความช่วยเหลือและให้กำลังใจผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ โดยในปี 1989 พระองค์เสด็จเดินทางไปเปิดศูนย์บริการเพื่อผู้ป่วยโรคเอดส์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ

พระองค์ไม่ทรงรังเกียจที่จะสัมผัสหรือแตะต้องผู้ติดเชื้อ คิดดูว่านั่นเป็นภาพที่น่าทึ่งขนาดไหน เพราะตอนนั้นการแพทย์ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า เชื้อจะไม่สามารถติดต่อทางการสัมผัส เรียกได้ว่า พระองค์ทรงเป็นราชวงศ์อังกฤษคนแรกที่ทรงสัมผัสเนื้อตัวของผู้ติดเชื้ออย่างไม่มีอาการรังเกียจ พระองค์ตรัสว่า “เอชไอวีไม่ทำให้คนเราเป็นอันตรายได้ คุณสามารถจับมือและกอดพวกเขาได้ สวรรค์รู้ดีว่าพวกเขาต้องการ ”

29.พระองค์ทรงต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิด ครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงไดอานาเสด็จเยือนพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดตกค้างอยู่ พระองค์ทรงสวมชุดและหน้ากากป้องกันสะเก็ดระเบิด จากนั้นทรงเดินเข้าไปในพื้นที่ เป็นภาพที่หลายคนเห็นแล้วยังต้องทึ่งกับความกล้าหาญของพระองค์

เจ้าหญิงไดอานาทรงรณรงค์ให้ยกเลิกการใช้ทุ่นระเบิด เพราะทรงเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สร้างความสูญเสียและอันตรายเป็นอย่างมาก และด้วยพระกรณียกิจนี้เองที่ทำให้พระองค์ทรงได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่อปี 2540 หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ไปได้ไม่นาน

30.เจ้าหญิงไดอานาทรงนำฉลองพระองค์มาประมูลเพื่อสบทบกองทุนช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคเอดส์ โดยพระองค์ตรัสว่าแรงบันดาลใจอันยอดเยี่ยมนี้มาจากเจ้าชายวิลเลียม พระโอรส ที่ขณะนั้นทรงมีพระชันษาเพียง 15 ปีเท่านั้น

31.เจ้าหญิงไดอานาทรงเป็นราชวงศ์อังกฤษที่มีพระกรณียกิจมากที่สุดพระองค์หนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยในปี 1988 ทรงมีพระกรณียกิจ ถึง 191 ครั้ง ส่วนปี 1991 มีมากถึง 397 ครั้ง

32.แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องที่พระองค์ทรงมีความสัมพันธ์กับ เจมส์ ฮิววิตต์ ครูสอนขี่ม้าของเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮรรี่ แต่คุณต้องไม่ลืมว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลล์เองก็ทรงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับ คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ (ดัชเชสแห่งคอร์นวอล) เช่นกัน แต่ข้อมูลที่ชวนอึ้งคือข่าวลือหนาหูที่ว่าความสัมพันธ์ของพระองค์กับเจมส์  พระองค์ทรงได้รับอนุญาตจากเบื้องบนเป็นที่เรียบร้อย !

33.ความรักของเจ้าหญิงไดอานา ที่หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าเป็นรักแท้ของพระองค์ คือ ในช่วงที่พระองค์ทรงคบหาดูใจกับ Hasnat Khan ศัลยแพทย์หนุ่มชาวปากีสถาน แต่ทว่าสาเหตุที่เลิกรากันนั้น เพราะคุณหมอหนุ่มนับถือศาสนาอิสลาม แต่นั้นอาจจะไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญมากเท่าไหร่ แต่เหตุผลใหญ่ๆ คือ เขารู้สึกว่าชีวิตไม่เป็นส่วนตัว ถูกคุกคามจากปาปารัสซี่ตลอดเวลานั่นเอง

34.ภายหลังจากที่พระองค์ทรงหย่าร้างกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลล์ พระองค์ก็ได้สูญเสียฐานันดรศักดิ์ไปทั้งหมด ถึงแม้ว่าควีนเอลิซาเบธที่ 2 อยากจะให้เจ้าหญิงไดอานาคงฐานะไว้ แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลล์ได้ยืนกรานว่าเจ้าหญิงไดอานาจะไม่รับไว้ แต่สุดท้ายพระองค์ก็ทรงเป็น “เจ้าหญิงแห่งเวลส์” อยู่ดี

35.เจ้าชายวิลเลียมเคยตรัสว่า วันใดที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ประเทศนี้ พระองค์จะสถาปนาให้ เสด็จแม่กลับมาเป็นยิ่งกว่าสมเด็จเจ้าฟ้า

36.การจากไปของพระองค์นับว่าเป็นความสูญเสียของคนทั้งโลก พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยวัยเพียง 36 ปี พร้อมกับ นายโดดี ฟาเยด คนรักใหม่ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะหนีการไล่ล่าตามถ่ายรูปของปาปารัสซี่  โดยทรงเสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาลเพียง 2 ชั่วโมง

จากการสิ้นพระชนม์ครั้งนี้ของเจ้าหญิงไดอานา มีเงื่อนงำหลายอย่าง ทั้งการสันนิษฐานว่า คนขับมีค่าแอลกฮอล์ที่สูงมากในเลือด หรือจะเป็น ข่าวลือที่ว่าเป็นคำสั่งของราชสำนัก เพราะมีข่าวว่าเจ้าหญิงไดอานาทรงตั้งครรภ์กับนายฟาเยด นั่นอาจจะส่งผลให้ราชวงศ์มัวหมอง และเสียชื่อ

37.ถึงแม้ความจริงแล้วพระราชพิธีพระบรมศพของเจ้าหญิงไดอานาจะถูกจัดขึ้นที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ และจัดโดยส่วนพระองค์สำหรับสมาชิกราชวงศ์เท่านั้น แต่หลังจากที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 มิอาจทรงเห็นความโศกเศร้าของประชาชน พระราชพิธีนี้จึงถูกถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ มีประชาชนทั่วโลกจำนวนถึง 2.5 พันล้านคน รับชมพร้อมกัน

38.พระศพของเจ้าหญิงไดอานา ถูกฝังบนเกาะกลางทะเลสาปเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ทางสวนป่าทิศตะวันออกเฉียงเหนือของคฤหาสน์ บนทะเลสาบ Althorp

39. “พระองค์ไม่เคยเห็นตัวเองเป็นราชินี” เจ้าหญิงไดอานาทรงเคยประทานสัมภาษณ์กับ มาร์ติน บาเชียร์ ว่า “ฉันอยากจะเป็นราชินีในหัวใจของประชาชน แต่ฉันไม่เห็นตัวเองเป็นราชินีของประเทศนี้เลย ฉันไม่คิดว่า หลายๆ คนอยากให้ฉันเป็นราชินี รวมถึงราชวงศ์ที่ฉันสมรสด้วย หลังจากที่ฉันแต่งงาน พวกเขาตัดสินว่า ฉันเหมือนม้าที่ไม่ได้ลงแข่ง เพราะว่า ฉันทำอะไรที่แตกต่าง ฉันไม่ได้ทำตามกฎในหนังสือ เพราะสิ่งที่ฉันทำมาจากหัวใจ ไม่ใช่ความคิด แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างปัญหาให้กับฉันก็ตาม”

ผ่านมากว่าสองทศวรรษแล้วที่พระองค์ทรงจากไป แต่ไม่มีวันใดที่ประชาชนที่รักพระองค์จะลืมเจ้าหญิงในดวงใจองค์นี้ได้เลย


ข้อมูล : www.popsugar.com, wikipedia

ภาพ : princess.diana.forever

 

 

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up