อากาศร้อนๆ แบบนี้ ผสมกับช่วงนี้กระแสนิยมความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็น ละคร ชุดไทย สถานที่ท่องเที่ยวอิงประวัติศาสตร์ไทย ฯลฯ กลับมาได้รับความสนใจมากอีกครั้ง วันนี้ แพรวดอทคอม เลยจะขออิงกระแสพาแฟนๆ เดินทางไปชิม “ข้าวแช่ชาววัง” เมนูไทยสุดคลาสสิก เพื่อดับกระหายคลายร้อน รวมถึงสูดกลิ่นมะลิ เครื่องอาหารไทยกัน
เช้านี้แพรวดอทคอมเดินทางไปลง BTS พร้อมพงษ์ เพื่อไปเยือนห้องอาหารสยาม ที รูม ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ซึ่งโรงแรมนี้ถือเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นโรงแรมแมริออท มาร์คีส์แห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก ในส่วนของห้องพัก ห้องสวีท สถานที่จัดเลี้ยง ห้องประชุมสัมมนา พื้นที่ใช้สอยกลางแจง สระว่ายน้ำ หรือแม้แต่ห้องอาหารที่มีความหลากหลายที่เรากำลังจะไปชิม ข้าวแช่ชาววัง กันตอนนี้ก็ล้วนมีความหรูหรา อำนวยไปด้วยความสะดวกเต็มพื้นที่เลย ซึ่งต้องบอกว่า ชาวต่างชาติมาพักเยอะมาก…ก


ส่วนห้องอาหารสยาม ที รูม ที่มีเซตข้าวแช่ชาววังรอเราอยู่นั้น ได้ผสมผสานระหว่างความเลิศรสของสไตล์อาหารไทยและอาหารตะวันตกเอาไว้ แต่ละพื้นที่ในห้องอาหารนี้จึงมีการแบ่งเป็นโซนขนมอบ (Pastry) สดใหม่ อาหารไทยต้นตำรับ และมีบริการชายามบ่าย ซึ่งได้ใบชาชั้นดีจากแหล่งผลิตชาที่ขึ้นชื่อจากบนเทือกเขาตอนเหนือของประเทศไทยเรานั่นเอง

ดับกระหายคลายร้อนกับเมนู ข้าวแช่ชาววัง หรือ ข้าวแช่เสวย
สำหรับเมนูที่เหมาะกับช่วงหน้าร้อนอย่าง “ข้าวแช่ชาววัง” หรือ “ข้าวแช่เสวย” ที่เราเลือกมาทานที่นี่ เป็นสูตรลับที่สืบทอดมาจากครอบครัวของเชฟชื่อดัง เชฟอ้น-อนุกูล พูลพิพัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญตำรับอาหารไทย เคี่ยวกรำการครัวมาตั้งแต่เล็กด้วยอยู่ในครอบครัวที่รักในการทำอาหารไทยทั้งคาวหวานมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย โดยเชฟอ้อนได้นำข้าวแช่ชาววังสูตรต้นตำรับชาวมอญ ที่นิยมทานในรั้วในวังมาปรุงอย่างพิถีพิถันให้เราได้ทาน (แต่ต้องบอกก่อนนะว่า ที่นี่จะมีให้ทานเฉพาะมื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 11.00-16.30 น. ตลอดเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2561 นี้เท่านั้น)



กินแล้วก็ต้องรู้ประวัติไปด้วย ข้าวแช่ เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญ โดยแต่เดิมนั้นชาวมอญจะทำข้าวแช่ในช่วงสงกรานต์ เพื่อบวงสรวงเทวดาและถวายพระในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย ต่อมาชาววังได้รับวัฒนธรรมการกินแบบชาวมอญและมีการปรุงแต่งให้วิจิตรบรรจงยิ่งขึ้น ในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 5 มีการเผยแพร่สูตรลับ “ข้าวแช่ชาววัง” หรือ “ข้าวแช่เสวย” ทำให้เป็นที่นิยมในช่วงรัชสมัยนั้น และยังคงรักษาเอกลักษณ์วิถีข้าวแช่จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการหุงข้าวด้วยกรรมวิธีพิเศษ อีกทั้งน้ำลอยดอกไม้และการอบควันเทียน รับประทานกับเครื่องเคียงรสโอชา เช่น


“ลูกกะปิ” ที่โขลกกะปิผสมเนื้อปลาย่าง ตะไคร้ กระชาย หัวหอม กะทิ ปั้นเป็นก้อนพอคำชุบไข่กับแป้งทอดให้เหลือง “หอมแดงยัดไส้” เป็นหอมแดงที่สอดไส้ไก่ผัดกับเครื่องหอม ก่อนนำมาชุบไข่และแป้งลงทอด “พริกหยวกสอดไส้” นำพริกหยวกมาคว้านเมล็ดยัดไส้หมูสับปรุงรสแล้วนำไปนึ่ง ก่อนห่อด้วยไข่ตาข่ายดูหรูหรา “เนื้อฝอย หมูฝอย” เนื้อต้มสุกฉีกเป็นเส้นผัดให้กรอบคลุกเคล้าน้ำตาลมะพร้าว รวมไปถึง หัวไชโป๊วผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน และผักสด ผลไม้สด อีกด้วย
และวิธีรับประทานที่ถูกต้อง จะไม่ตักเครื่องเคียงใส่ลงไปในชาม เพื่อไม่ให้ข้าวแช่ขุ่นหรือเป็นมัน แต่จะตักเครื่องเคียงเข้าปากและตามด้วยข้าว ทานสะอาดหมดจดตั้งแต่เริ่มยันจบ ตามด้วยผักแกล้มเสริมรสชาติให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ส่วนใครที่สนใจอยากมาทานข้าวแช่ชาววัง สูตรลับของเชฟอ้อนที่ห้องอาหารสยาม ที รูม (Siam Tea Room) นี้ ในส่วนของราคานั้น ราคาชุดละ 480++ บาท หรือสั่งกลับบ้านในราคาชุดละ 555++ บาท นะจ๊ะ


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: จักรพงษ์ นุตาลัย